กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 571
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 571
กู้ชูหน่วนทอดหายใจออกมา และมองพวกเขาด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเผ่าเพลิงฟ้าก็เป็นเผ่าโบราณอายุนับพันปี เหตุใดถึงไม่มีสมองสักคนหนึ่งเลย”
“เจ้าบอกว่าผู้ใดไม่มีสมองหรือ?”ชาวเผ่าที่อยู่ด้านข้างด่าขึ้น
“หากข้าอยากก่อความวุ่นวายเผ่าเพลิงฟ้า ข้าจะเอาคนมาแค่เจ็ดแปดคนหรือ?”
“เหอะ เจ้าเห็นเผ่าเพลิงฟ้าเป็นตลาดหรือ อยากจะมาก็มา”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงเพิ่งจะกล่าวพูดจบ ก็ได้ยินเสียงระฆังเตือนภัยดังมา ครอบคลุมอย่างน้อยห้าแห่ง
เสียงระฆังดังขึ้น รองหัวหน้าเผ่าซือคงจะทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้อีกแล้ว
กี่ปีแล้ว ที่เผ่าเพลิงฟ้าไม่มีเสียงระฆังเตือนภัยดังขึ้น และครั้งนี้ พอมันดังขึ้นก็ดังหลายแห่งทีเดียว
ดูเหมือนว่าเผ่าเพลิงฟ้าจะได้พบกับศัตรูที่แข็งแกร่งไม่น้อยเลย
“พวกเจ้าจำนวนหนึ่ง รีบส่งคนไปสนับสนุน”
“ขอรับ”
จอมมารหันไปมองกู้ชูหน่วนด้วยแววตาที่มีเสน่ห์ และยกนิ้วโป้งให้
“พี่หญิง ดูไม่ออกเลยว่าท่านฉลาดมาก รู้จักเตรียมกองทัพซุ่มโจมตีซุ่มโจมตีเผ่าเพลิงฟ้าไว้ล่วงหน้า แต่ไม่ทราบว่าท่านพี่หญิงส่งคนมามากมายเท่าไหร่”
กู้ชูหน่วนไร้คำจะกล่าว
นางไม่รู้เลยว่าเผ่าเพลิงฟ้าอยู่ที่ไหน เตรียมกองทัพซุ่มโจมตีอะไรกัน?
แม้แต่ตัวนางเองยังคิดไม่ถึง ตัวเองแค่พูดหลอกรองหัวหน้าเผ่าซือคงไปอย่างนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นจริง
เยี่ยจิ่งหานกอบกุมมือของกู้ชูหน่วน ขลุ่ยหยกขาวพกพลังมหาศาลฟ้าผ่าลมแรงมา เมื่อโยนเขวี้ยงมันออกไป คล้ายดั่งว่าเป็นเสียงลมพัดนกร้องอยู่ข้างใบหูของทุกคน
“ไม่ไปเวลานี้ จะรอเวลาไหน”
สถานที่ที่ขลุ่ยหยกขาวพาดผ่าน ได้เป็นศพนับไม่ถ้วน
เงาสีขาวพุ่งห่างออกไปไกลกว่าสิบเมตรในชั่วพริบตา
สีชิ่นไป๋จิ่นล้วนมีหัวใจพิสุทธิ์เจ็ดห้อง ตอนที่เยี่ยจิ่งหานปกป้องคุ้มกันพากู้ชูหน่วนออกไป ทั้งสองคนได้ร่วมมือกัน พยายามแยกกีดกันเหล่าคนของเผ่าเพลิงฟ้าที่อยู่ทั้งสองข้างออกห่าง
พวกนางลงมืออย่างไม่ยอมลดละ เหล่าลูกศิษย์ที่ถูกพวกนางจัดการ บ้างก็ตาย ไม่ก็บาดเจ็บหนักพิการ กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลทั่วสนามการต่อสู้ทันที
มีเพียงจอมมารที่ยังอึ้งตะลึงงันมึนงงอยู่ตรงสถานที่เกิดเหตุ คล้ายกับไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วความจริงเกิดอะไรขึ้น
เป็นเวลานาน เขาถึงตอบสนองกลับมา กล่าวตำหนิขึ้นว่า“นี่ พวกท่านไม่มีคุณธรรมน้ำมิตรเกินไปแล้วไหม คิดไม่ถึงว่าจะเหลือข้าไว้แบกรับอยู่ที่นี่คนเดียว”
พูดแล้ว ร่างสีแดงเพลิงของเขาจึงรีบตามเหล่ากู้ชูหน่วนไป
คนของเผ่าเพลิงฟ้าทยอยโอบล้อมสังหาร
จอมมารเอาดอกลำโพงออกมา แต่ละดอกเหมือนกับว่ามีดวงตา พัวพันอยู่กับลูกศิษย์ของเผ่าเพลิงฟ้าไม่ยอมปล่อย
“กร๊อบแกรบๆๆ….”
เสียงกัดแทะดังขึ้น ลูกศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าถูกดอกลำโพงเกี่ยวรัดพันไว้ เพียงแค่เสี้ยวนาที ก็ได้ถูกกัดกินเหลือไว้เพียงซากกระดูก
จอมมารมีความคล่องแคล่วปราดเปรียว และวรยุทธ์ของเขากล้าแกร่ง เส้นทางที่ผ่านไป กองทัพทหารแตกพ่าย ไม่มีคนเป็นคู่ต่อสู้เขาเลย
ไม่นานเขาจึงได้พบเจอกับขบวนของเยี่ยจิ่งหาน
“ข้าเกลียดการเป็นรองที่สุด ข้าอยากจะปะทะก็ต้องได้ปะทะคนแรก ท่านพี่หญิง ท่านอย่าตระหนก อาม่อจะเปิดทางให้ท่านเอง”
เสียงเปิดทาง บริเวณพื้นล้วนเป็นดอกลำโพงยั้วเยี้ยผ่านไป
คนที่ได้สัมผัสหรือเข้าใกล้กับดอกลำโพงไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บ ไม่นานจอมมารก็สามารถสังหารจนไปเส้นทางสายโลหิตได้เลย
กู้ชูหน่วนสังหารพร้อมกับตื่นตระหนกตกใจ
ชายคนนี้ ดีที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับนาง
ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยกับรองหัวหน้าเผ่าซือคงยิ่งมองยิ่งโมโห
นี่ห้าคน นอกเหนือจากกู้ชูหน่วน ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือ เส้นทางที่เดินผ่าน โลหิตอาบราวกับแม่น้ำ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีผู้ใดสามารถขวางเส้นทางของพวกเขาได้
เหล่าผู้คนของเผ่าเพลิงฟ้าอยู่ตรงหน้าของพวกเขา เหมือนกับว่าเป็นต้นข้าว ได้ถูกพวกเขาจัดการอย่างไร้ความปราณี แม้แต่ทางหนีทีไล่จะตอบโต้ยังไม่มีเลย
มองไปที่ไป๋จิ่น ก็ไม่รู้ว่านางทำได้อย่างไร สว่านน้ำแข็งหนีบอยู่ที่มือไม่ยั้ง ทุกอันทยานออกไป แล้วยิงปักลงที่หัวใจของเหล่าประชาชนอย่างแม่นยำ
สีชิ่นนำร่มหลากสีออกมา คนที่ถูกร่มแผ่คลุมต่างทยอยกลายเป็นโลหิต และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าร่มคันนั้นแท้จริงแล้วมีอะไรแฝงอยู่ คิดไม่ถึงว่ามันจะอันตรายขนาดนี้
สิ่งที่ยิ่งทำให้พวกเขาโกรธคือบางครั้งสีชิ่นได้ปิดร่มหลากสีทำเป็นแท่งไม้ตะบองและกระบี่ที่คมกริบ หั่น ปาด ตัดฟัน กด ฝานด้วย
ทุกครั้งที่กระทำ ล้วนมีลูกศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าล้มตาย
ขลุ่ยหยกขาวของเยี่ยจิ่งหาน พลานุภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าสีชิ่นกับไป๋จิ่นเลย มันสามารถนำคนไปสู่ความตายได้เช่นกัน
แม้แต่คนกระจอกจิ๊บจ๊อยระดับสองที่ได้รับบาดเจ็บหนักอย่างกู้ชูหน่วน นางก็ได้อยู่ใต้การคุ้มครองของทุกคน บางครั้งคนทำผิดหนีรอดไปได้ เส้นทางที่ผ่าน โล่งไม่มีสิ่งกีดขวาง
โมโห….
น่าโมโหมาก
ตั้งแต่เริ่มต้นพวกเขาไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจแบบนี้มาก่อน
ไม่สังหารคนเหล่านี้ สวรรค์จะไม่มีทางปล่อยเขา
รองหัวหน้าเผ่าตะโกนขึ้นว่า“ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่แห่งสำนักอวิ๋นกงจับสีชิ่นและไป๋จิ่นไว้”
“ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ย รบกวนท่านจับเยี่ยจิ่งหานหรือว่าจอมมารด้วย”
ก่อนที่รองหัวหน้าเผ่าซือคงจะเอ่ยปาก ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยโบกสะบัดแขนเสื้อ ร่างกายกลายเป็นเงาหนึ่ง พกความอำมหิต พุ่งทยานไปทางจอมมาร
วรยุทธ์ของจอมมารและเยี่ยจิ่งหานสูสีกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นสาเหตุมาจากการที่เยี่ยจิ่งหานได้รับบาดเจ็บหนักหรือไม่ มองตามสถานการณ์ตอนนี้ วรยุทธ์ของเยี่ยจิ่งหานค่อนข้างอ่อนแอกว่าจอมมารมาก
ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยเหมือนกับว่าไม่คิดอะไรเลยแล้วไปต่อสู้กับจอมมารที่มีพละกำลังวรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุด
เพียงแค่จับจอมมารได้ คนเหล่านี้สามารถจัดเก็บทีละคนได้
ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยเลือกจอมมารเป็นคู่ต่อสู้ รองหัวหน้าเผ่าซือคงไม่อยากจะให้ลูกศิษย์ทำเป็นไม่หวาดหวั่นองอาจห้าวหาญมาก เลยเลือกเยี่ยจิ่งหาน
ผู้อาวุโสอีกสองคนที่มีทักษะวรยุทธ์อ่อนแอกว่าจึงได้รับมือกับกู้ชูหน่วน
เหมือนว่าพวกเขามีแผนการนานละ ใช้อำนาจบีบบังคับทั้งห้าคนแยกกัน ตั้งใจที่จะทำลายพวกเขา
ฉากการสู้รบได้เริ่มต้นขึ้น
เผ่าเพลิงฟ้ากำลังพลุ่งพล่าน มีเสียงอาวุธปะทะกัน การต่อสู้ และการเยาะเย้ยเย้ยหยันไม่หยุดหย่อน
ท้องฟ้าเปลี่ยนสีราวกับว่าท้องฟ้ากำลังจะพังทลายลงมา
รังสีอำมหิตได้แผ่ปกคลุมทั่วเผ่าเพลิงฟ้า
ลูกศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าที่อยู่ท่ามกลางสนามการต่อสู้ ได้รับบาดเจ็บและกลายเป็นหมอกเลือดสีแดง
คนของเผ่าเพลิงฟ้าแข็งแกร่งมาก
ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยกับจอมมารต่อสู้สูสีกัน
ต่อสู้กันหลายร้อยรอบ ไม่มีใครยอมใครเลย
เยี่ยจิ่งหานได้รับบาดเจ็บหนัก เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรองหัวหน้าเผ่าซือคง แต่รองหัวหน้าเผ่าซือคงอยากจะจับเขา ก็จับไม่ได้
สีชิ่นกับไป๋จิ่นทำแผนการได้ดีกว่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่แห่งสำนักอวิ๋นกง และไม่ห่างกู้ชูหน่วนคอยปกป้องนางอยู่ตลอด
กู้ชูหน่วนมีการเดินหมากเพลงยุทธ์ที่แปลก ร่างกายลื่นเหมือนกับนางเงือก
ทุกครั้งที่ผู้อาวุโสทั้งสองจะจับนาง นางก็หลบหนีได้ พวกเขาโมโหจนแทบอยากจะจับนางสับหั่นด้วยกริชให้ตายเสีย
“สาวน้อย เจ้าเห็นเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเราเป็นไก่ที่อ่อนแอหรือ?วันนี้จะทำให้เจ้าได้เห็นความเก่งกาจของเผ่าเพลิงฟ้า”
“เหอะ….เก่งแค่ไหนกัน? ชายอาวุโสสองคนอายุมากกว่าห้าสิบปีรังแกเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปี แล้วยังเป็นระดับสองด้วย? ต่อให้พวกเจ้าชนะ พอมันกระจายออกไปมันก็ไม่ดีไหม?”
ผู้อาวุโสทั้งสองชะงักงัน และเหม่อลอยเล็กน้อย
กู้ชูหน่วนแสยะรอยยิ้มที่มุมปากขึ้น ฝ่ามือยกขึ้น ผงฝุ่นสีขาวจึงได้กระจายไปบนใบหน้าของผู้อาวุโสทั้งสอง
เมื่อสัมผัสได้ถึงฝุ่นผง ผู้อาวุโสทั้งสองมีสีหน้าที่เจ็บปวดทรมานปรากฎเฉิดฉายออกมา
“เจ้า…..คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะใช้อาวุธลับ นี่ไม่ใช่การกระทำของผู้ดี”
“ข้ามิใช่ผู้ดีอยู่แล้ว ข้าเป็นหญิงที่อ่อนแอผู้หนึ่ง อีกทั้งพวกเจ้าไม่เคยได้ยินคำว่าศึกไม่หน่ายเล่ห์สี่คำนี้หรือ?”
ซือ……
ผู้อาวุโสทั้งสองสะลึมสะลือ คิดไม่ถึงว่าสะเพร่าชั่วพริบตาเดียว จะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ได้เลย
คนของเผ่าเพลิงฟ้ามากมายมีพละกำลังมหาศาล แล้วยังมีค่ายกลปลุกเสกด้วย
เยี่ยจิ่งหานรู้ เป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเขาจะต้องสิ้นเปลืองพละกำลัง แล้วอ่อนแรงสิ้นลม
และเผ่าเพลิงฟ้ามีผู้อาวุโสสูงสุดจำนวนไม่น้อย วรยุทธ์ของแต่ละคนนั้นดูถูกชะล่าใจไม่ได้เลย
เยี่ยจิ่งหานตะโกนว่า“ให้กู้ชูหน่วนไปก่อน”
“จะไปก็ต้องไปด้วยกัน”
ฝ่ามือพลังมหาศาลพัดกระพือฟ้าผ่าอันหนึ่ง กู้ชูหน่วนและสีชิ่น ไป๋จิ่นได้ต่อสู้จนเป็นเส้นทางสายโลหิต