กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 723
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ึตอนที่ 723
บริเวณก้นเหว
ทันทีที่ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยเดินเข้าไป ก็มีพายุหมุนอันสลับซับซ้อนพัดใส่เขา
พายุหมุนนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย พายุหมุนทุกลูกเปรียบเสมือนใบมีดคม เพียงแค่พัดโดนเล็กน้อย แม้นไม่ตายก็พิการได้
ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยทำได้เพียงรวบรวมพลังฝ่ามือ เพื่อหลบจากพายุหมุน
พายุหมุนไร้สีไร้กลิ่น และไร้รูปร่างไร้ทิศทาง พัดไปทั่วทุกทิศ
ถึงแม้จะหลบจากมันได้แล้ว แต่ประเดี๋ยวก็จะรวมเป็นรูปร่างใหม่และพัดใส่อีกครั้ง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องสูญเสียพลังไปอย่างมากแน่นอน
ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยทำตัวฉลาด
เขาเพียงแค่หลบหลีก ไม่โจมตีกลับ
พายุหมุนรุนแรงมากยิ่งขึ้น เป็นการยากมากสำหรับเขาที่จะไปด่านถัดไป
กลับกันกับกู้ชูหน่วน นางเพียงแค่ยืนกอดอกหลังพิงกำแพงอยู่ตรงนั้นเงียบๆ และมองดูเขาข้ามด่านอย่างจดจ่อ
ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยโกรธเคือง
กู้ชูหน่วนกางมือออกและกล่าวอย่างไม่สนใจว่า “อาจเป็นเพราะข้าเป็นคนเผ่าหยก เพราะเช่นนี้ พวกมันถึงมิกล้าโจมตีข้าสินะ”
“คิดหาวิธีทำให้พายุหมุนหยุดเดี๋ยวนี้”
“ข้าเป็นเพียงระดับสี่ผู้ต่ำต้อย ไม่มีตำแหน่งใดในเผ่า สามารถพบเจอทางเข้าของเหวไร้ที่สิ้นสุดนั้นก็เหลือเชื่อมากแล้ว จะไปมีวิธีทำให้พายุหมุนหยุดได้อย่างไรกัน ท่านเป็นถึงขั้นสูงสุดระดับหกเลยมิใช่หรือ? เพียงแค่พายุหมุนยังยากสำหรับท่านอีกหรือ?”
“โครมคราม…”
ได้ยินเพียงเสียงที่ดังก้องกังวานเท่านั้น มิรู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยทำอย่างไรกัน พายุหมุนที่พัดกระหน่ำบนท้องฟ้าหยุดลงทันที และไม่โจมตีผู้อาวุโสหกอั้นเฮยอีก
กู้ชูหน่วนชูนิ้วหัวแม่มือให้กับเขา “เก่งกาจมาก”
อั้นเฮยส่งเสียงหึอย่างเฉยเมย ให้นางไปด่านต่อไป
กู้ชูหน่วนเองก็ตกลงอย่างง่ายดาย โดดลงไปทันที และกระดกนิ้วอยู่ชั้นล่างเป็นสัญญาณให้เขาลงมา
ด่านที่สองไม่มีพายุหมุน และไม่พบเจอสิ่งที่เป็นอันตรายด้วย
ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้โดดลงไปตาม
ใครจะคาดคิด เขาเพิ่งจะโดดลงไปยังด่านที่สองเท่านั้น อากาศก็ควบแน่นขึ้น กลายเป็นเกล็ดหิมะ เกล็ดหิมะบางราวกับใบมีดคม และพุ่งออกมาจากทั่วทุกทิศ
และอากาศที่ควบแน่นนั้น ก็ผนึกเรือนร่างของเขาเป็นชั้นๆ ราวกับจะผนึกเขาให้แข็งอย่างไรอย่างนั้น
แม้แต่ความเร็วในการโต้กลับของเขาก็ช้าลงมากนัก
อั้นเฮยโกรธจัด
พวกบ้าพวกนี้โจมตีแต่เขา
ไม่โจมตีกู้ชูหน่วนเลย
กู้ชูหน่วนนั่งห้อยขาอยู่ตรงมุม อ้าปากค้างรอดูเขาทำลายค่ายกล
ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยโกรธยิ่งกว่าเดิม ไม่เก็บซ่อนความสามารถอีกต่อไป เขาใช้พลังฝ่ามือก่อเป็นพายุฝน
“ซู่ซ่า…”
พายุฝนห่าใหญ่ตกลงมา กัดกร่อนเกล็ดหิมะที่กำลังพุ่งเข้ามาเป็นสาย
ด่านที่สองผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยยังคงเป็นผู้ชนะ
แม้นจะชนะ แต่ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยกลับไม่ดีใจเลยสักนิด
เพราะว่าด่านนี้เขาสูญเสียพลังปราณแท้ไปมาก
กู้ชูหน่วนลุกขึ้นแต่โดยดี และตบเสื้อที่ยับบนเรือนร่างของตน จากนั้นจึงชี้ไปยังด่านต่อไป “ข้าโดดลงไปตอนนี้เลยจะได้หรือไม่?”
“ลงไป”
“ได้เลย รับทราบ”
หลังจากที่กู้ชูหน่วนโดดลงไป ด่านที่สามเงียบสงบ ไม่มีภัยอันตรายใดๆ
ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันโดดลงไปตาม
ยังไม่ทันถึงพื้น อากาศก็พุ่งสูงขึ้น ทะเลโลหิตหินหนืดก็ทะลักหาเขา ราวกับน้ำท่วมในที่ลุ่ม แทบจะทำให้เขาจมน้ำตายอย่างไรอย่างนั้น
สีหน้าผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยผันเปลี่ยน ใช้ปราณน้ำแข็งห่อหุ้มทั้งร่างกาย เพื่อต่อกรกับทะเลโลหิตหินหนืด
เขาจ้องกู้ชูหน่วนเขม็ง
กู้ชูหน่วนกระพริบตาอย่างใสซื่อไร้เดียงสา
กางมือออกแล้วกล่าวอีกครั้ง “พวกมันโจมตีท่านเพียงผู้เดียว ไม่โจมตีข้า ข้าเองก็จนปัญญาจริงๆ หรือว่าข้ารอท่านทำลายทะเลโลหิตหินหนืดนี้เสียก่อน ค่อยไปด่านต่อไปดีกว่า”
“มีทั้งหมดกี่ด่าน”
“ดูเหมือนว่าจะมีทั้งหมดสิบแปดด่านนะ เหวิยเส่าอี้เองก็อยู่ด่านที่สิบแปด”
อะไรนะ…
สิบแปดด่าน?
ด่านหนึ่งยากกว่าด่านหนึ่งเช่นนี้
เขาจะสามารถผ่านด่านไปถึงด่านที่สิบแปดหรือไม่ยังมิอาจรู้เลย
ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยยากที่จะนึกถึงว่าเหวินเส่าอี้ที่สูญเสียวรยุทธ์ไปทั้งหมด ทั้งยังถูดึงกระดูกไหปลาร้าออกด้วย จะเอาตัวรอดจากด่านที่สิบแปดได้อย่างไรกัน?
“แม่หนู เจ้าจงใจหลอกข้าให้มาที่เหวไร้ที่สิ้นสุด เพื่อจะใช้เหวไร้ที่สิ้นสุดนี้เป็นอาวุธในการฆ่าข้าใช่หรือไม่ แท้จริงแล้วเส่าอี้มิได้อยู่ที่นี่”
“คนหนึ่งอยู่ระดับสี่ขั้นต้น อีกคนหนึ่งอยู่ระดับหกขั้นสูงสุด ท่านคิดว่าข้าจะมีปัญญาฆ่าท่านได้อย่างนั้นรึ?”
“เจ้าน่ะไม่มีปัญญาอยู่แล้ว แต่ทว่าที่แห่งนี้มีปัญญานั้น”
ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยยิ่งคิดยิ่งรู้สึกแปลก
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ากู้ชูหน่วนต้องคิดไม่ดีเป็นแน่
เขามีใจต้องการฆ่า
ด้านหนึ่งก็กำลังใช้กำลังภายใน เพื่อต่อต้านทะเลโลหิตหินหนืดนี้ อีกด้านหนึ่งก็สกัดทางที่จะถอยกลับของกู้ชูหน่วนไว้จนหมด วางแผนจะฆ่าหญิงสาวจอมทรยศคนนี้หลังจากที่หลุดพ้นจากทะเลโลหิตไปได้
กู้ชูหน่วนมิรู้มาก่อนว่าตาเฒ่าคนนี้มีใจต้องการฆ่านาง
นางมิอาจทำให้ทะเลโลหิตหินหนืดของด่านที่สามควบคุมผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยไว้ได้
จึงทำได้เพียงฝืนตัวเองให้สงบลง พยายามกำจัดอุปสรรคตรงหน้า
ดวงตาสีดำขาวแยกชัดเจนคู่นั้นหมุนวน
ทันใดนั้นเอง กู้ชูหน่วนได้ชี้ไปยังผ้าที่เปื้อนเลือดผืนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล “ดูสิ ผ้าผืนนั้นดูเหมือนจะเป็นของเหวินเส่าอี้นะ”
ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยมองตามจุดที่นางชี้
บริเวณนั้นมีผ้าอยู่ผืนหนึ่งจริง และดูเหมือนจะย้อมเป็นสีแดงไปทั้งผืนด้วย มันถูกแขวนอยู่บนกำแพงหิน ลมร้อนพัดผ่านจนสั่นคลอน
“นั่นมิใช่เสื้อของเส่าอี้ แต่ทว่าเป็นเลือดของเขาจริง”
“แค่นี้ท่านก็จำได้งั้นรึ?”
กู้ชูหน่วนประหลาดใจ
ตอนนั้น เหวินเส่าอี้บาดเจ็บสาหัส เสื้อบนตัวเขาถูกเลือดย้อมจนกลายเป็นสีแดงทั้งตัว และถูกฟันจนขาดออกด้วย นางจึงได้หาเสื้อของท่านพี่เฉินเฟยให้เขาสวมส่ไปพลางก่อน
หลังจากนั้นก็เผชิญเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทำให้เสื้อที่ยืมจากท่านพี่เฉินเฟย ก็ถูกฉีกขาดเป็นท่อนไปด้วย
เพียงแค่คาบเลือดก็สามารถจำได้นั้น กู้ชูหน่วนยอมรับว่าตนนั้นไม่สามารถพอ
คาบเลือดบนเสื้อถูกลมพัดจนแห้งกร้าน อย่างน้อยผ้าผืนนั้นก็ถูกแขวนไว้ตรงนั้นราวหนึ่งวันเต็มได้แล้ว
เดิมทีผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยมิอยากเชื่อกู้ชูหน่วนนัก แต่เมื่อเห็นผ้าผืนนั้นก็ไม่เชื่อไม่ได้เสียแล้ว
ดูจากที่เสื้อถูกฉีกขาดนั้น คาดว่าเส่าอี้น่าจะถูกอสูรร้ายฉีกกัดแน่นอน เพราะเช่นนั้นบริเวณคอเสื้อยังมีรอยเคี้ยวฟันของอสูรร้ายอยู่
อั้นเฮยเป็นห่วงเหวินเส่าอี้ จึงได้ตั้งใจเก็บพลังเอาไว้ เพลานี้ก็มิอาจสนใจอะไรมากแล้ว
เขาดูเหมือนจะใช้กำลังภายในทั้งหมด และใช้วรยุทธ์ที่มิอาจเทียบเทียมได้หลอมละลายทะเลโลหิตหินหนืดอย่างดื้อด้าน
“โครมคราม…”
ทะเลโลหิตกระจายออกเป็นสี่ทิศ และย้อนกลับไปยังสระโลหิตของตนอย่างเศร้าหมอง มิก่อเรื่องโจมตีผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยอีกต่อไป
หลังจากนั้นสีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยก็ซีดเซียวไปไม่น้อย แก่นแท้ก็ไม่สู้ดีเท่าเมื่อครู่แล้ว คาดว่ามาจากการสูญเสียพลังไปมากนัก
กู้ชูหน่วนชี้ไปยังด่านที่สี่ “หากพละกำลังของท่านไม่เพียงพอแล้ว เราก็อย่าเพิ่งลงไปเลย รอสหายของท่านมาเสียก่อนแล้วค่อยไปช่วยเหวินเส่าอี้เถิด”
รอสหายของเขา?
หากเป็นศิษย์ทั่วไปนั้น ก็ไร้ประโยชน์
ส่วนพวกที่อยู่ระดับเดียวกันกับเขาก็คงถูกขังไว้แล้ว
หากจะหลุดพ้นได้ต้องใช้เวลา
และจะลงไปยังเหวไร้ที่สิ้นสุดนั้นก็ต้องใช้เวลาด้วยเช่นกัน
แต่ทว่าใครจะสามารถให้เวลาแก่เส่าอี้กันล่ะ?
“ไปเถิด ลงไปเดี๋ยวนี้”
แม้จจะเป็นภูเขามีด ทะเลเพลิงเขาก็จักผ่านไปให้ได้ ใครให้เส่าอี้เจ้าเด็กนั้นเป็นเด็กที่เขาเลี้ยงดูจนเติบใหญ่กันล่ะ
“ก็ได้ ท่านบอกให้ข้าไปเองนะ หากเจออันตรายอันใดเข้า อย่าถือโทษข้าเชียวล่ะ”
กู้ชูหน่วนโดดลงไปยังด่านที่สี่
หากเป็นไปตามที่พวกเขาคิด ยิ่งลงไปมากเท่าไร ภัยอันตรายก็จะยิ่งสูงขึ้น
ทุกครั้งที่ลงไปยังด่านต่อไป กู้ชูหน่วนจะหวังให้ภัยอันตรายด้านล่างจะสามารถเข่นฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยไปได้ แต่ทว่ากลับผิดพลาดมาอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้นจะผิดพลาด แต่ทว่านางทราบดีว่าผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว
พลังของเขาดูเหมือนจะสูญเสียไปจนหมดแล้ว
แต่สิ่งที่นางมิอาจคาดคิดคือ แม้นจะอันตรายเพียงนี้ แม้นว่าจะอันตรายถึงชีวิตก็ตาม แต่ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยก็ยังยืนหยัดที่จะโดดลงไปอย่างไม่สนใจใดๆ ทั้งสิน
จนกระทั่งโดดลงมาจนถึงด่านที่สิบหกเพียงเฮือกเดียว
ในด่านที่สิบหก ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยหายใจรุนแรงไม่หยุด นั่งปรับลมปราณ ฟื้นฟูพลัง
“อีกแค่สองด่านก็จะพบกับเส่าอี้แล้วใช่หรือไม่?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ท่านมีความสามารถถึงระดับหกขั้นสูงสุด คงจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเหวินเส่าอี้ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ไม่มากก็น้อยสินะ”