กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 704
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 704
ขณะที่พูดอยู่นั้น ทั้งสองคนที่คลานอยู่บนพื้นก็มาถึงด้านหน้าแล้ว
“เปิดประตู ข้าจะเข้าไป เร็วเข้า” ผู้อาวุโสหกบอก
สาวกผู้เฝ้าประตูงุนงง
ประโยคนี้อีกแล้วรึ
วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น
ปกติเขตหวงห้ามแห่งนี้ไม่มีใครเข้ามานานหลายปีแล้ว แต่วันนี้กลับมีคนสามกลุ่มมาที่นี่และพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกันทุกประการ
“เจ้าเป็นใคร รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือสถานที่แบบไหน”
“เจ้าถูกลาเตะหัวรึ ถึงจำไม่ได้แม้แต่ข้า”
สาวกผู้เฝ้าประตูเดินวนมองพวกเขา ทันใดนั้นเองจึงเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาได้
“ทะ… ท่านคือผู้อาวุโสหกงั้นหรือขอรับ”
“ถ้าไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใคร”
“ผู้อาวุโสหก ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่ขอรับ เหตุใดจึงคะ… คลานมาเช่นนี้…”
นอกจากนี้ท่าคลานยังดูเหมือนขอทานที่คลานสี่ขาเป็นสุนัข
“ขะ… ข้าก็แค่ลองเปลี่ยนไปสัมผัสชีวิตในมุมที่แตกต่าง”
เอ่อ…
ประโยคนี้อีกแล้วหรือ
ถ้าไม่ใช่เพราะรู้จักผู้อาวุโสหก พวกเขาเกือบจะคิดไปแล้วว่าผู้อาวุโสหกเป็นขอทานกลุ่มเดียวกับพวกที่มาเมื่อครู่นี้
ฮวาฉี่หลัวเอ่ยอย่างโมโหว่า “โธ่เอ๊ย พวกเจ้ามัวมาบ่นจู้จี้อะไรกัน รีบเปิดประตูเขตหวงห้ามเร็วเข้า ท่านพี่หน่วนเข้าไปนานแล้วนะ”
“ไม่ได้ยินรึ ยังไม่รีบเปิดอีก”
“ถะ… ถึงแม้ท่านจะเป็นผู้อาวุโส พวกเราก็เปิดประตูเขตหวงห้ามให้ไม่ได้ เว้นแต่ว่าจะมีคำสั่งจากหัวหน้าเผ่าหรือผู้อาวุโสสูง”
“บัดซบ แล้วเจ้าหมาตัวนั้นกับจอมมารเข้าไปได้อย่างไร”
“หมาอะไร ใคร จอมมาร? ใครคือจอมมาร ทะ… ท่านคงมิใช่ผู้อาวุโสหกตัวปลอมหรอกนะ”
สาวกอีกคนตระหนักขึ้นมาได้และชักอาวุธออกมาทันที จากนั้นจึงล้อมรอบผู้อาวุโสหกกับฮวาฉี่หลัวเอาไว้
“ข้าก็ว่าเถอะ ผู้อาวุโสหกมีสถานะสูงส่ง จะมาคลานเยี่ยงหมามาถึงเขตหวงห้ามได้อย่างไร บอกมาว่าเจ้าเป็นใครกันแน่ ถ้าไม่บอกข้าจะสั่นกระดิ่งเรียกทุกคนในเผ่ามา”
“ไอ้พวกบ้า! คิดจะกวนโมโหข้างั้นรึ”
เมื่อถูกสาวกระดับล่างเรียกว่าหมา ผู้อาวุโสหกก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะเสียหน้า เขาลุกขึ้นยืนและมอบเกาลัดให้พวกนั้นคนละลูก
ฮวาฉี่หลัวตกใจ “ท่าน… แรงของท่านฟื้นคืนแล้วรึ”
ผู้อาวุโสหกลองใช้พลัง
ดูเหมือนเรี่ยวแรงบางส่วนจะฟื้นคืนมาแล้ว แม้แต่พลังก็ฟื้นคืนมาด้วยเล็กน้อย
ฮวาฉี่หลัวลุกขึ้นมา นางสะบัดมือสะบัดเท้าที่คลานขึ้นมาจนเจ็บ จากนั้นจึงพบว่าเรี่ยวแรงของตนฟื้นคืนขึ้นมาแล้วตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
ทั้งสองคนเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “เรี่ยวแรงฟื้นตัวแล้วเหตุใดท่าน/เจ้าจึงไม่บอกข้า”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเรี่ยวแรงฟื้นคืนมาแล้ว ท่านเอาแต่ลากข้ามา เคยให้เวลาข้าด้วยงั้นรึ”
“ก็ข้ากำลังรีบอยู่มิใช่รึ”
คนเฝ้าประตูฟังอย่างมึนงง ในที่สุดก็นึกโมโหขึ้นมา
“ไสหัวไปซะ รีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ เพื่อเห็นแก่พวกเจ้าที่เป็นคนของเผ่าหยก พวกข้าจะไม่รายงานเรื่องนี้ผู้อาวุโสทราบ หากยังไม่ออกไปอีกอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ”
“พับผ่าสิ วันนี้มันวันอะไรถึงได้ถูกหาเรื่องจับผิดตลอด”
ผู้อาวุโสหกล้วงเข้าไปในแขนเสื้อและหยิบตราคำสั่งออกมา และตราคำสั่งนั้นเป็นของผู้อาวุโสสูงจริงๆ
“เห็นหรือยัง นี่คือตราคำสั่งของผู้อาวุโสสูง ยังไม่รีบเปิดประตูอีก!”
“นี่มัน… ท่านเป็นใครกันแน่”
“เสี่ยวเต๋อจื่อ เสี่ยวจางจื่อ น่าผิดหวังนักที่ข้าดูแลพวกเจ้าทั้งสองคนมา ตอนที่ผู้อาวุโสสูงลงโทษพวกเจ้าข้าก็เป็นคนไปขอร้องแทน ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะจำไม่ได้แม้แต่ข้า”
“ท่านคือผู้อาวุโสหกจริงๆ รึ”
“เหลวไหล ต้องให้ข้าพูดอีกกี่ครั้ง ตอนนี้หัวหน้าเผ่ากำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าพวกเจ้ายังไม่ยอมเปิดประตูแล้วเกิดอะไรขึ้นมา พวกเจ้าจะรับผิดชอบได้รึ!”
“อา…”
“อะ อะไรนะ อ้อ เปิดประตู”
“ใช่ๆๆ”
ทันทีที่ประตูเขตหวงห้ามเปิดออก กลิ่นอายที่ชั่วร้ายและทรงพลังก็ปะทะออกมา
ผู้อาวุโสหกและฮวาฉี่หลัวตกใจและพากันถอยห่างออกมาสองสามก้าว
ทั้งคู่สีหน้าแย่มาก
พลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง
ในเขตหวงห้ามจะมีของแบบนี้ได้อย่างไร
หากพลังอันชั่วร้ายนี้คืบคลานออกมา จะต้องกระทบกระเทือนต่อเผ่าหยกทั้งเผ่าเป็นแน่
“พลังชั่วร้ายเต็มไปหมดแบบนี้ เราจะเข้าไปได้อย่างไร”
ฮวาฉี่หลัวยกมือขึ้นปิดหน้า กลิ่นอายชั่วร้ายที่รุนแรงนี้ทำให้นางแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
ผู้อาวุโสหกก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน
เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ที่เขตหวงห้ามไม่ได้มีพลังอันชั่วร้าย
ต่อให้เขาจะโง่ขนาดไหน ก็ต้องเดาออกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในนั้น
ผู้อาวุโสหกรีบออกไปจากเขตหวงห้ามและทะยานออกไป
ฮวาฉี่หลัวตะลึงงัน
หนีไปอย่างนี้เลยรึ
เฮอะ
ผู้อาวุโสอะไรกัน
พอเจออันตรายก็หนีเตลิด น่าผิดหวังจริงๆ ท่านพี่หน่วนเคารพเขามากแท้ๆ
เมื่อเห็นพลังอันชั่วร้ายและสายลมที่พัดไปคนละทิศละทาง ฮวาฉี่หลัวก็กัดฟันเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ นางใช้วิชาตัวเบาหลบไปทางซ้ายทีขวาที พยายามหลบเลี่ยงพลังชั่วร้ายนั้นให้ได้มากที่สุด
ต้องบอกว่านางโชคดีมากที่หลบหลีกพลังอันชั่วร้ายได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง
ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ กลิ่นอายอันชั่วร้ายก็ยิ่งแข็งแกร่ง แข็งแกร่งจนนางก้าวขาไม่ออกเลยจนนิดเดียว พลังอันชั่วร้ายยังหมุนวนเป็นกระแสคลื่นโอบล้อมรอบตัวนางไว้ทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง
ตอนนี้นางติดอยู่ที่เดิม จะเข้าก็เข้าไม่ได้ จะถอยก็ไม่ทันเสียแล้ว
กระแสพลังยังคงหมุนวนผ่านที่เดิมบ้างเป็นครั้งคราว
“ท่านพี่หน่วน! ท่านอยู่ไหน!”
ฮวาฉี่หลัวตกใจกลัวและตะโกนเสียงดังสุดชีวิต ทว่าไม่มีเสียงใดตอบกลับมานอกจากเสียงของพลังอันชั่วร้ายนั่น
นางตื่นตระหนก
ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
ตำแหน่งที่ยืนอยู่นั้นยิ่งอันตรายขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ฮวาฉี่หลัวจึงหลับตาลงและตัดสินใจจะลองดูสักตั้ง ถ้านางฝ่าเข้าไปไม่ได้ อย่างมากสุดก็แค่ตาย อย่างน้อยก็ดีกว่ารอความตายอยู่ที่นี่
ขณะที่นางกำลังจะพุ่งตัวเข้าไป เสียงอันโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นมากระทบโสตประสาท “เจ้าเด็กโง่ อยากตายนักรึไง! พลังชั่วร้ายนี่กลืนกินคนได้ทั้งเป็น เจ้าคิดจะเข้าไปก็ฝ่าเข้าไปแบบนี้ คิดว่าชีวิตตัวเองยืนยาวเกินไปงั้นเรอะ”
ฮวาฉี่หลัวลืมตาขึ้นและพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือผู้อาวุโสหกที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหกกลับมาตั้งแต่เมื่อใด ในมือของเขาถือร่มสีแดงคันใหญ่ไว้คันหนึ่ง
ไม่รู้ว่าร่มสีแดงคันใหญ่นี้ทำมาจากอะไร แต่มันกันพลังชั่วร้ายนั้นได้ทั้งหมด
“ท่านหนีไปแล้วมิใช่หรือ เหตุใดจึงกลับมาอีก”
“ข้ากลับไปหยิบสมบัตินะสิ ไม่อย่างนั้นเราจะเข้าไปได้รึ เจ้าคิดว่าทุกคนไม่มีสมองเหมือนเจ้าหรืออย่างไร”
“ร่มคันนี้สุดยอดมาก มันคือร่มอะไรรึ”
“นี่คือร่มสยบปีศาจที่อาหน่วนทำขึ้นมาตอนที่วรยุทธอยู่ชั้นสูงสุด เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับหก”
“ท่านพี่หน่วนแข็งแกร่งจริงๆ ไว้วรยุทธของนางฟื้นคืนเมื่อใด ข้าจะขอให้นางทำให้ข้าสักชิ้น”
ด้วยความช่วยเหลือของร่มสยบปีศาจ ผู้อาวุโสหกกับฮวาฉี่หลัวจึงเข้าไปในชั้นที่สองของเขตหวงห้าม
หลังจากเข้ามาในชั้นที่สอง พลังชั่วร้ายทั้งหมดก็หายไป
ทั้งสองคนสับสนเล็กน้อย
พลังชั่วร้ายที่แทบจะกลืนกินคนทั้งเป็นในชั้นหนึ่งไม่เหลือร่องรอยให้เห็นเลยสักกระผีกเดียว
พลังชั่วร้ายในชั้นสองน่าจะแข็งแกร่งกว่ามิใช่หรือ เหตุใดที่นี่จึงไม่มีอะไรเลยสักอย่าง
พวกเขาคิดว่าที่ชั้นสองจะต้องมีอันตรายอยู่เป็นแน่ แต่หลังจากเปิดประตูหินชั้นที่สามไปแล้ว ที่ชั้นสองก็ยังไม่มีสิ่งอันตรายใดๆ เกิดขึ้น
ตูม!
บทที่ 703
บทที่ 705