กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 640
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ตอนที่ 640
เผ่าเพลิงฟ้า เผ่าเพลิงฟ้าอีกแล้ว นางรู้อยู่แล้วว่าต้องมิหลุดพ้นจากเผ่าเพลิงฟ้าเป็นแน่
“เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเผ่าเพลิงฟ้าอีก?”
“ไม่มีความสัมพันธ์อะไร”
“ฮึ…”
กู้ชูหน่วนหัวเราะแห้งและยังไม่ยอมปริปาก ฝูกวงมิรู้ปรากฏตัวออกมาเมื่อใด ในมือของเขาถือตำราโลหิตอยู่หนึ่งฉบับ แล้วคุกเข่าลงข้างเดียวต่อหน้ากู้ชูหน่วน
“นายท่าน ตำราโลหิตได้มาแล้วขอรับ”สีหน้าฝูกวงจริงจังราวกับมีพันคำพูดหมื่นคำจา แต่สุดท้ายทำได้เพียงรวบรวมเป็นประโยคเดียว
หัวใจของกู้ชูหน่วนชะงักไปครู่หนึ่งและมิกล้าเอื้อมมือไปรับตำราโลหิตนั้นอย่างกะทันหัน
เจี้ยงเสวี่ยปรากฏตัวออกมาในเวลาไล่เลี่ยกับฝูกวง เยี่ยจิ่งหานมองไปยังเจี้ยงเสวี่ย
สีหน้าเจี้ยงเสวี่ยไม่ดีนัก ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างแข็งกร้าว
การกระทำของพวกเขาทั้งสองเท่ากับยอมรับความจริงในสิ่งที่กู้ชูอวิ๋นพูด สีหน้าของกู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานแย่จนถึงที่สุด อุณหภูมิในอากาศก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง หนาวเย็นจนทำให้ผู้คนรอบ ๆ มิกล้าหายใจ
ไม่มีผู้ใดสามารถยอมรับคู่รักที่รักกันคู่หนึ่งต้องกลายเป็นพี่น้องกันอย่างกะทันหันได้
มือที่เอื้อมออกไปของกู้ชูหน่วนสั่นคลอน ในทีสุดก็กัดฟันและรับตำราโลหิตมาแล้วอ่านลงไปทีละตัว
ยิ่งอ่านลงไปเรื่อย ๆ สีหน้าของกู้ชูหน่วนก็ยิ่งแย่ขึ้น จนสุดท้ายสามารถใช้คำว่าสีหน้าซีดเซียวมาพรรณนาได้
เยี่ยจิ่งหานอยู่ข้างกายนาง อวี๋กวงเองก็เห็นเนื้อหาในตำราโลหิตแล้วเช่นกัน
ในตำราเขียนไว้ว่ากู้ชูหน่วนเป็นธิดาโดยกำเนิดของพระสนมอวี้และจักรพรรดิพระองค์ก่อน แต่เพราะว่าการไล่ล่าของเผ่าเพลิงฟ้า ทำให้พระสนมอวี้จำต้องเปลี่ยนนามซ่อนสกุลและแต่งงานเป็นภรรยาของอัครเสนายดีกู้ พระสนมอวี้รู้ว่าตนมีเวลาไม่มากนัก เพื่อเห็นแก่ที่นางได้ช่วยพระสนมอวี้ในการตามหาไข่มุกมังกรได้สองลูก จึงหวังว่าเหล่าผู้อาวุโสแห่งเผ่าหยกจักไว้ชีวิตกู้ชูหน่วนและยอมรับกู้ชูหน่วน
ร่างกายของเยี่ยจิ่งหานโซเซ ดวงตาเหยี่ยวคู่นั้นจ้องที่เนื้อหาในตำราโลหิตอย่างแน่วแน่
ไม่นานนัก เขาก็สั่งคนให้ไปนำผ้าอีกผืนหนึ่งมา บนผ้าเขียนไว้ว่า โอรสของข้าเยี่ยจิ่งหาน
แม้นว่าเนื้อหาจักแตกต่างกัน แต่ทว่าลายมือนั้นเหมือนกันทุกประการ ล้วนมีความป่าเถื่อนในความสวยงาม มีอำนาจในความง่ายดาย
หรือว่า…
พวกเขาทั้งสองจักเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดากันจริง ๆ?
“ฝูกวง ไปที่นิกายเทพอสูรและพาผู้อาวุโสหกมา”
“ผู้อาวุโสหกชอบดื่มสุรา เกรงว่าจักเมาไปแล้วขอรับ”
“แม้นว่าจักเมาก็ต้องพามาให้ได้ ด้วยวิธีแบกหรือหมัดตัวมาก็ตาม ข้าจักถามนางด้วยตัวเอง”
ตอนที่กู้ชูหน่วนพูดประโยคนี้ ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่านางหวาดกลัวมากเพียงใด
ฝูกวงพยักหน้าอย่างจริงจังและหายตัวไปในพริบตาอีกครั้ง
กู้ชูอวิ๋นหัวเราะดังลั่น “เดิมทีพวกเจ้าก็เป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว แม้นว่าเจ้าจักถามคนมากเพียงใด พวกเจ้าก็เป็นพี่น้องกันอยู่ดี ฮ่า ๆ ๆ …กู้ชูหน่วน เจ้าหยิ่งทะนงอยู่เสมอมิใช่หรือ เจ้า…อ๊าก…”
มิรอให้กู้ชูหน่วนลงมือเอง ขลุ่ยหยกขาวในมือของเยี่ยจิ่งหานก็ลงมือไปก่อนแล้ว โดยมิรู้ว่าเมื่อใด ขลุ่ยหยกขาวของเขาวาดฟันในอากาศไปหลายครั้ง บนใบหน้างดงามของกู้ชูอวิ๋นก็เกิดรอยแผลขึ้นทันที
รอยแผลนั้นดูเหมือนเป็นแผลจากการถูกมีดฟันอย่างไรอย่างนั้น เป็นรอยฟันไขว้สลับกันอัดแน่นเต็มไปหมด ดูน่าสะพรึงกลัว
เลือดไหลออกมาอย่างไม่หยุด คอและเสื้อของนางเปื้อนไปด้วยสีแดงเลือดและพื้นก็เต็มไปด้วยสีแดงเลือดเช่นกัน
ผู้คนรอบ ๆ ตกตะลึง สตรีงามคนหนึ่งที่ร่ำลือกันทั่วทั้งเมือง กลายเป็นสตรีอัปลักษณ์ในชั่วพริบตา และบาดแผลก็ยังลึกมากจนแทบจะเห็นกระดูกทุกแผล และทั้งใบหน้าแทบจะไม่มีส่วนไหนที่ไม่เสียหายเลย นอกจากดวงตาของนาง
ใบหน้าของกู้ชูอวิ๋นหากเสียโฉมแล้ว แม้นว่าจะเป็นเทพเจ้าสูงสุดก็มิอาจช่วยนางได้
“อ๊าก…”
กู้ชูอวิ๋นกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและคำรามอย่างบ้าคลั่ง “ใบหน้าของข้า ใบหน้าของข้า…อ๊าก…”
หัวใจของกู้ชูหน่วนไร้ความรู้สึก และไม่มีเรี่ยวแรงที่จะไปดูสถานการณ์อันโหดร้ายของกู้ชูอวิ๋นแล้ว
หากมิใช่เพราะสาเหตุการตายของแม่ทัพใหญ่เซี่ยว การเก็บกู้ชูอวิ๋นไว้ยังคงมีประโยชน์ แต่เกรงว่านางคงกลายเป็นศพไปแล้ว ณ เวลานี้
มิรู้ว่ากู้ชูหน่วนเดินออกจากห้องประหารไปตั้งแต่เมื่อใดกัน แม้แต่นางเองก็ยังมิรู้เลย
ในเรือนอุสุม กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานต่างจ้องมองกัน แต่กลับมิรู้จะพูดอะไร
พี่น้อง ช่างน่าขันยิ่งนัก
เป็นคู่รักดีๆ คู่หนึ่งกลับกลายเป็นพี่น้อง ไม่ว่าใครก็มิสามารถยอมรับได้หรอก
สุดท้าย ก็เป็นเยี่ยจิ่งหานเองที่พูดปลอบประโลมว่า “เพียงแค่ตำราโลหิตมิสามารถพิสูจน์อะไรได้หรอก ลายมือก็สามารถปลอมแปลงกันได้”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเบาๆ
ก่อนหน้านั้นนางคิดเสมอว่าการตายของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวเป็นฝีมือของกู้ชูอวิ๋น แต่จากการไต่ถามเมื่อครู่นั้น นางเชื่อแล้วว่ากู้ชูอวิ๋นมิได้เป็นคนฆ่าแม่ทัพใหญ่เซี่ยว
แต่ทว่านางก็เชื่อว่ากู้ชูอวิ๋นไม่มีความสามารถในการปลอมแปลงลายมือเพียงนั้นเช่นกัน
นอกจากว่ายังมีคนอยู่เบื้องหลังนาง
“นายท่าน ผู้อาวุโสหกมาแล้วขอรับ แต่ทว่าผู้อาวุโสมึนเมามาก…เขา…”
“พาเขาเข้ามา”
เสียงดังปัง ประตูก็เปิดออก
ฝูกวงและเจี้ยงเสวี่ยช่วยกันแบกผู้อาวุโสหกที่กำลังมึนเมาอยู่เข้ามา
ใบหน้าของผู้อาวุโสหกแดงก่ำไปหมด เต็มไปด้วยกลิ่นสุราทั่วทั้งตัว มึนเมาจนไม่รู้เรื่องใดๆ ตั้งนานแล้ว
กู้ชูหน่วนหยิบน้ำเย็นมาถังหนึ่ง สาดเข้าที่ใบหน้าของเขาโดยตรง
โดนน้ำเย็นสาดเข้าไปหนึ่งที ผู้อาวุโสเพียงแค่พลิกตัวไปครั้งหนึ่ง และขมวดคิ้ว จากนั้นก็นอนต่อ
“ผู้อาวุโสหก ข้ามีเรื่องสำคัญจะถามท่าน ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
“ดื่ม ดื่มด้วยกัน…”
กู้ชูหน่วนกระชากคอเสื้อของเขาและกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ในนามของหัวหน้าเผ่าข้าขอสั่งท่านให้ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้ว
หัวหน้าเผ่า…
นางคือหัวหน้าเผ่าหยกอย่างนั้นรึ?
ย้อนนึกถึงว่านางมีหลายบทบาท เพียงแต่มิอาจคาดถึงว่านางจะเป็นหัวหน้าเผ่าหยกได้
หากนางเป็นธิดาของเสด็จแม่ เผ่าหยกต้องเกลียดชังนางอย่างมากมิใช่หรือ? เหตุใดจึงแต่งตั้งให้นางเป็นหัวหน้าเผ่าได้ล่ะ?
เพียงแค่คำสั่งของหัวหน้าเผ่าเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้ผู้อาวุโสฟื้นขึ้นมาทันที ดวงตาที่เหนื่อยล้าของเขาลืมตาขึ้น และกล่าวอย่างมึนงงว่า “เป็นอะไรอย่างนั้นหรือ? ข้าก่อเรื่องอีกแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าถามท่าน เสด็จแม่ของข้าเป็นใครกัน?”
“เสด็จแม่ของเจ้า…เสด็จแม่ของเจ้าก็เป็นเสด็จแม่ของเจ้าไงเล่า…”
เสียงลมหายใจที่เสมอกันดังขึ้นอีกครั้ง ผู้อาวุโสหกเพียงแค่พูดไปคำหนึ่งก็ล้มลงไปเช่นเดิม
กู้ชูหน่วนโกรธจนสั่งให้คนไปเตรียมน้ำมาหลายถังและสาดเข้าบนหน้าของเขาอย่างต่อเนื่อง
สาดถังแรกลงไปยังมีปฏิกิริยาบ้างเล็กน้อย
แต่ถังต่อไปก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อีกเลย
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้ามิสนว่าท่านจะเมาจริงหรือแกล้งเมา แต่หากท่านไม่ฟื้นขึ้นมา ก็จักใช้น้ำร้อนจัดสาดใส่ท่านแล้วนะ”
เงียบกริบ…
เงียบกริบอย่างน่าขนลุก นอกจากเสียงลมหายใจก็ไม่มีเสียงใดๆ เลย
“ฝูกวง ไปเอาน้ำร้อนจัดมาสาดใส่เขาจนเขาฟื้นซะ”
“ฮะ…นายท่าน นี่…นี่มันถึงแก่ความตายเลยนะขอรับ หรือว่า…”
“นี่คือคำสั่ง”
“ขอรับ…”
ไม่นานนัก ฝูกวงก็กลับมาพร้อมกับน้ำร้อนจัด เพียงแต่ว่าเขามิกล้าที่จะสาดลงไป
อย่างน้อยผู้อาวุโสหกก็เป็นผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงเรียงนามในเผ่าเช่นกัน เขาจะกล้า…
“สาดลงไป…”
ทั้งชิงเฟิง เจี้ยงเสวี่ยและฝูกวงอยากจะห้าม แต่กู้ชูหน่วนออกคำสั่งไปแล้ว
สีหน้าท่าทางของนางเคร่งขรึมนัก ฝูกวงมิอาจขัดคำสั่งได้ จึงทำได้เพียงหลับตาลงแล้วสาดลงไป
น้ำร้อนจัดถูกสาดลงไป ผู้คนรอบๆ จึงอดมิได้ที่จะไปดูสถานการณ์อันโหดร้ายของผู้อาวุโสหก แต่กลับพบว่าผู้อาวุโสพลิกตัวและหลบจากน้อร้อนจัดนี้ไปอย่างเฉียดฉิว
เมื่อเห็นฉากนั้น กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะแล้วกล่าวว่า “แกล้งโง่งั้นรึ ได้ หากวันนี้ท่านมิบอกข้า เช่นนั้นตำแหน่งหัวหน้าเผ่าหยกข้าก็จักไม่เป็นมันแล้ว พวกท่านใครใคร่เป็นก็คนนั้นเป็นไปเสีย ไข่มุกมังกรก็ไปตามหากันเองแล้วกัน”
ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ …
กู้ชูหน่วนหยิบป้ายหัวหน้าเผ่าออกมาจากอก และโยนให้กับผู้อาวุโสหก
“ข้าจะกลับไปทูลบอกเหล่าผู้อาวุโสในเผ่าหยกทุกคน ว่าท่านเป็นคนบังคับขู่เข็ญให้ข้าสละตำแหน่งหัวหน้าเผ่าเอง”
บทที่ 639
บทที่ 641