กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 619
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 619
อะไรที่เรียกว่านางไม่คู่ควรที่จะถือรองเท้า
นางจำเป็นต้องถือรองเท้าให้ผู้อื่นด้วยหรือ?
ช่างน่าขัน
“เดิมทีเสด็จพ่อต้องการยกราชบัลลังก์ให้เสด็จพี่หญิง ในบรรดาพระธิดามากมาย เสด็จพ่อทรงรักเสด็จพี่หญิงมากที่สุด”
กู้ชูหน่วนเริ่มเคลื่อนไหว “ยกราชบัลลังก์องค์หญิง?เช่นนั้นเสด็จพี่หญิงของท่านก็จะกลายเป็นจักรพรรดินีในวันข้างหน้า?บรรดาขุนนางทั้งหลายในราชสำนักจะเห็นด้วยหรือ?”
“เสด็จพี่หญิงทรงมีความสามารถมากมายเช่นนั้น หากนางเป็นจักรพรรดินี รัฐเยี่ยจะต้องดีกว่าในตอนนี้อย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่นางถูกฆ่าตายเสียก่อน”
“ถูกใครฆ่า?ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักหรือ?”
“ไม่ใช่ ข้าได้ยินจากเสด็จแม่ว่าดูเหมือนว่าจะเป็นคนของเผ่าเพลิงฟ้า ในตอนนั้นข้ายังเด็กมาก และไม่รู้อะไรมากนัก เพียงแค่รู้ว่าเสด็จพี่หญิงต้องการจะปกป้องข้า ถึงได้……”
ในขณะที่องค์หญิงตังตังกล่าว นางก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาอีกครั้ง
เมื่อกู้ชูหน่วนได้ยินคำว่าเผ่าเพลิงฟ้า ไม่รู้ว่าทำไมในใจของนางถึงมีข้อสงสัยมากมาย
ตอนที่องค์หญิงตังตังกล่าวถึงเสด็จพี่หญิง ไม่เหมือนกับเยี่ยจิ่งหาน เสด็จแม่ของเขาก็เป็นคนของเผ่าเพลิงฟ้าไม่ใช่หรือ?
ไม่เช่นนั้นทำไมเผ่าเพลิงฟ้าถึงต้องการฆ่านาง?
“ข้าขอถามท่านหน่อย เสด็จพ่อของท่านรักเยี่ยจิ่งหานมากกว่า หรือรักเสด็จพี่หญิงมากกว่า?”
“พระองค์ทรงรักทั้งสองคน แต่ข้ารู้ว่าเสด็จพ่อทรงรักน้องชายแท้ ๆ ของตนเองมากกว่า และนั่นก็คือเสด็จอา ความจริงแล้วเสด็จพ่อก็รักเสด็จพี่หญิง ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของคนเอง”
“แล้วเสด็จแม่ของเสด็จพี่หญิงของท่านคือใคร?”
“นี่…..ข้าก็ไม่รู้อะไรมากนัก ดูเหมือนว่าหลังจากที่ให้กำเนิดเสด็จพี่หญิงแล้ว เสด็จแม่ของนางก็คลอดยากจนเสิ้นพระชนม์”
คลอดยาก?
เหอะ……
เป็นไปได้จริง ๆ หรือที่จะคลอดยาก?
เกรงว่า……จะมีความลับที่ไม่มีใครรู้ซ่อนอยู่ในนั้น
ช่างเถอะ ในเมื่อคนตายไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่นางจะไปสืบหา
“เอาล่ะ หากว่างก็ทาด้วยตนเอง ข้ากลับก่อน”
“ท่านจะไปไหน?”
“เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย”
องค์หญิงตังตังเรียกให้นางหยุด และมีหลายอย่างที่อยากจะพูดกับนาง แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร จึงทำได้เพียงตะโกนว่า “ท่านเคยบอกว่าจะจ่ายยาให้ข้า”
“ใบสั่งยาอยู่บนโต๊ะ ท่านหยิบไปปรุงเองได้เลย”
“หึ อะไรจะดีขนาดนั้น เสด็จพี่หญิงรู้จักยาตำรับนี้ก่อนท่านเสียอีก เอ๊ะ……เสด็จแม่ ทำไมพระองค์ถึงมาที่นี่เพคะ?” องค์หญิงตังตังตกใจจนใบสั่งยาในมือสั่น
นัยน์ตาของพระพันปีล้ำลึก และมองไปทางที่ใบสั่งยาของกู้ชูหน่วน ใจของนางล่องลอยไปเล็กน้อย และพึมพำกับตนเองว่า “เหมือน นัยน์ตาคู่นั้นช่างเหมือนยิ่งนัก ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่เคยสังเกตมาก่อน”
“เสด็จแม่ พระองค์กำลังกล่าวถึงอะไรเพคะ ทำไมหม่อมฉันไม่เข้าใจ นางเหมือนใคร?เสด็จพี่หญิงหรือเพคะ?เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเป็นเสด็จพี่หญิง เพียงแค่บังเอิญเป็นตำรับยาเดียวกันเท่านั้น พระองค์ดูนางสิเพคะ นางมีอะไรที่เทียบกับเสด็จพี่หญิงได้บ้าง”
“เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าแววตาเหมือนกันมาก?”
“แววตา?ไม่รู้สึกเพคะ” กลิ่นบนร่างกายค่อนข้างคล้ายคลึงกัน
พระพันปีจ้องมองอยู่นานกว่าจะละสายตา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ นางถอนหายใจยาว “เป็นข้าที่คิดมากเกินไป หากเจ้าเป็นบุตรสาวของพระสนมอวี้ เป็นไปได้อย่างไรที่คืนวันที่สิบห้าจะไม่มีอาการอะไร หากนางเป็นบุตรสาวของพระสนมอวี้จริง ๆ จะมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร”
องค์หญิงตังตังไม่เข้าใจว่าพระพันปีกำลังกล่าวถึงอะไร และคิดว่าพระพันปีต้องการจะจัดการกับนาง จึงอดไม่ได้ที่จะกุมมือของพระพันปีและกล่าวอย่างอ่อนโยน
“เสด็จแม่ พระองค์อย่าทำให้นางลำบากใจเลยเพคะ นางไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด หม่อมฉันรู้ว่าต่อไปต้องรับมือกับนางอย่างไร เพียงแค่หม่อมฉันหลั่งน้ำตา นางก็หวาดกลัวแล้วเพคะ”
เรื่องนี้ค่อนข้างเหมือนกับเสด็จพี่หญิง
“เจ้าดีกับนางเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?แค่ไข่สองใบก็ติดสินบนเจ้าได้แล้วหรือ?”
“ไม่ใช่นะเพคะ”
พระพันปีตรัสสั่งสอนอย่างจริงจังว่า “ตังตัง ไม่ว่านางจะเป็นใคร เจ้าต้องจำไว้ว่าอย่าเข้าใกล้นางมากจนเกินไป”
“ทำไมเพคะ”
“แม่กลัวว่าหากเจ้ากับนางใกล้ชิดกันมากเกินไป มันจะไม่ดีสำหรับเจ้า นางไม่ธรรมดา”
ไม่นานหลังจากที่กู้ชูหน่วนออกไปจากสำนักศึกษาวังหลวง สีชิ่นก็พบกับนาง
“ผู้น้อยสีชิ่น คารวะนายท่าน”
เมื่อกู้ชูหน่วนเห็นนางก็อดไม่ได้ที่จะกลัดกลุ้มใจ
“เกิดอะไรเกิดขึ้นกับหออันดับหนึ่งในใต้หล้าหรือ?”
“หออันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่เป็นไร แต่อาการประมุขชิงต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ผู้อาวุโสหลายคนของเผ่าหยกใช้กำลังภายในรักษาทั้งวันทั้งคืน แต่ประมุขชิงยังคง……เมื่อคืนประมุขชิงฟื้นขึ้นมา และต้องการพบท่านเป็นครั้งสุดท้าย ท่านผู้อาวุโสสูงจึงให้ผู้น้อยมารายงานนายท่าน ไม่ว่าท่านจะพบไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดเม็ดแล้วหรือไม่ ก็ให้กลับไปที่เผ่าหยกก่อน”
กู้ชูหน่วนตัวสั่น ใบหน้าของนางซีดขาวในทันที และมือที่อยู่ข้างหลังของนางก็สั่นเช่นกัน
“พระจันทร์เต็มดวงวันที่สิบห้า อาการของเขาแย่ลงหรือไม่?พระจันทร์เต็มดวงวันที่สิบห้าคราวก่อน เผ่าหยกเป็นอย่างไรบ้าง?”
นางรู้จักอี้เฉินเฟยดีกว่าใคร ๆ หากไม่ใช่เพราะเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาไม่มีทางเอ่ยปากว่าต้องการพบนาง
เขารู้ดีว่านางพยายามตามหาไข่มุกมังกร……
สีชิ่นก้มหน้าลงและมองไม่เห็นสีหน้าของนาง แต่กลิ่นอายของความโศกเศร้าแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของนาง และพอที่จะเดาได้ว่าคำสาปโลหิตที่ออกฤทธิ์ในคืนที่สิบห้าครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อน
“เจ้ากลับไปบอกท่านผู้อาวุโสว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรักษาท่านพี่เฉินเฟยให้ได้ และให้พวกเขารอข้าอีกสักสองสามวัน หลังจากนั้น……”
แววตาของกู้ชูหน่วนดูเจ็บปวด และไม่ได้พูดอะไรต่อ
สีชิ่นเงยหน้าขึ้นในทันที แววตาของนางดูมีความหวัง “นายท่าน ท่านรู้ที่อยู่ของไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดแล้วหรือ?”
“อืม”
“แต่ผู้น้อยต้องการจะช่วยท่าน”
“ไม่ต้อง จริงสิ อัครมเหสีฉู่และจอมมารออกมาจากเผ่าเพลิงฟ้าได้อย่างปลอดภัยแล้วใช่หรือไม่?”
“ออกมาแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่เพิ่งจะออกมาวันนี้”
“ทำไมถึงได้ล่าช้าขนาดนี้? จอมมารถูกคนของเผ่าเพลิงฟ้าจับตัวไปหรือ?”
“เขา…..หลงทาง เรื่องมันยาว……”
“ช่างเถอะ ออกมาได้ก็ดีแล้ว กลับรีบกลับไปที่เผ่าหยกเถอะ”
“เจ้าค่ะ ”
กู้ชูหน่วนมองไปทางเผ่าหยก และรู้สึกไม่สบายใจ
ไม่รู้ว่าอี้เฉินเฟยจะรอจนกว่านางจะนำไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดกลับไปได้หรือไม่
เผ่าหยกอยู่ไกลจากที่นี่มาก หากนางกลับไปตอนนี้ กลับไปแล้วกลับเอาไข่มุกมังกร แล้วกลับไปที่เผ่าหยกอีกครั้ง เกรงว่าจะต้องล่าช้าอย่างแน่นอน
มือของกู้ชูหน่วนที่อยู่ข้างหลังกำแน่นในทันที นัยน์ตาอของนางดูเจ็บปวดและแน่วแน่
นางไม่อยากควักหัวใจแม่ทัพใหญ่เซี่ยว
แต่นางไม่มีทางเลือก หนึ่งชีวิตแลกกับอีกหลายหมื่นพันชีวิต นางจึงต้องเลือกที่จะช่วยอีกหลายหมื่นพันชีวิต
หลังจากตัดสินใจแล้ว กู้ชูหน่วนก็เดินไปที่จวนแม่ทัพอีกครั้ง
จวนแม่ทัพยังคงเหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างคือในที่สุดเซี่ยวอวี่เซวียนก็เป็นอิสระแล้ว
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนมาที่จวน เซี่ยวอวี่เซวียนก็รีบมาต้อนรับ
เขายิ้มอย่างชื่นชม “แม่สาวอัปลักษณ์ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเพียงแค่ท่านยื่นมือเข้ามาช่วย ฝ่าบาทจะต้องยกเลิกพระราชโองการอย่างแน่นอน ท่านรู้หรือไม่ วันนี้มีพระราชโองการมาจากในวังตั้งแต่เช้า และยกเลิกเรื่องการแต่งงานของข้ากับกู้ชูอวิ๋น”
“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ดีใจกับเจ้าด้วย”
กู้ชูหน่วนมองดูรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาและจริงใจของเขา และทำให้นางรู้สึกหนักใจอย่างอธิบายไม่ถูก
หากเขารู้ว่านางควักหัวใจของท่านพ่อเขา เขาจะยังมีความสุขและจริงใจกับนางหรือไม่?
จู่ ๆ ก็มีภาพหนึ่งผุดขึ้นในหัวของนาง
เป็นตอนที่อยู่ที่ทะเลโลหิต
ในคืนที่ฝนตกหนัก นางกับเซี่ยวอวี่เซวียนแตกหักกัน เปลี่ยนจากมิตรกลายเป็นศัตรู และเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
กู้ชูหน่วนรู้สึกเจ็บปวดในขึ้นมาในทันที
ภาพนี้เป็นสิ่งที่นางไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย
สวรรค์ช่างเล่นตลกกับนางเสียจริง… ภาพนี้เป็นไปได้ที่อาจจะเป็นจริง
“แม่สาวอัปลักษณ์ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมดูเหมือนอดอาลัยตายอยาก?หรือเป็นเพราะเมื่อวานท่านต้องลำบากเข้าไปในวังเพื่อช่วยข้า จีงไม่ได้หลับไม่ได้นอน?”
“อาจจะเป็นเช่นนั้น?”