กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 578
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 578
เหวินเส่าอี๋คิดว่านางแค่ล้อเล่น
ไม่คิดว่ากู้ชูหน่วนจะใช้เข็มทองสกัดจุดฝังเข็มหลักของเขาจริงๆ จากนั้นจึงแบกเขาขึ้นมาและเดินไปยังทางเข้าเส้นทางลับ
เขาไม่เคยได้ยินหรือพบเห็นเคล็ดลับการสกัดจุดฝังเข็มโดยใช้เข็มทองมาก่อน ถ้าจะแก้การสกัดจุด เกรงว่าเป็นครึ่งเดือนก็คงยังแก้ไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขายังบาดเจ็บสาหัส
ที่ทำให้เขาโมโหมากที่สุดก็คือกู้ชูหน่วนแบกเขาเหมือนเหมือนกำลังแบกสิ่งของ ทั้งยังตบสะโพกเขาอยู่หลายครั้งหลายครา
“ดูก้นกลมๆ เล็กๆ นี่สิ ถ้าเป็นผู้หญิงคงจะคลอดเด็กตัวป้อมๆ ได้คอกใหญ่เลยทีเดียว”
เหวินเส่าอี๋เอ่ยเสียงลอดไรฟัน “กู้ชูหน่วน ความขัดแย้งของเรากำลังทวีความรุนแรงขึ้น”
“เหตุใดประโยคนี้จึงฟังดูคุ้นหูนักนะ อ้อ จริงสิ ดูเหมือนเยี่ยจิ่งหานจะเคยพูดเหมือนกัน แต่ต่อมาข้ากับเยี่ยจิ่งหานก็กลายมาเป็นสามีภรรยากัน แต่ก็นะ เทียบกับข้าไม่ได้หรอก หรือว่าทิ้งท่านไว้ที่หอคณิกาให้พวกหนุ่มตุ้ยนุ้ยเหยียบย่ำดี”
“ถ้าเจ้ากล้าทิ้งข้าไว้ที่หอคณิกา ระวังไว้ข้าจะ…”
ป้าบ
กู้ชูหน่วนตบสะโพกเขาของอย่างแรงอีกครั้งหนึ่ง
“จะทำอะไรข้า ท่านคิดหาวิธีเอาอกเอาใจพวกตุ้ยนุ้ยนั่นไว้ได้แล้ว อย่ามัวแต่มาฝันกลางวันอยู่ที่นี่”
“สารเลว…”
ป้าบๆๆ
กู้ชูหน่วนตบสะโพกของเขาอีกหลายครั้ง “ดีแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่โยนท่านทิ้งไว้กลางค่ายทหาร เลือกมากอยู่นั่นแหละ”
“หยุดตีตรงนั้นของข้า” เหวินเส่าอี๋คำราม เขาโกรธจนแทบกระอักเลือด
“ทำไมถึงตีไม่ได้แล้วล่ะ ก้นเล็กๆ กลมๆ ที่มีเสน่ห์นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะเผ่าเพลิงฟ้าของท่านโสโครกเกินไป ข้าก็อยากขึ้นดูเหมือนกัน”
อึก!
คราวนี้เหวินเส่าอี๋โกรธมากจริงๆ โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
เขาซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วและทนการยั่วยุเช่นนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงสลบไปทันที
“เวียนหัวงั้นเหรอ”
แววตาของกู้ชูหน่วนเป็นประกายเล็กน้อย
นางเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้กับเหวินเส่าอี๋
แต่สิ่งที่เผ่าเพลิงฟ้าทำไว้กับเผ่าหยกนั้นโหดร้ายมากจริง
ถ้าอยากโจมตีเผ่าเพลิงฟ้าให้เจ็บหนักๆ ก็ต้องทำให้นายน้อยของพวกนั้นขายหน้า
หลังจากกู้ชูหน่วนกับผู้เฒ่าสวีกลับมารวมตัวกัน จอมมารกับจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ก็ยังไม่ปรากฏตัว
นางอดถามไม่ได้ว่า “หมาน้อยตัวนั้นยังไม่กลับมาอีกหรือ” นี่มันผ่านมานานแล้วนะ
“ยังไม่มาขอรับ ข้าน้อยรออยู่ที่นี่นานสองนานก็ยังไม่พบใครเลย ท่านผู้นำนิกาย ท่านจับนายน้อยแห่งเผ่าเพลิงฟ้ามาหรือขอรับ”
“อื้อ”
“เผ่าเพลิงฟ้าทำร้ายเผ่าหยกอย่างป่าเถื่อน สวรรค์มีตา ทำให้เหวินเส่าอี๋ตกอยู่ในเงื้อมมือของท่าน ท่านผู้นำนิกาย ข้าน้อยขอวิงวอนให้ท่านฆ่าเหวินเส่าอี๋ด้วยเถิด”
กู้ชูหน่วนก้มหน้าลงมองเหวินเส่าอี๋ที่สลบไสลไม่ได้สติ จากนั้นจึงเอ่ยเรียบๆ ว่า “เขายังตายไม่ได้ ข้าจะเก็บไว้ใช้ประโยชน์”
“วรยุทธของเขาแข็งแกร่ง ถ้าไม่ฆ่าตอนนี้ หลังจากนี้การฆ่าเขาคงเป็นไปได้ยาก”
“วางใจได้ ข้าสกัดจุดฝังเข็มเขาไว้ด้วยเข็มทอง แก้ไม่ได้แน่”
กู้ชูหน่วนมองไปที่ปากทางอย่างกังวล ที่นั่นมืดมิดและไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
ผู้เฒ่าสวีกล่าวว่า “เรือนจิ้งอวิ๋นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ นอกจากนี้ยังมีแผนที่เส้นทางอยู่แล้ว ความจริงพวกเขาควรจะกลับมาได้แล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านผู้นำนิกายรีบไปก่อนเถิด ข้าน้อยจะไปดูทางนั้นก่อน”
“มีคนกำลังใกล้เข้ามา กลิ่นอายแข็งแกร่งมาก”
ผู้เฒ่าสวีตั้งสมาธิเพื่อรับรู้ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ที่อีกด้านหนึ่งมีดวงตาอันทรงพลังสองคู่กำลังจับจ้องอยู่ที่ปากทางเข้า ให้ความรู้สึกราวว่าสัตว์ร้ายกำลังจ้องมองพวกเขาและไม่คิดจะปล่อยให้พวกเขาหนีรอด
อำนาจจิตที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เกรงว่าจะมีเพียงรองหัวหน้าเผ่ากับผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยซึ่งมีฝีมือสูงและวิปริตเท่านั้นที่มี
หากมีเพียงหนึ่งเดียวยังอาจเข้าใจได้ว่าเป็นจอมมาร แต่ถ้ามีสองแบบนี้ไม่มีทางเป็นเขาอย่างแน่นอน
โชคดีที่สายตาอันน่าหวาดกลัวทั้งคู่มองอยู่แล้วก็จากไป ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาค้นพบทางเข้าหรือไม่
“เราอาจถูกพบแล้ว ต้องรีบไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด”
“แล้วจอมมารกับอัครมเหสีฉู่ล่ะขอรับ” ผู้เฒ่าสวีถาม
ดวงตาที่ฉลาดหลักแหลมของกู้ชูหน่วนเปล่งประกายเล็กน้อย นางแบกเหวินเส่าอี๋ขึ้นบ่าเตรียมจะจากไป
“ตอนนี้พวกเขาน่าจะยังไม่ตกอยู่ในอันตราย เรารีบแยกย้ายไปก่อน”
หากถูกพวกผู้เฒ่าตายยากของเผ่าเพลิงฟ้าพบเข้า เกรงว่าพวกนางจะตายก่อนที่ชีวิตของจอมมารกับอัครมเหสีฉู่จะหาไม่
“ขอรับ”
ผู้เฒ่าสวีนำทางพากู้ชูหน่วนออกไปด้วยความรวดเร็ว
ทว่าทั้งคู่ยังรู้สึกได้รางๆ ว่ามีบางอย่างกำลังตามพวกเขามา
“ท่านผู้นำนิกายโปรดตรงไปเรื่อยๆ ข้าน้อยจะสกัดข้างหลังให้เอง”
“ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน นี่คือคำสั่ง”
น้ำเสียงของกู้ชูหน่วนไร้ความน่ากังขา ผู้เฒ่าสวีไม่กล้าขัดคำสั่งและทำได้เพียงเร่งความเร็วไปข้างหน้า
คลิก
ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็เหยียบเข้ากับบางสิ่งที่นูนขึ้นมาบนพื้นจนเกิดเสียงดังคลิก
แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาอย่างฉับพลัน เกิดกระแสไหลวนบางอย่างซึ่งดูดนางกับเหวินเส่าอี๋เข้าไปอย่างรวดเร็ว
บ้าชิบ…
นี่มันสถานที่บ้าอะไรกันเนี่ย
หรือว่ามีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ที่นี่
ก่อนจะหายตัวไป นางเห็นดวงตาของผู้เฒ่าสวีเบิกกว้าง เขาพูดอะไรบางอย่างกับนางอย่างร้อนใจและพยายามจะคว้ามือนางไว้อย่างสุดชีวิต
น่าเสียดายที่คว้าไว้ไม่ได้
กู้ชูหน่วนหมุนวนอยู่พักใหญ่โดยไม่รู้ว่าตนเองถูกดูดไปที่ไหน ร่างกายของนางกระทบกับพื้นเสียงดัง เจ็บปวดจนนางถึงกับอ้าปากค้าง
แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือเหวินเส่าอี๋ที่เดิมทีอยู่บนบ่าของนางตกลงมาบนร่างของนางอีกที กระแทกลงมาใส่นางอย่างแรง
นางสงสัยว่ากระดูกซี่โครงของตัวเองจะหักหรือเปล่า
กู้ชูหน่วนผลักเหวินเส่าอี๋ที่หมดสติออกไปด้วยความยากลำบาก นางลุกขึ้นนั่งอย่างโงนเงนและมองไปรอบๆ ที่นี่คือหุบเขาแห้งแล้งรกร้างไร้ผู้คน แต่ไม่รู้ว่ายังอยู่ในอาณาเขตของเผ่าเพลิงฟ้าหรือไม่
เมื่อมองดูแนวเขาลึกที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด หัวของกู้ชูหน่วนก็แทบจะระเบิด ไม่รู้ว่าต้องเดินทางอีกกี่วันจึงจะออกจากภูเขาลูกนี้ได้
หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอันตรายนางจึงหยิบเข็มทิศและกุญแจรูปดาวสามดอกออกมา จากนั้นจึงวางกุญแจแต่ละดอกลงบนเข็มทิศตามตำแหน่ง
เข็มทิศเปล่งประกายระยับและเปล่งแสงสีทองแพรวพราวออกมาเป็นยันต์หยินหยางสัญลักษณ์แห่งฟ้าดิน
บนยันต์หยินหยางมีแผนที่ปรากฏขึ้น กู้ชูหน่วนรีบหยิบพู่กันและกระดาษออกมาวาดแผนที่ที่เห็นลงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีขาดตกบกพร่อง
ทันทีที่นางวาดแผนที่เสร็จ เข็มทิศก็ระเบิดเสียงดังและแตกเป็นผุยผง ไม่มีเศษซากให้เห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
“ที่แท้ท่านก็ไปเผ่าปีศาจและหุบเขาตันหุย ทั้งยังมาที่เผ่าเพลิงฟ้าเพราะต้องการรวบรวมกุญแจรูปดาวทั้งสาม เพื่อตามหาไข่มุกมังกร ข้าน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรก”
สิ่งที่ควรคิดได้ยิ่งกว่าก็คือควรรู้ว่ากุญแจรูปดาวที่อยู่ในเผ่ามีความเกี่ยวข้องกับไข่มุกมังกร ดังนั้นมันจึงเป็นสมบัติที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น
พวกเขาค้นคว้ามาหลายปีแต่ก็ยังไม่รู้ว่ากุญแจนั้นมีไว้เพื่อการใด
เสียงที่อ่อนแรงของเหวินเส่าอี๋ดังขึ้นมาผิดเวลา กู้ชูหน่วนหันไปมองและเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ฟื้นขึ้นมาก็ดี กลืนยานี่ลงไปซะ”
“อื้อ…”
เหวินเส่าอี๋ยังไม่ฟื้นคืนสติดี นางบีบกรามและบังคับให้เขากินยา
“แค่กๆๆ…จะอ่อนโยนสักนิดไม่ได้รึ”
“ท่านเจอข้าวันแรกรึไง”
“…..”
“จะใช้เวลาโดยเร็วที่สุดเพื่อไปให้ถึงที่นี่ได้อย่างไร” กู้ชูหน่วนชี้ไปที่เครื่องหมายสามเหลี่ยมบนแผนที่และถาม
เหวินเส่าอี๋เบือนหน้าหนีไม่ยอมตอบ
กู้ชูหน่วนค่อยๆ ดึงราชางูเหลือมหยกเก้าเศียรที่ข้อมือของตนเองออกมา สะบัดมันไปตรงหน้าเหวินเส่าอี๋
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ชอบกินเนื้อที่สุด โดยเฉพาะเนื้อตรงขาที่สาม ท่านว่า ถ้าข้าใส่มันลงไปในชุดของท่าน มันจะรีบบุกเข้าไปในกางเกงของท่าน แล้วกินขาที่สามของท่านทีละคำๆๆ จนหมดเลยหรือเปล่า”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายของนางและการมองไปที่ช่วงล่างของเขาเป็นครั้งคราว
เหวินเส่าอี๋ก็รู้ทันทีว่าขาที่สามที่กู้ชูหน่วนพูดถึงหมายถึงอะไร
“ท่านเป็นผู้หญิงจริงๆ รึเปล่า”
“ทำไม หรือว่าท่านอยากลอง”