กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 733
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ตอนที่ 733
เท่ากับว่ากู้ชูหน่วนถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวเสียแล้ว
แต่ความแค้นของทั้งสองเผ่านั้น มิอาจสะสางได้จริงๆ
นางมีใจอยากช่วยเหวินเส่าอี้ แม้นว่าตนเองจะบาดเจ็บสาหัส ทำได้เพียงมองเหล่าลูกศิษย์ในเผ่าเพลิงฟ้าล้มลงทีละคนๆ เพื่อปกป้องเหวินเส่าอี้
และยังมีผู้อาวุโสเผ่าเพลิงฟ้าหลายคนที่มั่นหมายจะนำเหวินเส่าอี้ฆ่าผู้คนรอบๆ แล้วหนีไป แต่ก็ถูกเผ่าหยกขวางไว้จนหมดทาง มิสามารถฆ่าออกไปได้เลย
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”
บริเวณทางไกล มีกลุ่มลูกศิษย์ของเผ่าหยกกำลังปล่อยลูกธนูนับหมื่นดอก ยิงไปยังคนของเผ่าเพลิงฟ้าอย่างไร้ความปราณี
ลูกธนูเหมือนดั่งสายฝนที่หนาแน่น พื้นที่แห่งนี้ยังเป็นพื้นที่ที่โล่งกว้าง ไม่สามารถหลบซ่อนได้เลย
เหล่าลูกศิษย์ของเผ่าเพลิงฟ้าใช้เนื้อหนังและเลือดของตนบังอยู่หน้าเหวินเส่าอี้ แม้นจะต้องตายก็ต้องปกป้องเหวินเส่าอี้ให้ได้
น่าเวทนา
น่าเวทนามากเหลือเกิน
น่าเวทนาเสียจนกู้ชูหน่วนมิอาจทนมองต่อไปได้
นางมิอาจคิดจริงๆ ว่าหัวใจของเหวินเส่าอี้ในตอนนี้จะเจ็บปวดมากเพียงใด
มีคนมากมายที่ยอมตายอย่างน่าเวทนาอยู่ที่นี่เพื่อเขา ส่วนตัวเองกลับไร้พลังและความสามารถ นี่คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว
คนของเผ่าเพลิงฟ้าที่ยังมีอยู่นับหมื่นคนเมื่อครู่นี้ เหลือเพียงสองสามร้อยคนภายในพริบตา ทั้งยังตายอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาต้องแพ้ราบคาบแน่นอน
“ผู้อาวุโสน่าหลาน…”
เหวินเส่าอี้ตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงตกใจ
ผู้อาวุโสน่าหลานระเบิดพลังปราณแท้ของตนถึงขั้นสูงสุด เพื่อจัดการกับเหล่านักธนูพวกนั้น และสู้กับนักธนูเหล่านั้นอย่างสุดชีวิต
เขาตายแล้ว
นักธนูของเผ่าหยกก็ตายไปครึ่งหนึ่งเช่นกัน
ผู้อาวุโสเผ่าเพลิงฟ้าอีกคนแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ และนำศพทั้งหมด เปิดเส้นทางโลหิตขึ้นมาหนึ่งเส้น ทุกๆ ที่ที่พวกเขาเดินผ่าน เหล่าลูกศษย์ของเผ่าหยกก็ล้มลงกันระนาว แต่ละคนราวกับถูกคร่าชีวิตโดยเครื่องตัดอย่างไรอย่างนั้น
กลิ่นคาวเลือดอบอวลไปทั้งเผ่าหยก
ค่ำคืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นค่ำคืนที่ไม่เงียบสงบ
ความเวทนาที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ยิ่งทำให้เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าหยกกริ้วโกรธเข้าไปใหญ่
ผู้อาวุโสสูงสุดส่งสัญญาณมืออีกครั้ง ก็มีนักธนูอีกกลุ่มหนึ่ง กองทัพทหารม้าดำก็พุ่งเข้ามาฆ่าในทันที
โครมคราม…
ทั่วทั้งพื้นดินดังโครมครามอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่ามากันทั้งหมดกี่นาย
ทันทีที่พวกเขามาถึง ก็ปราบปรามกลุ่มคนเผ่าเพลิงฟ้าโดยตรงด้วยความได้เปรียบ
“เอื๊อกๆๆ…”
เผ่าเพลิงฟ้าล้มลงไปอีกกลุ่มใหญ่
ผู้อาวุโสกี่คนตะโกนอย่างเจ็บปวด “พี่น้องเรา แม้นต้องตายก็ต้องส่งนายน้อยออกไปอย่างปลอดภัยให้ได้”
“แม้นต้องตายก็ต้องส่งนายน้อยออกไปอย่างปลอดภัย”
“แม้นต้องตายก็ต้องส่งนายน้อยออกไปอย่างปลอดภัย…”
เหวินเส่าอี้คิดแม้นเป็นความแค้นเล็กๆ ก็ต้องแก้แค้นให้จงได้
“หยุดได้แล้ว หยุดได้แล้ว พวกข้ายอมแพ้…”
เขามิกล้าที่จะลืมตาขึ้นมองอีกต่อไปแล้ว
เพียงแค่เขาลืมตาขึ้นมา ก็เห็นเพียงฉากที่พี่น้องของเขาต้องตายไปทีละคนเพื่อปกป้องเขา
เขามิเคยเจ็บปวดรวดร้าวที่ตนเองสูญเสียวรยุทธ์มาเสียก่อน ตนเองไม่เพียงแต่กลายเป็นเนื้อปลาที่ติดอยู่บนกระดานไม้ของคนอื่นเท่านั้น แม้แต่ประชากรในเผ่าของเขา ก็ต้องเสียสละเช่นเดียวกันกับเขาด้วย
เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสตรีในชุดสีแดงเพลิงคนนั้น จะสามารถหยุดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้เสีย
ทว่านัยน์ตาของสตรีผู้นั้นก็เจ็บปวดไม่ต่างจากเขา แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงยืนอยู๋ตรงนั้นเงียบๆ
เพราะว่าสถานการณ์ยุ่งยากเกินไป เหวินเส่าอี้จึงไม่ได้ยินบทสนทนาของนางกับเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าหยก
และไม่รู้ว่านางได้ขอร้องให้หยุดลงแล้ว แต่ไม่เป็นผล
นึกเพียงว่านางอยากจะฆ่าเผ่าเพลิงฟ้าของเขาเสียให้สิ้นซากเท่านั้น
หัวใจของเหวินเส่าอี้เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง
ในเมื่อนางรู้สึกเจ็บปวด แล้วเหตุใดถึงไม่ปรากฏตัวเพื่อหยุดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ล่ะ?
หรือว่าบุญคุณความแค้นในอดีตชาติสำคัญเพียงนั้นเชียวหรือ?
หรือว่า…นางเพียงแค่แสร้งทำเจ็บปวดเท่านั้น…
หึ…
ในวันนี้เขาสูญเสียไปหมดทุกอย่างแล้ว ยังมีอะไรที่นางต้องเย่อหยิ่งและอวดดีเช่นนี้อีก?
นางในคืนนี้ ดูเหมือนกับนางในวันนั้นที่ตัดกระดูกไหปลาร้าของเขาออก ช่างโหดร้ายเหลือเกิน
เมื่อตะวันทอแสง
เผ่าเพลิงฟ้าดูเหมือนจะตายและบาดเจ็บสาหัสกันแทบจะหมดแล้ว เหลือเพียงสามถึงห้าคนที่ยังคงปกป้องเหวินเส่าอี้อย่างสุดชีวิตอยู่
พวกเขาบาดเจ็บซ้ำๆ ราวกับกำลังกัดฟันสู้ต่อ
“นายน้อย ขออภัยด้วยนะขอรับวันนี้พวกข้าดูเหมือนจะไม่สามารถปกป้องท่านได้อีกต่อไปแล้ว”
“นายน้อย หากท่านยังมีชีวิตรอดไปได้ ต้องแก้แค้นแทนพวกข้าด้วยนะขอรับ”
“นายน้อย…ข้าไม่เสียใจเลย…ชาติหน้า…ชาติหน้าข้ายังจะเกิดมาเป็นบ่างรับใช้ของท่านอีก…”
“เอื๊อก…”
เหวินเส่าอี้หลับตาลง น้ำตาไหลลงจากดวงตางดงามคู่นั้น
เป็นเวลาหนึ่งคืนเต็มที่เข่นฆ่ากัน
และเป็นเวลาหนึ่งคืนเต็มแห่งการเสียสละ
เขารู้สึกเจ็บจนชาไปหมดแล้ว
เมื่อมองผู้คนที่เหลือถูกฆ่า เขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดหัวใจราวกับถูกมีดแทง
สงครามครั้งใหญ่เพียงนี้ ทั้งพื้นที่กว้างเต็มไปด้วยศพและเลือดที่นองเต็มเป็นสายธารเลือด ไหลไปตามคดเคี้ยว
สายลมพัดอ่อนๆ ทำให้กลิ่นคาวเลือดลอยไปเตะปลายจมูกของทุกคนที่อยู่ในนั้น
เหวินเส่าอี้ลืมตาขึ้น ทั้งเผ่าเพลิงฟ้าเหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น
เหล่าลูกศิษย์ของเผ่าหยกต่างล้อมรอบเขาเอาไว้
วันนี้ แม้นเขาจะติดปีกก็มิอาจหนีออกจากเผ่าหยกได้แล้ว
เหวินเส่าอี้มองกู้ชูหน่วน สายตาอบอุ่นราวกับหยกคู่นั้นไม่เป็นมิตรและไม่อบอุ่นอีกต่อไป แต่กลับดูแปลกหน้าจนกู้ชูหน่วนรู้สึกกลัวขึ้นมา
กู้ชูหน่วนนั่งลงบนเก้าอี้ที่บ่าวรับใช้นำมาให้
นางดูเหมือนไม่กล้าที่จะกลับไปสบสายตาคู่นั้นของเหวินเส่าอี้อีก
เพียงแค่สายตาเดียวเท่านั้น
แม้เขาจะไม่พูดอะไรใดๆ
แต่กู้ชูหน่วนก็รู้สึกได้ถึงความไร้เรี่ยวแรงและความผิดหวังอย่างลึกซึ้งของเขา
“หัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสสูงสุด คนของเผ่าเพลิงฟ้าที่บุกเข้ามายังเผ่าหยกยกเว้นเหวินเส่าอี้ไอ้เศษสวะไม่รู้คุณคนคนนั้น นอกนั้นถูกพวกข้าสังหารไปหมดไม่เหลือแม้เพียงคนเดียวแล้วขอรับ”
“ดีๆๆ…ฆ่าเหวินเส่าอี้ด้วยเลย”
ผู้อาวุโสสูงสุดพูดคำว่าดีติดกันสามครั้ง และตามด้วยคำสั่งฆ่าเอาชีวิตเหวินเส่าอี้เสีย
กู้ชูหน่วนกล่าว “ผู้อาวุโสสูงสุดลืมสิ่งที่ข้าพูดไปก่อนหน้านั้นแล้วหรือ?”
น้ำเสียงของนางนิ่งสงบ แต่สายตาคู่นั้นนิ่งสงบราวกับน้ำมากยิ่งกว่า
ทว่าความหมายในคำพูดนั้น กลับเต็มไปด้วยการข่มขู่
คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ แต่ทว่าผู้อาวุโสสูงสุดเข้าใจ
กู้ชูหน่วนตัดสินใจจะถวายชีวิตด้วยการควักเอาหัวใจออกมา แต่มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ คือไว้ชีวิตเหวินเส่าอี้และเยี่ยจิ่งหานซะ
ตอนนั้นเขาตกลง แต่ทว่า…
ทว่าครั้งนี้เผ่าเพลิงฟ้าได้บุกเข้ามายังเผ่าหยก และสังหารประชากรของพวกเขาไปมากนัก ทำให้เขามิอาจอภัยได้จริงๆ
เผ่าเพลิงฟ้าตายไปต่อหน้าเหวินเส่าอี้มากเพียงนั้น หากปล่อยเหวินเส่าอี้ออกไป เขาก็ต้องกลับมาล้างแค้นพวกเขาน่ะสิ
พวกเขาเคยเสียเปรียบจากการล้างค้านของเงาไปแล้ว จะไม่ยอมให้มันทับซ้ำรอยเดิมอีกเด็ดขาด
ขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดกำลังลังเลว่าจะจัดการกับเหวินเส่าอี้อย่างไรนั้น ท้องฟ้ากับปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก และมีฝนกรดตกลงมา
แม้ฝนกรดจะเม็ดเล็ก แต่พลังทำลายล้างนั้นสูงนัก คนเผ่าหยกที่โดนฝนกรดเข้า ต่างก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทั้งเรือนร่างก็ถูกกัดกร่อนอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถูกกัดกร่อนจนตายไป แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือ
ไม่รู้ว่าใครส่งเสียงตะโกนออกมาว่า “รีบซ่อนตัวเร็ว ฝนพวกนี้มีฤทธิ์กัดกร่อน สามารถกัดกร่อนผู้คนจนตายได้”
ซู่ซ่า…
เผ่าหยกวุ่นวายขึ้นมา เหล่าลูกศิษย์ต่างก็หาที่หลบฝนมุ่น เกรงว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียว ชีวิตเล็กๆ ของตนคงจะไม่เหลือแล้ว
ในขณะเดียวกัน มีแรงฝ่ามือฟาดเข้ามาอย่างดุเดือด ทำให้ผู้คนต่างต้องถอยหลังกลับอย่างเลี่ยงไม่ได้
สีหน้าของกู้ชูหน่วนและเหล่าผู้อาวุโสพลันเปลี่ยน
พลังฝ่ามือที่รุนแรงนัก
จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวเสียจริง
นี่มัน…ต้องเป็นคนระดับหกขั้นสูงสุดถึงจะสามารถปล่อยพลังเช่นนี้ออกมาได้สินะ
“ปังๆๆ…”
แผ่นกระเบื้องของพระตำหนักต่างก็กระเด็นหลุดออกไป และพุ่งไปทางพวกเขาอย่างรุนแรง
แผ่นกระเบื้องทุกแผ่นล้วนเต็มไปด้วยพลังเทียมฟ้า หากถูกกระเบื้องทุบเข้า ต้องตายสถานเดียว ทำให้ผู้คนถอยหลังกลับอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้
และในขณะเดียวกัน ก็มีลำแสงสีขาวลำแสง โอบเอวของเหวินเส่าอี้ไว้ ดึงตัวเขาให้หนีไปอย่างเร็วไว
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งโกรธทั้งกังวล “ตามไปเร็ว”
เมื่อเห็นฝนที่มีฤทธิ์กัดกร่อนนี้ ทำให้ในหัวกู้ชูหน่วนนึกถึงคนคนหนึ่ง นั่นก็คือ ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮย