กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 618
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 618
“ได้”
กู้ชูหน่วนช่วยพระองค์เช็ดน้ำตาจากหางตาและพยุง นางขึ้นด้วยตัวเองและไล่ผู้คนที่ดูความสนุกสนานเหล่านั้นไป
“ตาของท่านร้องไห้จนบวมแล้ว ข้าช่วยประคบให้ท่านนะ”
“ใช้ไข่ไก่ประคบหรือ?”
“แต่ก่อนองค์หญิงก็เคยใช้ไข่ไก่ประคบมาก่อนหรือ?”
“แต่ก่อนนี้เสด็จพี่หญิงมักจะใช้ไข่ช่วยประคบให้ข้า” แต่ว่าเสด็จพี่หญิงได้เพิ่มสมุนไพรลงในไข่ไก่ เมื่อประคบจะรู้สึกเย็นๆช่างสบายยิ่งนัก
เพียงแต่ว่าหลังจากที่เสด็จพี่หญิงไม่อยู่แล้วตำรายานั้นก็ไม่มีแล้ว และก็ไม่มีผู้ใดใช้ไข่ไก่ช่วยประคบให้พระองค์อีก
องค์หญิงตังตังจ้องมองกู้ชูหน่วนจับมือเล็กๆของพระองค์ตาเขม็ง
เดิมทีพระองค์ควรจะทรงสลัดทิ้ง แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด
พระองค์อดไม่ได้ที่จะเดินตามกู้ชูหน่วนออกไป
ราวกับว่าขณะที่กู้ชูหน่วนกุมพระหัตถ์พระองค์อยู่เกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างหนึ่งขึ้น
กู้ชูหน่วนก็ไม่ได้คาดคิดว่าองค์หญิงตังตังดื้อดึงอยู่เสมอมาจะยอมให้นางกุมพระหัตถ์อันน้อยๆอย่างเชื่อฟัง
ในขณะที่ออกจากสำนักศึกษานางก็เห็นกู้ชูอวิ๋น
กู้ชูอวิ๋นยังคงมีเสน่ห์ต่อผู้คนดังเช่นเดิม ท่าทางงดงามไร้ที่เปรียบ
เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าเหตุใดในร่างกายของนางมีร่องรอยของความรู้สึกชั่วร้ายอยู่เล็กน้อย
ความรู้สึกชั่วร้ายนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายเท่าใดโดยรู้สึกถึงความอันตรายอยู่ตลอดดังเช่นเผชิญหน้ากับรองหัวหน้าเผ่าซือคงของเผ่าเพลิงฟ้าเช่นนั้น
เพียงแต่ว่าความรู้สึกนี้เพียงแค่แว๊บผ่านไป
ในขณะที่นางตั้งใจสังเกตกู้ชูอวิ๋นก็ยืนอยู่ที่นั่นอย่างสง่างามดังเช่นเมื่อก่อนโดยที่ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
“เจ้าดูสิ่งใดอยู่? ข้าถามตั้งนานแล้วว่าวันนี้ท่านอาจารย์ซั่งกวนจะไม่ปรากฏตัว”
องค์หญิงตังตังคิดว่านางกำลังมองหาอาจารย์ซั่งกวนในฝูงชนจึงอดไม่ได้ที่จะกัดฟันและข่มขู่ว่า “ข้าจะบอกเจ้านะ อาจารย์ซั่งกวนเป็นของข้าใครก็ไม่สามารถแย่งชิงกับข้าได้ เจ้าก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน”
“ด้วยบุญบารมีของท่านข้ามีเสด็จอาของท่านเยี่ยจิ่งหานผู้เดียวก็รับไม่ไหวแล้วไหนเลยจะกล้าทำให้อาจารย์ซั่งกวนขุ่นเคืองได้ นอกจากนี้ถึงท่านจะมอบซั่งกวนฉู่ให้กับข้าเองข้าก็ไม่ต้องการ”
“ถุย เจ้าช่างคิดได้เลิศหรูยิ่งนัก เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะมอบอาจารย์ซั่งกวนให้แก่เจ้า”
กู้ชูหน่วนเขกหน้าผากพระองค์ “ทำท่าทีให้มันดีๆหน่อย ข้าเป็นถึงชายาเสด็จอาของท่านนะอย่าได้อยู่ๆก็ถุยซึ่งเป็นนิสัยที่ไม่ดี”
ดวงตาขององค์หญิงตังตังแดงก่ำและก็ต้องการที่จะทรงกันแสงเสียงดังอีกครั้ง กู้ชูหน่วนตกใจจึงรีบปลอบองค์หญิงตังตังทุกวิถีทางและด้านหนึ่งก็รีบจูงพระองค์จากไปอย่างรวดเร็ว
“บรรพบุรุษของข้าท่านอย่าได้ร้องห่มร้องไห้อีกเลย หากว่ายังร้องห่มร้องไห้ต่อเสด็จแม่และเสด็จพี่ของท่านจะทรงคิดว่าข้าทำสิ่งใดกับท่านอีก”
“เช่นนั้นต่อไปเจ้าอย่าได้เขกหน้าผากข้าอีกนะ ข้าเป็นถึงองค์หญิงนะ”
“ได้ ข้าให้สัญญาต่อไปนี้ข้าจะไม่เขกอีกแล้วเพียงแค่ท่านจะไม่ร้องไห้อีก”
“……”
ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
องค์หญิงตังตังและกู้ชูหน่วนทะเลาะกันรุนแรงที่สุดไม่ใช่หรือ?
ทั่วทั้งเมืองหลวงมีผู้ใดที่ไม่รู้ว่าพวกนางสองคนเป็นคู่อริกัน เพียงแค่เผชิญหน้ากันก็จะต้องแหลกลาญเป็นแน่
แต่สถานการณ์ในตอนนี้เป็นอันใดกัน?
เมื่อองค์หญิงตังตังทรงกันแสงกู้ชูหน่วนก็ขลาดเขลาเสียแล้ว?
หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยก็มองด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
นี่คือพี่ใหญ่ของพวกเขาจริงหรือ?
เหตุใดพวกเขาถึงรู้สึกว่าพี่ใหญ่และองค์หญิงตังตังเหมือนราวกับเป็นพี่น้องแท้ๆกัน เมื่อองค์หญิงตังตังทรงกริ้วพี่ใหญ่ก็รีบปลอบพระองค์?
ที่มุมศาลาของวังหลวงกู้ชูหน่วนใช้ไข่ต้มสองสามฟองแช่ไว้ในยาสมุนไพรจากนั้นก็ปอกเปลือกและช่วยประคบกลิ้งไปกลิ้งมาที่พระเนตรขององค์หญิงตังตังด้วยตนเอง
การเคลื่อนไหวของนางอ่อนโยนและระมัดระวังราวกับเกรงว่าจะทำให้องค์หญิงตังตังเจ็บทรงปวด การเคลื่อนไหวที่ชำนาญนั้นดูเหมือนว่าจะประคบให้กับผู้คนมากมายหลายครั้งแล้ว
“ดูท่านสิ แค่เรื่องเล็กน้อยก็ร้องไห้จนเป็นน้ำตานองเช่นนี้ ตาบวมไปหมดแล้วคิดว่าจะต้องประคบติดต่อกันสักสองสามวัน”
“หากท่านไม่เกรงว่าจะลำบากพรุ่งนี้มาที่จวนหานอ๋อวงรอบหนึ่ง ข้าจะช่วยประคบให้ท่านอีกครั้งนะ”
หลังจากที่กู้ชูหน่วนประคบไข่ไก่ให้พระองค์แล้วองค์หญิงตังตังก็ทรงตะลึงเป็นเวลานานราวกับถูกฟ้าผ่า รับกลิ่นสมุนไพรที่คุ้นเคยบนไข่ไก่อย่างตะกละตะกลาม
กลิ่นสมุนไพรผสมกับไข่ไก่แบบนี้ไข่นี้เหตุใดถึงได้คล้ายคลึงกับของเสด็จพี่หญิงเช่นนี้?
องค์หญิงตังตังทรงถามด้วยความงุนงง “ตำรับยานี้เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ตำรับยาอะไร?”
“ตำรับยาในไข่ไก่?”
“อ๋อ……พระองค์หมายถึงสมุนไพรที่ต้มกับไข่ไก่หรือ หมอทั่วๆไปก็รู้อยู่แล้ว ไม่ผสมสมุนไพรรวมเข้าไปด้วยเพียงแค่ไข่ไก่จะสามารถลดอาการบวมให้รวดเร็วได้อย่างไร? ปวดหรือเปล่า? ข้าเบามือมากแล้ว ”
“เจ้าพูดจาเรื่อยเปื่อย หมอทั่วทั้งในเมืองหลวงก็ไม่รู้ว่าในไข่ไก่มีตัวยาอะไร เจ้าขโมยตำรับยาของเสด็จพี่หญิงของข้าใช่หรือไม่”
กู้ชูหน่วนมองไปองค์หญิงตังตังที่โมโหโทโสโดยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“ข้าไม่แม้แต่จะรู้ว่าเสด็จพี่หญิงของท่านเป็นใครแล้วจะขโมยตำรับของพระนางได้อย่างไร? อีกอย่างข้ากู้ชูหน่วนรักษาโรคภัยให้ผู้คนจะยังต้องขโมยตำรับยาหรือ? พระองค์ก็ไม่ลองไปสอบถามดูว่าอาการป่วยที่ขาของเสด็จอาของท่านเยี่ยจิ่งหานผู้ใดเป็นผู้รักษาให้หายดี?”
“แต่สมุนไพรของเจ้าเหมือนกับของเสด็จพี่หญิงของข้าไม่ผิดเพี้ยน”
“สมุนไพรรักษาไข้หนาวก็ล้วนแล้วแต่คล้ายคลึงกันทั้งสิ้น”
“แต่ว่า……”
“ท่านจะประคบหรือไม่ ไม่ประคบข้าจะไปแล้วนะ”
“เดี๋ยวก่อน เจ้าช่วยข้าประคบสักหน่อยสิ ครั้งหนึ่งอย่างน้อยก็ต้องกลิ้งไปมายี่สิบรอบ”
“ท่านหลักแหลมนักประคบเสียจนเป็นประสบการณ์ไปแล้ว? แต่ก่อนร้องห่มร้องไห้เป็นประจำใช่ไหม?”
“ข้าเป็นถึงองค์หญิงนะจะร้องไห้ได้อย่างไร”
องค์หญิงตังตังเป็นผู้ร้ายปากแข็ง น้ำพระเนตรที่อดกลั้นไว้อย่างยากลำบาก็เอ่อล้นออกมาอีกครั้ง
นอกจากเสด็จพี่หญิงแล้วนางเป็นคนแรกที่ช่วยประคบพระเนตรให้พระองค์อย่างอ่อนโยน
มีชั่วขณะหนึ่งที่พระองค์เกือบจะคิดว่านางเป็นเสด็จพี่หญิงของพระองค์
แต่ว่าเสด็จพี่หญิงได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว
และเสด็จพี่หญิงก็ดีกับพระองค์ตั้งแต่เด็กเป็นไปไม่ได้ที่จะรังแกพระองค์เช่นนี้
ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะน่ารำคาญเสมือนกู้ชูหน่วนเช่นนั้น
กู้ชูหน่วนยิ้มเล็กน้อยแต่ก็ไม่สะกิดคำโกหกขององค์หญิงตังตัง
นางก็ไม่รู้ว่าทำไมวันนั้นางถึงได้ช่วยประคบยาให้พระองค์ด้วยตนเองอย่างคนเป็นบ้า
เช่นไรขณะที่องค์หญิงไม่ได้ทำนิสัยขององค์หญิงก็น่ารักน่าเอ็นดู โดยที่ไม่รู้ตัวนางกลับเกิดความรู้สึกที่อยากจะปกป้องพระองค์ขึ้น
“กู้ชูหน่วนเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าในไข่ไก่แช่ด้วยสมุนไพรอันใดบ้าง”
“ได้”
“เช่นนั้นท่านก็อย่าได้รังแกข้าอีก”
“เจ้าเอาแต่พูดว่าข้ารังแกเจ้า ข้าไปรังแกเจ้าที่ใดกัน?”
“เจ้ามาเรียนสำนักศึกษาครั้งแรกก็ตบหน้าข้าจนทำให้ข้าเสียหน้า”
กู้ชูหน่วนสัมผัสคาง”มีหรือ ข้าจำไม่ได้แล้ว”
“มี”
แม้ว่าจะมีเช่นนั้นก็เนื่องจากพระองค์เย่อหยิ่งจองหองเกินไป นางไม่สามารถทนได้ชั่วขณะหนึ่งจึงได้ลงมือกระมัง
“ที่การแข่งขันชุมนุมวิชาการเจ้าชนะเงินมากมายของข้าแล้วเจ้ายังหลอกหยกจันทร์เสี้ยวของข้าไป หลอกสร้อยคอรูปหัวใจของข้าไป และเจ้าก็ยังหลอกเงินมากมายของเสด็จแม่ไปซึ่งทำให้เสด็จแม่ทรงเสียพระทัยอยู่ตั้งนาน”
“ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเก่ามาแล้ว พวกเราเป็นคนก็ต้องมองไปเบื้องหน้าอย่าได้มองอดีตอีก”
องค์หญิงตรัสอย่างโกรธเคืองโดยที่ในพระทัยก็รู้สึกไม่เป็นธรรมอีกครั้ง “นี่ไม่ใช่เรื่องเก่านี่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ นอกจากเรื่องเหล่านี้เจ้าก็ยังทำให้ข้าเสียหน้าที่หอประมูล เจ้าจงใจเสนอราคาขึ้นสูงให้ข้าไปประมูลตำราเล่มนั้น ข้าไม่มีเงินจึงถูกคนของหอประมูลจับกุมตัว ผู้คนทั่วทั้งใต้หล้าหัวเราะเยาะข้าทำให้ข้าไม่กล้าออกประตูไปที่ใดเป็นเวลานาน”
“ยังมีอีกไหม?” องค์หญิงน้อยผู้นี้ก็ช่างอาฆาตแค้นไปกระมัง
“มี ยังมีเยอะแยะ ยังมี……”
“พอแล้วพอแล้ว เรื่องเหล่านี้เราไม่ต้องกล่าวถึงแล้ว กล่าวถึงเสด็จพี่หญิงของท่านดีกว่า เสด็จพี่หญิงของท่านเป็นคนเช่นไร? พระนางรักใคร่เอ็นดูท่านมากหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำว่าเสด็จพี่หญิงความกริ้วขององค์หญิงตังตังก็จางหายไปและอารมณ์ก็ได้หมองลงในทันใด
“เสด็จพี่หญิงเป็นเสด็จพี่หญิงที่ดีที่สุดในใต้หล้า พระนางเอ็นดูข้ายิ่งนักและก็เนื่องจากช่วยข้าถึงได้……ถึงได้ถูกคนทำร้ายจนตาย เสด็จพี่หญิงเหมือนกับเจ้ามีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ ทักษะการแพทย์ของพระนางเก่งกาจกว่าเจ้าเสียอีก วรยุทธ์ก็ร้ายกาจกว่าเจ้า เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้พระนาง”
“เด็กคนนี้นี่นะ เหตุใดถึงได้เอ่ยเช่นนี้อีก?”