กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 681
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 681
จอมมารหมุนแขนเสื้อและเอ่ยอย่างเศร้าใจเล็กน้อย “พี่หญิง…หรือท่านจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเขาก่อน ข้าจะไม่รบกวนพวกท่านแล้ว”
“ไม่เป็นไร… อาม่อ ข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำ ช่วงนี้อยู่ในเผ่าหยกเจ้าทำตัวดีๆ นะ อย่าเที่ยวไปสร้างปัญหาที่ไหน เข้าใจหรือไม่”
“ข้าดูเป็นคนชอบสร้างปัญหางั้นหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าแค่กลัวว่าถ้าสาวกของเผ่าหยกพูดจาไม่ให้ความเคารพเจ้า หรือพูดอะไรที่ฟังไม่เข้าหู เจ้าอาจจะทนไม่ไหวแล้วฆ่าพวกเขา”
“อย่ากังวลไปเลย ข้าไม่มีวันสังหารคนของพี่หญิงอย่างมั่วซั่ว อย่างมากก็แค่สั่งสอนบทเรียนสักเล็กน้อยเท่านั้น”
จอมมารเงยหน้าอย่างใสซื่อ ใบหน้าที่งดงามฉาบฉายไปด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “ข้ารู้ว่าพี่หญิงต้องรีบหลอมไข่มุกมังกรให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ท่านไปเถิด หลังจากหลอมไข่มุกมังกรแล้ว ท่านค่อยพาข้าไปชมดอกไม้ที่หลังภูเขาก็ได้”
“อื้ม”
กู้ชูหน่วนลูบเส้นผมสีดำของเขาโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเขาเป็นน้องชายของนางจริงๆ
การแสดงออกที่สนิทสนมเช่นนี้ยิ่งทำให้จอมมารพร้อมจะทำตัวให้เป็นประโยชน์
เขาหลับตาลงเหมือนสุนัขตัวน้อย ปล่อยให้กู้ชูหน่วนลูบผมอย่างพึงพอใจ ปากก็เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ข้าชอบให้พี่หญิงลูบหัวข้าแบบนี้”
“พูดมาก”
กู้ชูหน่วนมอบเกาลัดให้เขาหนึ่งลูก จากนั้นจึงเดินไปยังเรือนของเยี่ยจิ่งหาน
เจี้ยงเสวี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้ชูหน่วนให้ยาบำรุงเลือดลมแก่เขาบ้างแล้ว แม้ว่าจะฟื้นฟูเลือดลมและพลังปราณของเขาไม่ได้ในทันที แต่ก็นับว่าช่วยให้เขาฟื้นตัวได้มาก
ส่วนเยี่ยจิ่งหาน อาการบาดเจ็บของเขาอยู่ในภาวะคงที่ชั่วคราวหลังจากได้รับการรักษาจากนาง เพียงแต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามวันกว่าเขาจะฟื้น
กู้ชูหน่วนมอบหมายให้ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าดูแลเยี่ยจิ่งหาน พร้อมกำชับให้เขาใช้ยาและวิธีรักษาที่ดีที่สุด
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เพราะเป็นคำสั่งของหัวหน้าเผ่า เขาจึงต้องฝืนทำอย่างไม่เต็มใจ
แม้จะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วกู้ชูหน่วนก็ยังไม่วางใจ ดังนั้นนางจึงเรียกเสี่ยวลู่ให้มาหา
“เจ้าติดตามข้ามาหลายปีแล้วใช่หรือไม่เสี่ยวลู่”
“เรียนนายท่าน ใช่เจ้าค่ะ”
“แล้วเจ้าจงรักภักดีต่อเผ่าหยกหรือจงรักภักดีต่อข้า”
“เสี่ยวลู่ย่อมมีความจงรักภักดีต่อนายท่านอยู่แล้วสิเจ้าคะ”
“เอาละ ข้าต้องการให้เจ้าคอยปกป้องเยี่ยจิ่งหานอย่างใกล้ชิด อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาในเผ่าหยกเด็ดขาด”
“นายท่านกลัวว่าคนในเผ่าจะฉวยโอกาสตอนที่ท่านหลอมไข่มุกมังกรมาสร้างความเดือดร้อนให้เยี่ยจิ่งหานหรือเจ้าคะ”
แม้ว่าทุกคนในเผ่าหยกจะอยากให้เยี่ยจิ่งหานตาย แต่ในเมื่อนายท่านมีคำสั่งลงมาแล้ว ใครจะกล้าทำอะไรเยี่ยจิ่งหาน?
“ข้าไม่อยากคิดถึงคนอื่นในแง่ร้าย แต่ข้าก็ไม่กล้ามองโลกในแง่ดีเกินไป”
เสี่ยวลู่ชะงักไปนิดหนึ่งและโค้งคำนับรับคำสั่ง “นายท่านวางใจได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต เสี่ยวลู่ก็จะปกป้องท่านหานอ๋องให้ได้”
“อื้ม”
กู้ชูหน่วนจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่นางยังคงรู้สึกว่างเปล่าและมีลางสังหรณ์ไม่ดี ราวกับว่ากำลังจะมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นกับเผ่าหยก
เมื่อเห็นว่านางขมวดคิ้วอย่างตึงเครียด เสี่ยวลู่จึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “นายท่านกังวลเรื่องไข่มุกมังกรหรือเจ้าคะ เราได้ไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดมาแล้ว คำสาปโลหิตจะได้รับการแก้ไข ท่านวางใจเถิดเจ้าค่ะ ส่วนสหายที่ท่านพากลับมาด้วย ข้าน้อยรับรองว่าจะไม่มีใครในเผ่ากล้าทำอะไรพวกเขาเด็ดขาด”
ใช่สิ ได้ไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดมาแล้ว นางยังมีอะไรต้องกังวลอีก
หรือกลัวว่าถ้าหวังมากเกินไป ความผิดหวังก็จะมากตามไปด้วย?
ฟู่ว…
นางจะคิดในแง่ลบไปทำไม ไข่มุกมังกรก็ได้มาแล้ว จะคลายคำสาปโลหิตไม่ได้ได้อย่างไร
ห้องกลั่นยาของเผ่าหยกเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเผ่าหยก
ปกติที่นี่จะได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา แต่วันนี้ที่นี่แออัดไปด้วยผู้คนและมีคนคอยคุ้มกันอยู่ทุกจุด
ในห้องลับของห้องกลั่นยา เหล่าผู้อาวุโสผู้ทรงคุณธรรมของเผ่าหยกมารวมตัวกันที่นี่ พวกเขาประคองไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดไว้อย่างระมัดระวังและยืนรออยู่ข้างๆ อย่างตื่นเต้น
“หัวหน้าเผ่า ไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดอยู่ที่นี่แล้ว เพียงแค่ใส่ไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดลงไปในเตากลั่นยา ใช้เลือดและปราณแท้ของท่านเร่งปฏิกิริยา เท่านี้ไข่มุกมังกรก็จะหลอมรวมกันได้”
“เตากลั่นยานี้ถูกทิ้งไว้เมื่อหนึ่งพันปีก่อน มีแค่เตานี้เท่านั้นที่รองรับไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดไว้ได้”
ผู้อาวุโสเก้ามองเตากลั่นยาด้วยความทอดถอนใจ
เตากลั่นยาอายุนับร้อยนับพันปีเคยสูญหายไปหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งพวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะนำกลับมาได้
เพื่อปกป้องเตากลั่นยาเตานี้ เผ่าหยกของพวกเขาต้องเสียสละผู้คนไปจำนวนมาก
ไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดลูกมีสีแตกต่างกันไปคือสีแดง แสด เหลือง เขียว คราม สีน้ำเงินและสีม่วง ซึ่งทุกลูกต่างเปล่งประกายสีสันสดใส
ไม่ว่าจะเป็นไข่มุกมังกรลูกไหน พวกเขาล้วนแต่ต้องแลกมาด้วยเลือดมากมาย ต้องตามหามาหลายชั่วอายุคนกว่าจะรวบรวมจนครบ
ผู้อาวุโสหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตา
กู้ชูหน่วนไม่มีเวลามาอ่อนไหวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว
นางรู้แค่ว่าท่านพี่เฉินเฟยของนางกำลังจะทนต่อไปไม่ไหว ทุกนาทีที่นางล่าช้าคือทุกนาทีที่ท่านพี่เฉินเฟยจะเข้าใกล้ความตายมากขึ้น
และนางไม่มีทางยอมให้ท่านพี่เฉินเฟยต้องมาตายต่อหน้านางเด็ดขาด
“ต้องใช้เลือดของข้าอย่างไรรึ”
“เพียงแค่หยดเลือดของท่านลงในเตากลั่นยาก็เป็นอันใช้ได้”
“ได้ระบุปริมาณเลือดไว้หรือไม่”
“นั่น…น่าจะไม่มี บรรพบุรุษไม่ได้บอกไว้ว่าต้องใช้เลือดปริมาณเท่าใด”
กู้ชูหน่วนพยักหน้า นางกัดนิ้วของตัวเองและหยดเลือดลงไปในเตากลั่นยา
ทันทีที่เลือดของนางสัมผัสกับเตากลั่นยา เสียงอันไพเราะก็ดังขึ้นพร้อมกับมีหงส์สีสันสดใสบินวนไปรอบๆ เตา
“หงส์ตัวนี้คืออะไร”
ผู้อาวุโสหลายคนมองหน้ากัน
พวกเขาเองก็ไม่รู้
บางทีอาจมีผู้อาวุโสสูงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงจะเป็นหรือตายก็ไม่มีใครรู้ ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
พวกเขาจะไปเชิญผู้อาวุโสสูงสุด แต่ผู้อาวุโสสูงสุดปิดประตูกำลังบำเพ็ญเพียร พวกเขาเรียกกี่ครั้งก็ไม่มีการตอบรับ
เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนการฝึกของผู้อาวุโสสูงสุด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยกล้ามารบกวน
กู้ชูหน่วนทำหน้านิ่ว “เผ่าเพลิงฟ้ามีผู้อาวุโสสูงสุดตั้งมากมาย เผ่าหยกของเราจะไม่มีผู้อาวุโสสูงสุดเลยเชียวหรือ”
“นั่น…แน่นอนว่าเรามีผู้อาวุโสสูงสุด เพียงแต่ตอนนี้กำลังบำเพ็ญเพียร ท่านหัวหน้าเผ่า เนื่องจากคำสาปโลหิต คนของเผ่าหยกจึงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานและมักจะจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย เราสู้เผ่าเพลิงฟ้าไม่ได้จริงๆ…”
กู้ชูหน่วนเข้าใจทันที
ด้วยเหตุนี้เจ้าของร่างคนเดิมซึ่งมีกองกำลังอยู่มากมายจึงไม่กล้าโจมตีเผ่าเพลิงฟ้า
เพราะพื้นฐานของเผ่าหยกไม่ดีเท่าเผ่าเพลิงฟ้า ในเผ่าเพลิงฟ้ามีพวกตาแก่ตายยากจำนวนมากแค่ไหน คนนอกไม่มีทางคาดเดาได้เลย
ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว กู้ชูหน่วนจึงได้แต่นำไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดลูกใส่ลงไปในเตากลั่นยา จากนั้นจึงให้ผู้อาวุโสสองสามคนคอยปกป้องนาง
นางใช้กำลังภายในกระตุ้นเตากลั่นยา หลอมไข่มุกมังกรด้วยไฟที่ลุกโชนภายในเตานั้น
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ทว่านอกจากการร้องของหงส์ในตอนแรกก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก นอกจากนี้ไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดยังไม่มีทีท่าว่าจะหลอมรวมเข้าด้วยกันสักนิด
กู้ชูหน่วนมึนงง
ไม่ควรจะเป็นอย่างนี้สิ ไม่ได้บอกไว้หรือ ว่าหลังจากรวบรวมไข่มุกมังกรได้ครบแล้วใช้เตากลั่นยานี้ พวกนางจะหลอมไข่มุกมังกรได้
หรือว่าปริมาณเลือดน้อยเกินไป
เมื่อคิดได้ดังนั้นกู้ชูหน่วนจึงหยิบมีดเล่มเล็กขึ้นมา กรีดข้อมือตัวเองและหยดเลือดลงในเตากลั่นยาอีกครั้ง
นางไม่กล้าใส่เลือดลงไปมากๆ ในคราวเดียวเพราะกลัวว่าจะเป็นผลเสีย
อย่างไรก็ตาม นางพยายามกลั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า คอยเพิ่มเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไข่มุกมังกรก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลอมรวมกันเลยแม้แต่น้อย กลายเป็นนางที่หมดแรงและหน้าซีดเพราะเสียเลือดมากเกินไป
“นี่มันยังไงกันแน่ พวกท่านไม่ได้ทำอะไรผิดใช่หรือไม่”
ผู้อาวุโสเก้าหยิบม้วนหนังแกะโบราณขึ้นมา เขาอ่านม้วนตำราอยู่นานก่อนจะส่ายศีรษะ เขาเองก็งงงวยเป็นอย่างยิ่ง