กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 693
“ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก ท่านรักษาพลังไว้ก่อน ข้าจะพาท่านไปหาผู้อาวุโสไป๋เฉ่ากับผู้อาวุโสสูงสุด ต่อให้ต้องทุบที่บำเพ็ญเพียรของผู้อาวุโสสูงสุดข้าก็ต้องพาเขาออกมาให้ได้”
กู้ชูหน่วนแบกอี้เฉินเฟยไว้บนหลังและเดินโซซัดโซเซลงเขา
อี้เฉินเฟยที่อยู่บนหลังยังคงมีเลือดไหลไม่หยุด เลือดหยดลงบนพื้น ย้อมพื้น รวมทั้งยอมดวงตาของพวกเขาจนเป็นสีแดง
จอมมารอยากจะตบตัวเอง
เขาไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนจะเบื่อหน่ายในตัวเขาหรือไม่ ที่เขาใช้เคล็ดวิชาคืนชีพบุปผาผลิบานกับอี้เฉินเฟย
ตอนแรกเขาเองก็ไม่เห็นด้วย
แต่อี้เฉินเฟยมาวิงวอนร้องขอ ทั้งยังบอกว่าพี่หญิงมีคำสาปโลหิตติดตัวอยู่ เพียงแต่ตอนนี้ถูกผนึกไว้ชั่วคราว
เมื่อเวลาล่วงเลยมา พลังผนึกบนตัวนางกำลังจะเปิดออก และอาจจะแตกออกเมื่อใดก็ได้
หากผนึกถูกทำลาย พี่หญิงจะต้องทุกข์ทรมานจากคำสาปโลหิตทุกเดือนและพบกับความตายในที่สุด
เขาจะทนเห็นพี่หญิงต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดได้อย่างไร ดังนั้นจึงตัดสินใจช่วยทันที
หัวใจของจอมมารเหมือนถูกมีดกรีดเมื่อเห็นความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นกับกู้ชูหน่วน
ยิ่งเห็นชาวเผ่าที่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่เชิงเขา จอมมารก็แทบจะขาดอากาศหายใจ
ก่อนหน้านี้เขารู้เพียงแค่ว่าการสำแดงฤทธิ์ของคำสาปโลหิตเป็นอะไรที่เจ็บปวด แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะน่ากลัวขนาดนี้
“ท่านหัวหน้าเผ่า… คราวนี้คำสาปโลหิตรุนแรงกว่าเดิมมาก ชาวเผ่าหลายคนแทบจะสูญเสียการควบคุม ท่านรีบไปดูเถิด… นั่น… เฉินเฟยเป็นอะไรไปรึ”
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่ารีบวิ่งมาหาแต่ไกล พลังของเขามั่นคง เขาระงับคำสาปโลหิตไว้ได้ชั่วคราวและทำได้ดีกว่าคนทั่วไป ทว่าสีหน้าก็ยังดูไม่ดีนัก
กู้ชูหน่วนมองผู้อาวุโสไป๋เฉ่าราวกับมองเห็นฟางช่วยชีวิต
นางรีบบอกว่า “ท่านมาทันพอดี รีบดูอาการท่านพี่เฉินเฟยที ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ต้องรักษาท่านพี่เฉินเฟยให้ได้”
ทันทีที่ไป๋เฉ่าจับชีพจรของอี้เฉินเฟย เขาก็ชะงักงันไปทั้งตัว
นี่มัน…
ไม่มีชีพจร
เส้นลมปราณเอ็นทั้งหมดถูกทำลาย
แม้แต่ไขกระดูกยังกลวงอย่างอธิบายไม่ถูก แบบนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
แทบจะเหมือนกับการให้เขาเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
กู้ชูหน่วนเอ่ยทั้งน้ำตาว่า “ท่านไม่ได้มีวิชาแพทย์สูงส่งหรอกหรือ เหตุใดแม้แต่ท่านพี่เฉินเฟยก็ยังรักษาไม่ได้ ผู้อาวุโสสูงสุดล่ะ บอกให้ตาเฒ่านั่นรีบมาที่นี่ ถ้ายังไม่ยอมมาอีก ข้าจะใช้ฐานะของหัวหน้าเผ่าไล่เขาออกจากเผ่าหยกทันที”
อี้เฉินเฟยไม่รู้ว่าเอาพลังมาจากไหน เขาจับมือกู้ชูหน่วนและพยายามพูดอย่างสุดกำลังว่า “อย่า… อย่าทำแบบนี้… ผู้อาวุโสสูงสุดช่วยข้าไม่ได้แล้ว พี่เฉินเฟยไม่อยากให้ท่านเสียใจ”
ไป๋เฉ่าเหลือบมองไปที่เชิงเขาอย่างกังวล ที่นั่นไฟกำลังลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้า แม้อยู่ไกลก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานของชาวเผ่าและเสียงของการฆ่าฟัน
เขาเอ่ยอย่างร้อนใจว่า “เฉินเฟยเป็นเด็กมีเหตุผลว่านอนสอนง่าย ข้าเองก็ชอบเขามาก ตอนนี้เขา… ข้าเองก็เสียใจ แต่ยังมีชาวเผ่าอีกนับพันนับหมื่นชีวิตกำลังรอให้ท่านออกคำสั่งอยู่ที่เชิงเขา”
“หัวหน้าเผ่า ท่านรีบลงไปข้างล่างกับข้าเถิด คราวนี้คำสาปโลหิตรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ผู้อาวุโสคนอื่นควบคุมไว้ไม่ได้แล้ว ตอนนี้ผู้อาวุโสบางคนเริ่มฆ่าคนแล้วด้วย หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เผ่าหยกจะต้องกลายเป็นนรกบนดินแน่”
“ไปให้พ้น ปัญหาของเผ่าหยกเกี่ยวอะไรกับข้า ใครอยากเป็นหัวหน้าเผ่าก็เป็นไปเลย ข้าเป็นเพียงผู้ที่ข้ามเวลามา ข้าไม่ใช่ญาติ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกท่าน ทำไมต้องจัดการเรื่องยุ่งๆ ให้พวกท่านด้วย”
กู้ชูหน่วนระเบิดอารมณ์และปล่อยให้คำพูดที่ขัดกับความรู้สึกหลั่งไหลออกมา สร้างความตกใจให้ผู้อาวุโสไป๋เฉ่า แม้แต่จอมมารกับอี้เฉินเฟยก็ยังตกใจ
กู้ชูหน่วนร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ข้าแค่อยากให้คนที่ข้าห่วงใยมีชีวิตที่ดี… ทำไม… ทำไมพวกท่านจึงต้องบังคับข้าตลอด…”
“ท่านหัวหน้าเผ่า…”
“พี่หญิง…”
“อาหน่วน…ข้า…ข้ายังเป็นพี่เฉินเฟยของท่านอยู่หรือไม่…”
“เป็นสิ จะเป็นไปชั่วชีวิต และจะเป็นไปทุกภพทุกชาติ”
“เช่นนั้นท่านสัญญากับข้าสิ ว่าจะลงไปดูแลชาวเผ่าที่เชิงเขา พี่เฉินเฟยสัญญาว่าจะรอดผ่านคืนนี้ไปให้ได้ รอให้ท่านกลับมาหา”
น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตาของอี้เฉินเฟย เขาพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ ส่งมอบรอยยิ้มอันอบอุ่นเพื่อเป็นกำลังใจให้กู้ชูหน่วน
เขารู้ว่าที่นางพูดไปเมื่อครู่ทั้งหมดเป็นเพราะความโกรธ และมันขัดกับความรู้สึกของนางโดยสิ้นเชิง
ถ้านางไม่ลงไปจากภูเขา การบาดเจ็บล้มตายของเผ่าหยกจะยิ่งรุนแรง และนางจะไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองไปชั่วชีวิต
“ถ้าท่านไม่ไป ต่อให้ต้องตาย พี่เฉินเฟยคงตายตาไม่หลับ”
กู้ชูหน่วนกอดเขาไว้อย่างทำอะไรไม่ได้
นางจะไปได้อย่างไร…
เขาป่วยหนักขนาดนี้ ไม่มีทางทนไหวจนถึงเช้า…
นางกลัวว่าถ้านางไป นางจะสูญเสียอี้เฉินเฟยไปตลอดกาล
“ให้… ให้จอมมารอยู่กับข้าก็พอแล้ว ท่านก็รู้ว่าจอมมารแข็งแกร่ง เขา… เขาจะช่วยให้ข้าทนอยู่ได้จนถึงรุ่งสาง”
กู้ชูหน่วนส่ายหน้า กอดเขาแน่นยิ่งกว่าเดิมและไม่ยอมจากไปไหน
เห็นดังนั้นอี้เฉินเฟยจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใช้พละกำลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดผลักนางออกไปอย่างแรง เอ่ยอย่างเฉียบขาดว่า “ไป!”
ในภาพทรงจำของกู้ชูหน่วน นี่เป็นครั้งแรกที่อี้เฉินเฟยพูดกับนางด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง
และยังเป็นครั้งแรกที่เขาผลักนางออกจากอ้อมกอด
“ถ้าท่านไม่ไป ข้าจะตายตรงหน้าท่านเดี๋ยวนี้”
อี้เฉินเฟยดึงปิ่นปักผมออกมาและกดลงบนลำคอของตนเอง มองกู้ชูหน่วนอย่างเยือกเย็น
การแสดงออกที่แน่วแน่นั่นดูไม่เหมือนการล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่กู้ชูหน่วนก็ยังรู้สึกได้ว่าถ้านางปฏิเสธ อี้เฉินเฟยจะฆ่าตัวตายต่อหน้านางอย่างแน่นอน
“ก็ได้… ข้าจะไป… ท่านลดปิ่นลงก่อน…”
อี้เฉินเฟยไม่ได้ลดปิ่น เขาระงับความเจ็บปวดไว้และมองกู้ชูหน่วนอย่างเย็นชา
กู้ชูหน่วนปาดน้ำตาที่หางตาและวิงวอนว่า “ท่านพี่เฉินเฟย ท่านรอข้านะ ข้าจะรีบกลับมาหาท่าน อาม่อ เจ้าคอยอยู่ข้างกายท่านพี่เฉินเฟย อย่าให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว พยายาม… อย่าให้เขาต้องเจ็บปวดเกินไป”
“ตกลง…”
กู้ชูหน่วนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมองอี้เฉินเฟยเป็นครั้งสุดท้ายอย่างอาลัยอาวรณ์ จากนั้นจึงถลันลงไปที่เชิงเขาพร้อมกับผู้อาวุโสไป๋เฉ่า
บนยอดเขากลับมาเงียบสงบอีกครั้งหลังจากกู้ชูหน่วนจากไป สายลมเย็นพัดผ่าน พัดพาเอากลิ่นคาวเลือดโชยมา
ทว่าไม่รู้ว่ากลิ่นคาวเลือดนั้นมาจากอี้เฉินเฟย หรือว่ามาจากชาวเผ่าที่เชิงเขา
อึก
อี้เฉินเฟยทนไม่ไหวอีกต่อไปและกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
จอมมารรีบเข้ามาพยุงเขา “เจ้าจะตายไม่ได้ ต่อให้เจ้าจะตายก็ต้องรอให้พี่หญิงกลับมาก่อน ไม่อย่างนั้นนางจะเสียใจมาก”
“จอมมารมียาวิญญาณหวนมิใช่หรือ ขอข้าสักเม็ดได้หรือไม่”
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ ก่อนหน้านี้ก็ใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบาน คราวนี้ยังจะใช้ยาวิญญาณหวน เจ้าอยากตายเร็วขนาดนั้นเลยรึ”
“อย่างไรก็… พ้นคืนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว จะต้อง… ทำอะไรสักอย่างเพื่อนาง”
จอมมารชะงักงัน หลังจากนั้นจึงหยิบยาเม็ดหนึ่งส่งให้อี้เฉินเฟย
เอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “ไม่แปลกใจเลยที่พี่หญิงจะรักเจ้ามาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าก็ปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจเสมอ”
“ขะ…ขอบคุณ…”
อี้เฉินเฟยมีกำลังวังชาขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยหลังจากกินยาวิญญาณหวน ทว่าร่างกายของเขายังคงอ่อนแรง ใบหน้ายังคงขาวซีด
“รบกวนท่าน… ประคองข้าไปที่ห้อง… ห้องกลั่นยาด้วย”
“เจ้าแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้”
“อื้ม…”
เมื่อไม่มีวันก่อนเขาบังเอิญพบม้วนคัมภีร์ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้
ในม้วนคัมภีร์นั้นบอกว่าถ้าต้องการหลอมไข่มุกมังกร จะต้องให้ผู้ที่มีร่างกายเป็นหยางบริสุทธิ์และหยินบริสุทธิ์สังเวยชีวิตด้วยความสมัครใจ กระโดดลงไปในเตากลั่นยา จึงจะจุดไฟในเตาหลอมได้…
วันนั้นที่อาหน่วนหลอมไข่มุกมังกรไม่ได้ เป็นเพราะไม่มีผู้สังเวยที่เป็นหยางบริสุทธิ์และหยินบริสุทธิ์
และเขา…
เป็นร่างหยางบริสุทธิ์พอดี…