กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 750 1072 1073
กู้ชูหน่วนออกจากถ้ำไปยืนอยู่จุดสูงสุดแล้วมองลงไป เมื่อมองลงไปแล้วก็พบว่าว่าเผ่าเพลิงฟ้าอันกว้างใหญ่มีเพลิงไฟลุกขึ้นสู่ฟ้า และเต็มไปด้วยเงาของการเข่นฆ่ากัน
ท่ามกลางพวกเขา ตำหนักสวรรค์นั้นรุนแรงที่สุด
สู้กันถึงเพียงนี้แล้ว เชื่อว่าอีกประเดี๋ยวก็คงสิ้นสุดแล้วล่ะ
เป็นเวลาสามวันเต็มที่กู้ชูหน่วนยืนมองดูการเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวของเผ่าเพลิงฟ้าอยู่หน้าถ้ำ
เพลิงไฟที่ลุกอย่างรุนแรงในตอนแรก บัดนี้ได้ค่อยๆ เบาลงไปแล้ว
ในนั้นมีหลายแห่งที่มองไม่เห็นเพลิงไฟแล้ว นอกจากตำหนักสวรรค์ ตรงนั้นถูกไฟลุกลามเผาไหม้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามวันสามคืน
หากเผากันเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าทั้งตำหนักสวรรค์คงจะถูกเผาจนไม่เหลือซากแล้ว
สามวันมานี้ กู้ชูหน่วนได้แบกความโกรธไว้ในใจ
เหวินเส่าอี้ผู้โดดเดียวไร้พลังและความสามารถ ถูกรองหัวหน้าเผ่าซือคงฆ่าอย่างเหี้ยมโหด
“รายงาน…นายท่าน ไอ้คนเลวทรามซือคงมิรู้ว่าไปนำมือสังหารตัวฉบังมาจากที่ใดกัน ตอนนี้ทั้งเผ่าเพลิงฟ้าจึงถูกมันควบคุมไว้หมดแล้ว”
มือสังหาร?
หอวิญญาณทมิฬ?
หอวิญญาณทมิฬถูกนางทำลายไปแล้วมิใช่หรือ?
มือสังหารที่เหลือก็ตายอยู๋ในจวนแม่ทัพทั้งหมด เหตุใดจึงยังมีคนมากมายเพียงนั้นเชียว?
เมื่อมองลงไป บริเวณตำหนักสวรรค์และเผ่าเพลิงฟ้าหลายแห่งมีเงาร่างของคนชุดดำอยู่อัดแน่นเต็มไปหมด ดูก็รู้เลยทันทีว่ามีคนไม่น้อย
“ทูลนายท่าน หอวิญญาณทมิฬถูกทำลายจริง ทว่านอกเสียจากหอวิญญาณทมิฬแล้ว ยังมีองค์กรมือสังหารองค์กรหนึ่งชื่อว่า หอดาวประดับฟ้า ซึ่งหอดาวประดับฟ้าก็เป็นพลังอำนาจที่ไอ้คนเลวทรามซือคงฝึกฝนเลี้ยงดูออกมาเองกับมือ เพียงแต่โดยปกติแล้วหอดาวประดับฟ้าจะไม่ปรากฏตัวบนยุทธจักรเท่าไรนัก เพราะเช่นนั้นคนในยุทธจักรจึงมิค่อยรู้จักพวกมันนัก”
“ครั้งนี้ นอกจากหอดาวประดับฟ้าแล้ว ไอ้คนเลวทรามซือคงยังร่วมมือกับหุบเขาตันหุยด้วย มิรู้เหมือนกันว่าพวกมันให้อะไรกับหุบเขาตันหุย หุบเขาตันหุยที่ยิ่งใหญ่เพียงนั้นถึงได้เคลื่อนไหวลูกศิษย์แทบทั้งหุบเขา เพื่อรวมพลังกับไอ้คนเลวทรามซือคงเช่นนี้ได้”
“มิเพียงเท่านี้ หุบเขาตันหุยยังนำยาทั้งหมดที่สะสมมานานหลายร้อยปีให้กับไอ้คนเลวทรามซือคงด้วย ทำให้ฝั่งไอ้คนเลวทรามซือคงมีพลังเพิ่มมากขึ้นไปอีก”
หุบเขาตันหุย?
กู้ชูหน่วนแปลกใจเล็กน้อย
จากที่นางรู้มา นายน้อยแห่งหุบเขาตันหุยจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในยุทธจักรโดยไม่มีเหตุผล เพียงแค่อยากเอาตัวรอดเท่านั้น
ช่วยเหลือไอ้คนเลวทรามซือคงแล้ว ก็เสมือนเป็นศัตรูกับหออันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่าง นิกายอสูร เผ่าหยก เผ่าน้ำแข็งและอื่นๆ นายน้อยแห่งหุบเขาตันหุยคงไม่ประมาทเช่นนี้หรอก
น่าหลานหลิงลั่วเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อนางอยู่บ้าง การเป็นศัตรูกับพวกนางนั้นไม่เป็นผลดีใดๆ กับพวกเขาเลย
ต้องมีลับลมคมในอย่างแน่นอน
“เหวินเส่าอี้ล่ะ?” กู้ชูหน่วนถาม
“ยังติดอยู่ในตำหนักสวรรค์ มิสามารถออกมาได้ บ่าวรับใช้ของเขาต่างก็บาดเจ็บสาหัส คาดว่าทนต่อไปได้ไม่นานแล้ว”
ผู้คนในเผ่าหยกต่างดีใจ
มีเพียงกู้ชูหน่วนคนเดียวที่สีหน้าดูไม่ดีใจเลย
นางมองที่ตำหนักสวรรค์เนิ่นนาน ริมฝีปากบางๆ ยกสูงขึ้น และกล่าวเบาๆ ว่า “เสี่ยวลู่ เจ้าไปที่ตำหนักสวรรค์กับข้าที”
ผู้อาวุโสของเผ่าหยกก็ตามมาด้วย เมื่อได้ยินที่นางพูด ก็อดมิได้ที่จะถาม “หัวหน้าเผ่า ท่านจะไปที่ตำหนักสวรรค์ทำไมกัน บริเวณนั้นเป็นบริเวณที่วุ่นวายที่สุดของเผ่าเพลิงฟ้าแล้ว ไม่ว่าในพวกเขาใครจะชนะใครจะแพ้ ก็ไม่เกี่ยวกับเรา รอให้สงครามจบลงพวกเราค่อยไปก็ไม่สาย”
“ข้าเป็นหัวหน้าเผ่า หรือเจ้าที่เป็นหัวหน้าเผ่ากัน”
“ขอรับ…”เหล่าผู้อาวุโสมิกล้าพูดมากอีก ทำได้เพียงถอยกลับอย่างไม่พอใจ
กู้ชูหน่วนกับเสี่ยวลู่แปลงกายเป็นคนหน้าตาอัปลักษณ์เช่นเคย ด้วยวิชาตัวเบาที่คล่องแคล่วชำนาญรวมทั้งตัวละครที่พิเศษ จึงได้เดินทางมาถึงตำหนักสวรรค์อย่างไร้อุปสรรค
ทั่วทั้งเผ่าเพลิงฟ้าเต็มไปด้วยซากศพ เลือดไหลนองเป็นสระ ดูโหดร้ายมากกว่าเหตุการณ์ในเผ่าหยกครั้งนั้นเสียอีก
ตำหนักสวรรค์ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนมากมาย ดูแล้วพวกนางเองก็ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงทำได้เพียงซ่อนมองดูสถานการณ์ภานในอยู่ข้างนอก
กู้ชูหน่วนเห็นเหวินเส่าอี้และคนอื่นๆ ฝ่าวงล้อมไม่สำเร็จอีกครั้งผ่านกระดานไม้ และพื้นที่ถูกล้อมก็ยิ่งอยู่ยิ่งแคบอีกด้วย
นอกตำหนักสวรรค์
ลูกศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าหลายสิบคนถูกจับมือไขว้หลัง และถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่หน้าตำหนัก
ข้างหลังคือรองหัวหน้าเผ่าซือคง ผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิงและน่าหลานหลิงลั่ว ข้างหลังอีกคือคนของรองหัวหน้าเผ่าซือคงและลูกศิษย์ของหุบเขาตันหุย
ผู้อาวุโสหลินกล่าว “เหวินเส่าอี้ พวกเจ้าถูกสกัดล้อมไว้หมดแล้ว ขัดขืนต่อไปก็จะทำให้ตายเพิ่มมากขึ้นเสียเปล่า หากมีสติดีก็จงยอมแพ้ซะ มิเช่นนั้นคนในตำหนักสวรรค์จะต้องฝั่งหลุมไปพร้อมกับเจ้า”
“ถุย พวกกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเองอย่างพวกเจ้า กระชับมิตรกับคนนอก ทำร้ายคนใน แม้นพวกข้าจักต้องตายก็ไม่มีทางยอมแพ้หรอก นายน้อย เพียงแค่ท่านออกคำสั่ง พวกข้าก็จะสู้กับพวกมันอย่างสุดชีวิต”
“ใช่ แม้นต้องตาย พวกข้าก็ไม่มีทางยอมแพ้หรอก”
ผู้อาวุโสหลินมองไปทางรองหัวหน้าเผ่าซือคงครู่หนึ่ง กล่าวต่อไปว่า “เหวินเส่าอี้จับหัวหน้าเผ่าเป็นตัวประกัน ฝึกฝนเลี้ยงดูกองกำลังโดยลับ และวางแผนก่อกบฏ เพื่อปิดบังความจริงที่เขามิใช่ลูกชายของหัวหน้าเผ่า ทั้งยังฆ่าคนในเผ่าอย่างเหี้ยมโหด คนที่สมควรตายคือเขา เพียงแค่พวกเจ้ายอมแพ้แต่โดยดี พวกข้ารับรองว่านอกจากเหวินเส่าอี้แล้ว จะไม่ทำร้ายพวกเจ้าแม้เพียงคนเดียว”
เรื่องโกหกพรรค์นี้กลับพูดออกมาได้อย่างมั่นใจเสียจริง ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนได้ยินก็เป่านวดเคลาแล้วจ้องเขม็ง เขากล่าวอย่างกริ้วโกรธว่า “ถุย พบเจอคนหน้าด้าน แต่มิเคยพบเจอคนที่หน้าด้านไร้ยางอายเช่นเจ้ามาเสีนก่อน เรื่องอะไรก็เอามาพูดได้หมด”
เป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่ง พูดสกปรกออกมาเช่นนี้ ทำเอาผู้อาวุโสเฉินและคนอื่นๆ หน้าเสียไปตามๆ กัน
น่าหลานหลิงลั่วยกเท้าขึ้นเบาๆ และก้าวเดินไปข้างหน้ากี่ก้าว กล่างด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากพวกเจ้าไม่ยอมเปิดประตูยอมแพ้ซะ เมื่อกระบอกทรายไหลจนหมดหนึ่งครั้ง ข้าก็จะฆ่าลูกศิษย์หนึ่งคน ในเมื่อที่นี่ยังมีลูกศิษย์อีกนับร้อยคน พวกเจ้ายังมีเวลาให้คิดทบทวนอยู่มาก”
เขาส่งสัญญาณมือออกไป ก็มีคนเริ่มปล่อยกระบอกทรายลงทันที
กระบอกทรายไหลอย่างรวดเร็ว ไหลออกไปครึ่งหนึ่งภายในชั่วพริบตา
เมื่อเห็นว่ากระบอกทรายกำลังจะไหลออกจนหมดแล้ว ลูกศิษย์ที่ถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่ข้างกายน่าหลานหลิงลั่วก็กล่าวขึ้น “นายน้อย ชีวิตของพวกข้านั้นต่ำต้อย ตายไปก็มิเสียดาย นายน้อยอย่ายอมแพ้เป็นอันขาดนะขอรับ พวกมันร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ แม้นจะยอมแพ้ พวกมันก็จักฆ่าให้สิ้นซากอยู่ดี”
“หมดเวลา”
สิ้นเสียงของน่าหลานหลิงลั่ว มือของเขาก็หยิบดาบขึ้นมาและตัดเข้าที่หัวของลูกศิษย์คนนั้นในทันที
เลือดกระจายไปทั่วทุกทิศ ย้อมติดเป็นสีแดงไปทั่วพื้นดิน ศีรษะของเขาตกลงบนพื้น ดวงตาของลูกศิษย์ที่ตายไปเบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่าเขาตายตาไม่หลับ
ลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่ถูกจับเป็นเชลยจ้องน่าหลานหลิงลั่วเขม็งตาแทบจะแยกออกจากกัน
เสียงก่นด่าของซ่งอวี้ดังออกมาจากตำหนักสวรรค์
“ซือคง พวกเขาเป็นศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าทั้งนั้น เจ้ายอมทนเห็นคนนอกฆ่าพวกเขาต่อหน้าเช่นนี้งั้นหรือ?”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่างอย่างช้าๆ “พวกเขาเป็นศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าจริง แต่ทว่าพวกมันทรยศเผ่าเพลิงฟ้า หากพวกเจ้าไม่ยอมแพ้โดยเร็ว ก็อย่าโทษว่าข้าไร้น้ำใจแล้วกัน”
ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนกล่าว “น่าหลานหลิงลั่ว พวกเราไม่มีความแค้นความบาดหมางต่อหุบเขาตันหุย เหตุใดเจ้าถึงได้นำคนของเจ้ามาฆ่าพวกข้าเช่นนี้กัน”
“เผ่าเพลิงฟ้ากับหุบเขาตันหุยความสัมพันธ์ดีกันมาตลอด พวกเจ้าจับหัวหน้าเผ่าเป็นตัวประกัน พวกข้าแค่ต้องการคืนความยุติธรรมให้กับหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าเท่านั้น”
“ถุย ภายนอกดูศักดิ์สิทธิ์ แต่ภายในไร้ศีลธรรมและยางอาย”
“เวลาหนึ่งกระบอกทรายจะหมดลงแล้ว พวกเจ้าคิดดีหรือยัง?”
ภายในตำหนักสวรรค์มีเสียงรีบร้อนกังวลดังออกมา ราวกับกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่
ลูกศิษย์ที่ถูกจับเป็นเชลยอยู่นอกตำหนักก็หัวเราะขึ้นมาในบัดดล “ก็แค่ตายมิใช่หรือ จะไปกลัวอะไรกัน ผ่านไปยี่สิบปีก็กลายเป็นคนคนหนึ่งแล้ว ไอ้คนทรยศซือคง เจ้าจะฆ่าก็รีบฆ่าซะ ข้าไม่กลัวหรอก”
“ฉับ…”
ศีรษะของลูกศิษย์ตกลงมาอีกหนึ่งคน
ผู้สังหารยังคงเป็นน่าหลานหลิงลั่วเช่นเคย
รองหัวหน้าเผ่าซือคงดูสบายใจมากนัก ลูกศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าคนอื่นๆ มีบางคนที่ทนไม่ไหว แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าร้องขอไว้ชีวิตได้
กู้ชูหน่วนมองน่าหลานหลิงลั่วที่แววตาเย็นชา เต็มไปด้วยจิตสังหาร นางไม่อยากเชื่อเลยว่าน่าหลานหลิงลั่วที่นางรู้จักในอดีตที่ซุกซน อ่อนโยน และมีอารมณ์ขันคนนั้น จะเป็นน่าหลานหลิงลั่วที่ฆ่าคนโดยไม่ต้องกระพริบตาเลยคนนี้