กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 676
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 676
ผู้ชายที่อยู่บนหลังของเขาไม่เพียงแต่เป็นศัตรูของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นศัตรูหัวใจของเขาอีกด้วย
เขาเป็นถึงผู้นำของเผ่าปีศาจ เหตุใดถึงถูกลดความสำคัญจนต้องมาแบกคนป่วยพิการเช่นนี้ด้วย?
แต่หากทิ้งเขาไว้ พี่หญิงจะต้องลงมือแบกเขาด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นคนที่เหนื่อยก็จะเป็นพี่หญิงเองไม่ใช่หรือ?
แม้ว่าจะไม่ยินยอมเป็นหมื่นพันครั้ง จอมมารก็ยังคงกัดฟันและแบกเขาต่อไป
เจี้ยงเสวี่ยเห็นเข้าก็มีเหงื่อไหลออกมา
ต่อให้จอมมารจะอารมณ์ไม่ดีและลงมือจัดการนายท่านของเขาเสีย แต่ตัวเขาเองกลับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เขาจึงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะไปปกป้องดูแลนายท่านของตัวเอง และทำได้เพียงเฝ้าจับจ้องจอมมารอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันจอมมารแอบลอบสังหารนายท่าน
สระบัวใหญ่มากเหลือเกิน พวกเขาใช้เวลาเดินอยู่นานก็ยังไม่สามารถเดินออกไปได้ ที่นี่ราวกับเป็นเขาวงกต สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนนั่นก็คือที่นี่ไม่มีค่ายกลมาคอยรบกวน และทำได้เพียงอาศัยสองเท้าของพวกเขาเพื่อเดินออกไป
“พี่หญิง อีกไกลแค่ไหนหรือ?” เขาเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
นางจะรู้ได้อย่างไรว่าไกลมากเพียงใด นางก็เดินบนเส้นทางนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน
“เสี่ยวลู่ เจ้าจำทางได้หรือไม่?”
“ข้าน้อยไม่รู้ เส้นทางเดินนี้ผู้อาวุโสในเผ่าต่างไม่อนุญาตให้พวกข้าเดิน ไม่เช่นนั้นนายท่านพักลงตรงนี้สักประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วข้าจะออกไปสำรวจเส้นทางดูก่อน”
“ไม่ต้องแล้ว เสียเวลา”
กู้ชูหน่วนค้นหาสิ่งของบางอย่างในวงแหวนอวกาศและในที่สุดก็เจอพลุสัญญาณ
นางดึงสลักพลุสัญญาณและปล่อยออกไปทันที จากนั้นจึงหาที่นั่งลงเพื่อรอให้คนของเผ่าหยกมาสมทบกับนาง
จอมมารมองไปที่กู้ชูหน่วนและจากนั้นจึงหันไปมองพลุสัญญาณบนท้องฟ้า
นี่……แค่นี้ก็ได้แล้วหรือ?
เรื่องง่ายดายเช่นนี้ เหตุใดเมื่อสักครู่พวกเขาถึงคิดกันไม่ได้?
และเจ้าพลุสัญญาณนี้ เหตุใดเขาถึงมองไม่เห็น?
นี่คือพลุสัญญาณพิเศษของเผ่าหยกอย่างนั้นหรือ?
จอมมารวางเยี่ยจิ่งหานลง เขาแทบอยากโยนเขาออกไป แต่เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนจ้องเขม็งกลับมา จอมมารจึงทำได้เพียงวางเขาลงเบาๆ
เสี่ยวลู่และเจี้ยงเสวี่ยเห็นเข้าต่างตกตะลึง
หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอนว่านี่คือผู้นำแห่งเผ่าปีศาจที่เป็นจ้าวแห่งความครอบงำ?
จอมมารกล่าวอย่างออดอ้อน “พี่หญิง เผ่าหยกของท่านยังต้องการรับสมัครคนอีกหรือไม่? หรือจะพูดว่ายังรับสมัครลูกเขยอีกหรือไม่?”
“เจ้าคิดจะทำอะไรอีก?”
“ต้องการเป็นลูกเขย”
“แต่งงานกับใคร?”
“เอ่อ……เรื่องนี้ใครจะกล้าพูดออกมาเล่า”
“เจ้าหมาน้อย ข้ารู้สึกขอบใจเจ้ามาก แต่ว่า……”
“พี่หญิง ท่านดูสิสระบัวนี้สวยมากเหลือเกิน ครั้งหน้าท่านพาอาม่อมาที่นี่อีกนะ ข้าอยากไปล่องเรือในสระบัวเพื่อชมดอกบัว”
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนพูดจบ จอมมารก็พูดแรกขัดจังหวะขึ้นมา
กู้ชูหน่วนถอนหายใจด้วยความเศร้าและรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในใจ
จอมมารชอบนาง เหตุใดนางจึงไม่รู้
เพียงแต่……หัวใจของนางเล็กเกินไป……และตอนนี้เพียงคิดต้องการทำลายคำสาปโลหิตของเผ่าหยกเท่านั้น
เมื่อมองไปยังเยี่ยจิ่งหานที่ยังคงสลบไสล เขาหลับไปราวกับเด็กทารกที่เพิ่งเกิดออกมา ที่สะอาดบริสุทธิ์ไร้ที่ติ มองดูแล้วก็ก็อดไม่ได้ที่จะละสายตาไปได้
เมื่อเจอกับคำพูดเช่นนั้นของจอมมาร นางจึงทำได้เพียงฝืนยิ้มออกมา “ได้ หากมีโอกาสนั้นละก็ เช่นนั้นข้าจะพาเจ้ามาล่องเรือที่นี่”
“เหมือนจะมีคนมา”
ทันใดนั้นเสี่ยวลู่ก็พูดขึ้นและทุกคนต่างพากันตื่นตัว
คนที่มานั้นไม่ใช่คนของเผ่าหยก ก็คงเป็นผู้อาวุโสที่ตายยากของเผ่าเพลิงฟ้าเหล่านั้น
โชคดี คนที่มานั้นไม่ใช่ผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้า แต่เป็นผู้อาวุโสของเผ่าหยกและผู้ที่เดินนำมาก็คือผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและผู้อาวุโสเก้า
“หัวหน้าเผ่า ท่านจริงๆ ด้วย?”
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและผู้อาวุโสเก้ารวมไปถึงคนอื่นๆ มีความสุขอย่างมาก พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาของพวกเขาเอง
ยอดฝีมือของเผ่าหยกพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องหัวหน้าเผ่าและไข่มุกมังกร แต่ปกป้องคุ้มครองเพียงครึ่งทางหัวหน้าเผ่าก็หายไป พวกเขาพยายามตามหาอย่างไรก็ไม่พบ
เมื่อเห็นพลุสัญญาณเข้า พวกเขายังสงสัยว่าใครช่างกล้าหาญใช้เส้นทางเดินนี้ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นหัวหน้าเผ่าของตัวเอง
ในที่สุดหัวใจที่เคร่งเครียดตลอดการเดินทางของเสี่ยวลู่ก็ผ่อนคลายลง
ผู้อาวุโสของเผ่าหยกมาถึงแล้ว เช่นนั้นพวกเขาน่าะปลอดภัยแล้ว
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าสำรวจตรวจสอบกู้ชูหน่วนไปทั่วบริเวณ เพื่อแน่ใจว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จากนั้นจึงถอนหายใจออกมา
“ท่านหัวหน้าเผ่า ท่านไม่เป็นอะไรช่างดีเหลือเกิน ท่านไม่รู้ว่าพวกข้าเป็นกังวลมากเพียงใด”
“ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าไม่เป็นอะไร เจ้ารีบออกไปบอกลูกศิษย์ในเผ่าที่ออกไปช่วยเหลือให้กลับมาเถอะ”
“ขอรับ อ้อใช่ ท่านหัวหน้าเผ่า เช่นนั้นแล้วไข่มุกมังกรล่ะ นำไข่มุกมังกรกลับมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?
“นำกลับมาแล้ว”
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและคนอื่นๆ ดีใจจนพูดไม่ออก
พวกเขารอกันมากว่าพันปี ค้นหามาแล้วพันกว่าปี ในที่สุดก็สามารถรวบรวมไข่มุกมังกรจนครบ
ในที่สุดคำสาปโลหิตของเผ่าหยกก็มีทางรอดแล้ว
เมื่อเทียบกับความดีใจของผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและคนอื่นๆ แล้วนั้น กู้ชูหน่วนกลับรู้สึกหนักใจอย่างมาก
เพื่อไข่มุกมังกรเม็ดนี้ ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนมากเพียงใดต้องสละชีวิตลง
จอมมารเลิกคิ้วกว้างและแทบไม่อยากจะเชื่อ “ท่านเป็นหัวหน้าเผ่าหยก ข้าควรจะคาดเดาได้นานแล้ว”
เจี้ยงเสวี่ยก็ทำสีหน้าไม่เชื่อเช่นกัน
หัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก ซึ่งมีสถานะที่แน่นอนและแทบสามารถมีอำนาจครอบงำคนทั้งโลกได้
หัวหน้าเผ่าผู้สูงส่ง แต่เหตุใดถึงอายุน้อยเช่นนี้?
กู้ชูหน่วนพยักหน้า “เรื่องนี้ค่อยพูดกันวันหลัง กลับไปกันก่อนเถอะ”
หลังจากความดีใจผ่านพ้นไป ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและคนอื่นต่างค้นพบว่านอกจากกู้ชูหน่วนและเสี่ยวลู่แล้ว ที่นี่ยังมีคนนอกอีกสามคน อีกทั้งหนึ่งในนั้นคือเยี่ยจิ่งหาน เทพแห่งสงคราม
เมื่อเห็นเยี่ยจิ่งหาน ผู้อาวุโสเก้าเดือดพล่านขึ้นมาเป็นคนแรกและกระโดดออกมาทันที
“เยี่ยจิ่งหานมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ใครเป็นคนพาเขาเข้ามา? เสี่ยวลู่ เจ้าไม่รู้หรือว่าเยี่ยจิ่งหานและเผ่าหยกของเรามีความสัมพันธ์กันอย่างไร? เหตุใดถึงยังกล้าพาเขาเข้ามา”
“ข้าเป็นคนพาเขาเข้ามาเอง” กู้ชูหน่วนมองไปยังผู้อาวุโสเก้าที่แสดงสีหน้าโกรธแค้นด้วยความไม่เข้าใจ และรวมไปถึงลูกศิษย์คนอื่นๆ ในเผ่าที่แสดงสีหน้าไม่พอใจ
ผู้อาวุโสเก้าทั้งโกรธทั้งโมโห “ท่านหัวหน้าเผ่า เหตุใดท่านถึงพาเข้าเข้ามายังเผ่าหยก? หรือว่าท่านลืมไปแล้วหรือว่าเผ่าหยกไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา โดยเฉพาะเยี่ยจิ่งหาน?”
“สถานการณ์เร่งด่วน ผู้อาวุโสทั้งสี่ของเผ่าเพลิงฟ้าไล่ล่าตามฆ่าพวกข้ามา หากไม่พาพวกเขาเข้ามา เขาคงต้องตายเท่านั้น”
“เขาตายไปก็ดีแล้ว พวกเราจะได้ไม่ต้องลงมือ”
“ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสเก้าจะไม่ชอบเขานัก?”
“เอ่อ ไม่เพียงแค่ข้าเท่านั้น ทั้งเผ่าหยกมีใครหรือที่ชอบเขา? อย่าว่าแต่ข้าไม่ยอมเลย คนในเผ่าหยกไม่มีใครยอมหรอก”
“เหตุใดหรือ?” เป็นลูกของพระสนมอวี้เช่นเดียวกัน แต่เหตุใดพวกเขาถึงดื้อรั้นและลำเอียงมากเช่นนี้?
นางไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าเป็นเพียงเพราะพระสนมอวี้เคยทรยศหักหลังต่อเผ่าหยก
“อาหน่วน ท่านบอกว่าผู้อาวุโสทั้งสี่ของเผ่าเพลิงฟ้าไล่ล่าเพื่อฆ่าพวกท่านอย่างนั้นหรือ?” ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าพูดแทรกขึ้นมา
“ใช่”
“เช่นนั้นพวกเรารีบกลับไป ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีม่านเวทมนตร์คอยคุ้มกัน แต่ความสามารถของผู้อาวุโสทั้งสี่ของเผ่าเพลิงฟ้านั้นก็ประมาทไม่ได้ ยากที่จะบอกได้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำลายม่านอาคมแรกเพื่อเข้ามาที่นี่ได้”
“หากต้องกลับไป ข้าจำเป็นต้องพาพวกเขาไปด้วย”
“ไม่ได้” ผู้อาวุโสพูดปฏิเสธออกมาโดยไม่คิด
“ไม่ว่าท่านต้องการอะไร พวกข้าก็พร้อมปฏิบัติตาม ยกเว้นเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม่สามารถทำได้”