กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 730
อย่างไรก็ตาม มีคนมาหยุดนางเอาไว้
“ฮึฮึฮึ…….”
ไม่รู้ว่าฮวาอิ่งมายืนอยู่ตรงหน้าของนางตั้งแต่เมื่อไร นางไม่ได้สวมหน้ากากและเผยให้เห็นใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัว ถึงแม้ว่ากำลังยิ้ม แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวขนลุก โดยเฉพาะภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าของนางนั้นดูน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าจอมมารอย่างมาก
กู้ชูหน่วนวางเหวินเส่าอี๋ลง จากนั้นจึงนำดาบสั้นมาวางไว้ที่คอของเหวินเส่าอี๋ “อย่าเข้ามา ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเขาเสียตอนนี้เลย”
ฮวาอิ่งจ้องมองเหวินเส่าอี๋อย่างเย็นชาและไม่สนใจว่าเขาจะเป็นหรือตาย จากนั้นจ้องมองกู้ชูหน่วน ราวกับจับจ้องเหยื่ออย่างไม่ละสายตาและพูดด้วยความตื่นเต้น “เจ้าคือผู้หญิงสารเลวกู้ชูหน่วนนั่นเองหรือ? พวกเจ้าช่างเหมือนกันอย่างมาก โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น เจ้าสามารถควักดวงตาของเจ้ามาให้ข้าได้หรือไม่?”
มุมปากของกู้ชูหน่วนกระตุก “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่ควักดวงตาของเจ้ามาให้ข้าล่ะ”
“ดวงตาของข้าไม่เหมือนกับนางเสียหน่อย”
“เหตุใดถึงไม่เหมือน เจ้าเป็นเงาของนาง เช่นนั้นก็ต้องเหมือนกับนางตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น ดวงตาของเจ้าก็ต้องเหมือนกับนางมากกว่าข้า ไม่เช่นนั้นนางจะเลือกให้เจ้าเป็นเงาของนางได้อย่างไรล่ะ”
“เจ้าพูดขึ้นมาเช่นนี้ก็มีเหตุผลเช่นกัน”
ฮวาอิ่งยื่นมือออกมาเลียนิ้วชี้ของตัวเอง ราวกับกำลังครุ่นคิด
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วจริงๆ หรือแกล้งบ้ากันแน่
ใครจะไปควักดวงตาของตัวเองออกมา
แต่ท่าทางของนางดูเหมือนไม่ได้พูดล้อเล่น แต่เหมือนกับกำลังตั้งใจครุ่นคิดปัญหาของนางอยู่
“ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการเป็นเหมือนกับนาง เช่นนั้นแล้วเหตุใดยังไม่รีบควัก หรือว่าเจ้าไม่กล้าที่จะควัก”
“เพียงแค่ดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้น ควักก็ได้ แต่หากข้าควักดวงตาออกมาแล้ว เช่นนั้นแล้วข้าจะควักดวงตาของเจ้าและมองเห็นเลือดไหลหยดย้อยได้อย่างไร”
ฮวาอิ่งเดินเข้าไปทีละนิดเพื่อบีบบังคับกู้ชูหน่วนและนางพูดอย่างบ้าคลั่ง “เจ้ามอบดวงตาของเจ้ามาให้ข้าเสียก่อน จากนั้นค่อยนำผิวหนังบนใบหน้าของเจ้าให้ข้า ข้าจะนำมาศึกษาดูเสียหน่อย”
“หยุดเดินเข้ามาได้แล้ว หากเดินเข้ามาอีกข้าจะฆ่าเหวินเส่าอี๋เสีย”
จากนั้นฮวาอิ่งจึงตระหนักได้ว่าเหวินเส่าอี๋ตกอยู่ในเงื้อมมือของนางและกล่าวอย่างเด็ดขาด “ฆ่าเถอะ ฆ่าตอนนี้เลย ข้าจะได้ไม่ต้องออกแรง”
“เขาเป็นถึงนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าเชียวนะ” กู้ชูหน่วนกล่าวตักเตือน
“หากเขาตายไป เผ่าเพลิงฟ้าก็จะไม่ต้องมีนายน้อยอีกต่อไปไงล่ะ”
ความคิดของกู้ชูหน่วนจึงเปลี่ยนไป “เจ้ามาที่เผ่าหยกเพราะยังมีจุดประสงค์อื่นด้วย นั่นก็คือมาเพื่อฆ่าเหวินเส่าอี๋ใช่หรือไม่? เจ้าร่วมมือกับใครเพื่อต้องการแย่งชิงเผ่าเพลิงฟ้าหรือ? เจ้าเป็นคนของเผ่าหยก ต่อให้เจ้าต้องไปอยู่ที่เผ่าเพลิงฟ้า เช่นนั้นแล้วตำแหน่งก็ไม่ได้สูงส่งอะไร ไม่ว่าเผ่าเพลิงฟ้าจะมอบตำแหน่งหัวหน้าเผ่าให้กับใคร เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางมอบให้แก่เจ้า ทางเดียวที่พอเป็นไปได้ก็คือ มีคนมอบผลประโยชน์ให้กับเจ้า ทำให้เจ้าไม่รู้สึกเสียดายและยอมฆ่าได้แม้แต่นายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า”
“ข้าขอคาดเดาว่า เจ้าร่วมมือกับรองหัวหน้าเผ่าซือคงใช่หรือไม่? เขามีความทะเยอทะยานและสถานะสูงส่ง เขาได้สร้างห้องลอบสังหารหอวิญญาณทมิฬไว้ที่ข้างนอกและเขามีแผนการคิดทรยศหักหลังเผ่าเพลิงฟ้ามาก่อนแล้ว”
ฮวาอิ่งยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นแม่ลูกกับนางจริงๆ ด้วย ช่างฉลาดหลักแหลมทั้งสองคนเลยเชียวนะ ข้าอยากจะผ่าสมองของเจ้าออกมาดูเสียจริงว่าข้างในมีอะไรอยู่บ้าง หญิงสารเลวคนนั้นก็ตายไปแล้ว ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ทำตามความต้องการของข้าเถอะ นอกจากดวงตาและผิวหนังของเจ้าแล้ว เจ้าก็เอาสมองของเจ้ามาให้ข้าด้วยเถอะ”
กู้ชูหน่วนก่นด่าออกมา “บ้าไปแล้ว”
“ใช่สิ หลังๆ มานี้พวกเขาเรียกข้าว่าคนบ้า เจ้ารู้ชื่อฉายาของข้าได้อย่างไร”
“……”
ฮวาอิ่งดูกระตือรือร้นและตื่นเต้นมาก
นางยังคงถูมือของนางและหัวเราะชอบใจ “ปล่อยเหวินเส่าอี๋ไว้ก็เป็นหายนะอย่างหนึ่ง เดี๋ยวข้าจะจัดการเขาไปก่อน จากนั้นค่อยมาเล่นกับเจ้า”
รัศมีการสังหารของนางแผ่ซ่าน
กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ที่จะปกป้องเหวินเส่าอี๋ไว้ในอ้อมแขน
“หากเจ้าฆ่าเหวินเส่าอี๋ เจ้าไม่กลัวว่าเสวี่ยเย่มาจัดการเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“เรื่องนี้ต้องขอบคุณพวกเจ้าอย่างมากที่ช่วยข้าจัดการกับตาแก่ยอดฝีมือสูงสุดระดับหกทั้งสามคน และเหลือเพียงเสวี่ยเย่คนเดียว ดังนั้นจึงไม่ต้องเกรงกลัวอะไร”
ฮวาอิ่งพูดจบ และไม่รู้ว่านางทำอย่างไร จากนั้นเหวินเส่าอี๋ก็หลุดพ้นจากการปกป้องของกู้ชูหน่วน เหมือนกับถูกพลังอันแข็งแกร่งดูดออกไปและถูกดูดไปตรงหน้าของฮวาอิ่ง
ฮวาอิ่งทำผนึกขึ้นที่ฝ่ามือทั้งสองและทำให้เกิดเส้นใยแมงมุมขนาดใหญ่เกิดขึ้น จากนั้นจึงปกคลุมเหวินเส่าอี๋จากทั้งสี่ทิศทาง
เส้นใยแมงมุมกระชับและแน่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับต้องการทำให้เหวินเส่าอี๋ตายคาเส้นใยเสียให้ได้
กู้ชูหน่วนตกใจ จากนั้นคว้าดอกดาบออกมากวาดไปยังฮวาอิ่ง
ดอกดาบมีรูปร่างแปดเหลี่ยมและก่อตัวขึ้นเป็นค่ายกลสองชนิด
กระบวนท่านี้เดิมทีเป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่เพราะนางได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมไปถึงอีกฝ่ายก็เป็นยอดฝีมือสูงสุดระดับหก เมื่อเล่นกระบวนท่านี้ออกไปก็ไม่ได้สะทกสะท้านต่อฮวาอิ่งแต่อย่างใด
กู้ชูหน่วนเห็นว่าเป็นเช่นนั้น จึงได้เปลี่ยนกระบวนท่าดาบอ่อนสะบัดไปมาที่ฮวาอิ่ง เพียงลมพัดผ่านเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ฮวาอิ่งฆ่าสังหารเหวินเส่าอี๋
“ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง……”
เพียงชั่วพริบตาทั้งสองคนก็ได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด กู้ชูหน่วนพ่ายแพ้และไม่นานก็คลานขึ้นอย่างรวดเร็ว
นางรู้ว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮวาอิ่ง นางเพียงแค่เคลื่อนไหวทีละนิด โดยตั้งใจที่จะดึงดูดคนของเผ่าเพลิงฟ้าเข้ามา
“อายุน้อยเพียงเท่านี้ แต่ฝีมือการต่อสู้กลับไม่ธรรมดา นับว่ามีศักยภาพของสารเลวคนนั้นอยู่บ้าง แถมยังฉลาดหลักแหลม แต่น่าเสียดาย……”
“คนของเผ่าเพลิงฟ้าได้ถูกข้าไล่ต้อนไปหมดแล้ว ที่นี่มีเพียงพวกข้าไม่กี่คน นอกนั้นแล้วจะไม่มีใครเข้ามาอีก วันนี้พวกเจ้าทั้งสองคนอย่าคิดหนีไปไหนเลย อยู่ในเงื้อมมือของข้าดีๆ เสียเถอะ”
“ตึ่ง ตึ่ง……”
กู้ชูหน่วนชี้ดาบขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยต้องการกระตุ้นให้ฟ้าร้อง แผ่นดินใหญ่และทำให้ที่นี่ต้องโกลาหลวุ่นวาย
ฮวาอิ่งหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “เผ่าหยกและเผ่าเพลิงฟ้านั้นขัดแย้งกัน แต่เจ้ากลับคอยปกป้องดูแลนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า ช่างน่าสนใจอย่างมาก ฮ่าๆๆ…… แต่ยิ่งเจ้าปกป้องเขามากเพียงใด ข้าก็ยิ่งอยากฆ่าเขาต่อหน้าของเจ้า”
“ฉับ……”
ฮวาอิ่งคว้าดาบอ่อนของกู้ชูหน่วนมาและหักครึ่งอย่างแรง จากนั้นจึงส่งพลังฝ่ามือออกไปที่หน้าอกของกู้ชูหน่วน
“ตุ่บ……”
กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมา
ฝ่ามือนี้แทบทำให้นางหายใจไม่ออก
หากไม่ใช่เป็นเพราะนางออมมือ เช่นนั้นคงเกรงว่านางน่าจะตายไปตั้งนานแล้ว
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าฮวาอิ่งไม่มีความอดทนที่จะเล่นด้วยอีกต่อไปแล้วและฟันลงไปกลางศีรษะของเขาอย่างแรง
“ไม่……”
กู้ชูหน่วนตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว
หากลงมือไปเช่นนี้น เกรงว่าเหวินเส่าอี๋คงไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก
นางต้องการจะเข้าไปขัดขวาง แต่ร่างกายกลับทำอะไรไม่ได้และไม่สามารถขัดขวางได้ และทำได้เพียงจ้องมองการลงมือนั้น
ในขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังคิดว่าเหวินเส่าอี๋จะต้องตายแน่ๆ ไกลออกไปก็มีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังขึ้น
“ฮวาอิ่ง เจ้าช่างบังอาจเสียจริง เจ้าช่างกล้าคิดฆ่าสังหารนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าของพวกข้า เจ้าตายเสียเถอะ”
คนยังมาไม่ถึง แต่เสียงนั้นมาถึงก่อน พลังฝ่ามืออันทรงพลังก็มาถึงเช่นกัน
“ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง……”
ฝ่ามือของผู้อาวุโสเสวี่ยเย่มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวและพุ่งไปยังฮวาอิ่งโดยตรงด้วยรัศมีสูงสุดที่กวาดไปทั่ว
ทุกคนต่างรู้ดีว่า เมื่อผู้อาวุโสเสวี่ยเย่โกรธขึ้นมา ในใจของเขาจะเต็มไปด้วยพลังความโกรธอย่างไม่สิ้นสุดและไร้ความปรานี
กระบวนท่านี้ช่างร้ายแรงอย่างมาก จนอากาศโดยรอบกลายเป็นน้ำแข็งและบิดเบี้ยว
ฮวาอิ่งไม่กล้าประมาทและทำได้เพียงวางเหวินเส่าอี๋ลงก่อน จากนั้นจึงรับพลังฝ่ามือของผู้อาวุโสเสวี่ยเย่อย่างสุดกำลัง
“ตึ่ง”
เมื่อพลังที่แข็งแกร่งปะทะกัน ตำหนักที่อยู่ไกลออกไปก็เกิดระเบิดขึ้นเรียงราย และมีเสียงดังกึกก้องขึ้น
กู้ชูหน่วนฝืนคลานไปยังเหวินเส่าอี๋และกอดร่างอันอ่อนไร้เรี่ยวแรงของเหวินเส่าอี๋เอาไว้ จากนั้นใช้ร่างกายของนางเป็นเกราะป้องกันให้เขา เพื่อไม่ให้เศษกระเบื้องที่ระเบิดกระเด็นมาโดนเหวินเส่าอี๋
มีเสียงดังกึกก้องเป็นเสียงการปะทะกันของฝ่ามือ เป็นเสียงสงครามใหญ่และเสียงบ้านเรือนต้นไม้พังทลายลง
กระแสลมแรงทำให้กู้ชูหน่วนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ และทำได้เพียงปกป้องเหวินเส่าอี๋อยู่เช่นนั้น
การต่อสู้ปะทะกันของยอดฝีมือระดับนี้ เป็นเรื่องที่นางไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้อีกต่อไป
นางทำได้เพียงได้ยินเสียงของผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ตะโกนด่าออกมา “ใครบอกให้เจ้าฆ่านายน้อย? หรือว่าเจ้าคิดเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว”
“ตาแก่หนังเหนียว เจ้าก็อายุปูนนี้แล้ว เหตุใดถึงยังไม่ตายไปอีก? ในเมื่อเจ้าก็ดูออกแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่มีเรื่องต้องปิดบังอะไรอีกต่อไปแล้ว ใช่แล้ว ข้ามาที่เผ่าหยกเพื่อจุดประสงค์อื่น นั่นก็คือฆ่าเหวินเส่าอี๋ เพื่อทำลายทายาทในอนาคตของเผ่าเพลิงฟ้า”