กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 62
เพราะคำพูดของหม่ากงกง น้ำผึ้งในมือของกู้ชูหน่วนจึงตกลงไปในแท่นฝนหมึกอย่างไม่ทันระวัง
นางบ่นพึมพำ “น่าเสียดายน้ำผึ้งดีๆ ชะมัดเลย”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน กู้ชูหน่วนเรอออกมาอย่างพอใจและชื่นชมว่า “ท่านกงกง พ่อครัวผู้นี้มีฝีมือดีมาก ข้ากินแล้วติดใจจริงๆ รบกวนท่านขอให้เขาทำให้อีกชุดจะได้หรือไม่ ข้าจะเอาไปให้สาวใช้ของข้ากินทีหลัง”
“เอ่อ…”
หม่ากงกงไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง
เซี่ยวอวี่เซวียนตีพัดเข้ากับฝ่ามือและเอ่ยอย่างโมโหว่า “แม่สาวอัปลักษณ์ ธูปจะหมดดอกอยู่แล้ว เจ้ายังจะทำอะไรเหลวไหลอยู่อีก”
“รู้แล้วน่า เร่งอะไรนักหนา”
กู้ชูหน่วนโบกมือ จากนั้นคนรับใช้จึงรีบมายกถ้วยอาหารที่เหลือลงไปทันที
ณ ที่แห่งนั้น นอกจากซั่งกวนฉู่กับอี้เฉินเฟย คนอื่นๆ ไม่มีใครเชื่อเลยว่ากู้ชูหน่วนจะชนะ นั่นเพราะธูปกำลังจะไหม้จนหมดก้าน ผู้มีความสามารถคนอื่นๆ ทยอยวาดภาพกันจนเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่รอกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนหยิบพู่กันขึ้นมาอย่างเชื่องช้า นางมองกระดาษซ้ำไปซ้ำมาราวกับกำลังลังเลว่าจะจรดพู่กันตรงไหนดี จากนั้นจึงมองเซี่ยวอวี่เซวียนและพรรคพวกที่กำลังร้อนรนจนหัวหมุน
มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้นรอบๆ ราวกับว่าทุกคนกำลังหัวเราะเยาะกู้ชูหน่วน
เนิ่นนานกว่ากู้ชูหน่วนจะยกปากกาขึ้นมาจรดลงบนกระดาษวาดดอกไม้ดอกหนึ่ง เป็นดอกโบตั๋นที่กำลังบานสะพรั่ง
โบตั๋นดอกนี้เป็นเพียงดอกไม้ธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ เพียงแต่ดูดีกว่าตัวหมากสีดำที่วาดในสำนักศึกษาวันนั้นเป็นไหนๆ
“แปลกมาก ผ่านไปแค่คืนเดียว ฝีมือในการวาดภาพของกู้ชูหน่วนดีขึ้นขนาดนี้เชียวรึ นึกไม่ถึงว่านางจะวาดดอกโบตั๋นหลากสีได้จริงๆ”
“ไม่ว่าฝีมือจะพัฒนาขนาดไหน แต่ดอกไม้ธรรมดาอย่างนั้น เจ้าคิดหรือว่าวาดไปจะมีประโยชน์ ในที่นี้สุ่มหยิบภาพไหนขึ้นมาก็ดีกว่าของนางทั้งนั้น”
ทุกคนส่ายหน้าและทอดถอนใจ
เจ๋ออ๋องนึกลำพองใจและตระหนักได้ว่านางเอาชนะไม่ได้แน่แล้ว
ปรมาจารย์หมากรุกและผู้มีความสามารถจากรัฐจ้าวอดยิ้มไม่ได้ ในการชุมนุมแข่งขันวิชาการรอบการแข่งขันวาดภาพเช่นนี้ นางวาดได้เพียงดอกโบตั๋นธรรมดาเท่านั้น พวกเขาไม่รู้จะว่าอย่างไรกับนางจริงๆ
แววตาที่เยียบเย็นของเยี่ยเฟิงมีความฉงนเล็กน้อย
ทว่าไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ดูถูกดูแคลนกู้ชูหน่วน
“ฉังเจิน ปราชญ์จากรัฐจ้าววาดภาพห้วยหินลำธารในป่าสน ฉังผิง ปราชญ์จากรัฐจ้าววาดภาพหญิงงามสิบสองนาง”
เหล่าคนใช้นำภาพของฉังเจินออกมาแสดง และผู้ชมต่างก็ส่งเสียงชื่นชมอย่างหนาหู
กู้ชูหน่วนลูบคาง
ผู้มีความสามารถจากรัฐจ้าวทั้งสองคนมีพู่กันเพียงไม่กี่ด้าม แต่ไม่ว่าจะเป็นภาพห้วยหินลำธารในป่าสนหรือภาพหญิงงามสิบสองนางล้วนเป็นภาพที่เสมือนจริงมาก
ภาพวาดสองภาพนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาพใดล้วนเรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกทั้งนั้น
เมื่อมองไปที่ตัวแทนจากรัฐจ้าว จึงเห็นว่าใบหน้านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง
“ปรมาจารย์หมากรุกวาดภาพการเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์ในฤดูใบไม้ร่วง ท่านเจ๋ออ๋องวาดภาพเทศกาลวันชีซี”
ภาพวาดถูกกางออกและผู้คนต่างฮือฮา
ภาพการเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์ในฤดูใบไม้ร่วงของปรมาจารย์หมากรุกคือฉากของผู้คนที่กำลังเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง เต็มไปด้วยสุนทรียภาพ ฝีแปรงพลิ้วไหวดูเป็นธรรมชาติ
ภาพเทศกาลวันชีซีของเจ๋ออ๋องคือภาพหญิงสาวที่กำลังขวยเขิน ซึ่งแสดงอารมณ์ความรู้สึกของผู้ที่กำลังเฝ้าฝันระคนวิตกกังวลได้สมจริงมาก
ด้วยฝีแปรงและน้ำหมึกของเขา อารมณ์ความรักของสตรี ความประหม่าของบุรุษ ความงดงามของแสงจันทร์ รวมไปถึงฉากดอกไม้ไฟในเมืองปรากฏเด่นชัดอยู่บนกระดาษ ราวกับนั่นคือภาพวาดของโลกทั้งใบ
“พับผ่าสิ ภาพวาดของปรมาจารย์หมากรุกกับเจ๋ออ๋องก็งดงามมากเหมือนกัน”
“เรียกว่าเป็นผลงานชิ้นเอกเลยทีเดียว ขนาดในการชุมนุมแข่งขันวิชาการครั้งก่อนๆ ยังไม่เห็นว่าจะมีภาพวาดที่งดงามมากชิ้นขนาดนี้”
“จริงด้วย ภาพวาดของปราชญ์จากรัฐจ้าวทั้งสองคนกับปรมาจารย์หมากรุกและเจ๋ออ๋อง หากไปอยู่ในการแข่งขันปีก่อนๆ พวกเขาคงคว้าที่หนึ่งมาอย่างง่ายดาย นี่เป็นการรวมตัวกันของผู้มีฝีมือแก่กล้าหรืออย่างไร”
เจ๋ออ๋องมีรอยยิ้มบนใบหน้า ดูเหมือนเขาจะพอใจกับคำชมเชยของผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง
กู้ชูหน่วนไม่คิดเหมือนกันว่าภาพวาดของเจ๋ออ๋องจะยอดเยี่ยมกว่าที่นางจินตนาการไว้มาก
ว่ากันตามตรง ภาพวาดของเจ๋ออ๋องดูสวยกว่าของผู้มีฝีมือจากรัฐจ้าวเล็กน้อย
ทว่านางกลับยิ้มเยาะและกล่าวว่า “โธ่เอ๊ย ข้าก็ว่าตอนนั้นเหตุใดเจ๋ออ๋องจึงยกเลิกการหมั้นกับข้า ที่แท้ก็โหยหาสตรีนี่เอง เพียงแต่ไม่รู้ว่าแม่นางผู้ไหนที่จะเป็นผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น”
### เทศกาลวันชีซี คือวันแห่งความรักของชาวจีน ตรงกับวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดตามจันทรคติ