กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 759
สีหน้าของทุกคนดูเศร้าหมอง
หัวหน้าเผ่ายกตำแหน่งหัวหน้าเผ่าให้กับนายน้อยของเผ่า ซึ่งหมายความว่าเขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว
ประโยคสั้น ๆ ไม่เพียงแต่บ่งบอกว่าเหวินเส่าอี๋เป็นบุตรชายแท้ ๆ ของเขาแต่ยังบ่งบอกอีกด้วยว่าพวกเขาควรจะจงรักภักดีต่อเหวินเส่าอี๋
ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสทั้งหลายต่างไม่มีข้อโต้แย้ง
พวกเขาต่างพากันโขลกศีรษะและตะโกนว่า “ข้าน้อยคารวะท่านหัวหน้าเผ่า ขอให้ท่านหัวหน้าเผ่าและเผ่าเพลิงฟ้าเจริญรุ่งเรืองสืบชั่วลูกชั่วหลาน”
เหวินเส่าอี๋รับป้ายคำสั่งหัวหน้าเผ่าจากเหวินเฉิงเทียน เขาหลับตาลงและละทิ้งความคิดที่เจ็บปวดและยุ่งเหยิงทั้งหมด
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาของเหวินเส่าอี๋ก็เยือกเย็นและไร้ความปรานี
เขาพูดเสียงดัง “ทุกท่านลุกขึ้นเถิด”
“ขอบคุณท่านหัวหน้าเผ่า”
เหวินเฉิงเทียนกล่าวอย่างอ่อนแรง “ผู้อาวุโสหวง ผู้อาวุโสอวิ๋น และผู้อาวุโสทั้งหลาย ต่อไปเส่าอี๋และเผ่าเพลิงฟ้าต้องรบกวนให้ทุกท่านช่วยดูแลแล้ว”
“หัวหน้าเผ่าอาวุโสกล่าวหนักเกินไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่พวกเราพึ่งกระทำ”
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างงุนงงเล็กน้อย
ที่นี่มีผู้อาวุโสสูงสุดมากมาย หัวหน้าเผ่าอาวุโสไม่ฝากฝังให้พวกเขาช่วยดูแล แต่กลับฝากฝังให้ผู้อาวุโสช่วยดูแลแทน?
เผ่าเพลิงฟ้าประสบกับความเสียหายอย่างหนัก ไม่ว่านายน้อยจะเก่งกาจแค่ไหน กระดูกสะบักของเขาก็ถูกถอดออกแล้ว เผ่าเพลิงฟ้ายังไม่กลับตัว เกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก
“นอกจากผู้อาวุโสสูงสุดสองสามคนแล้ว พวกเจ้าที่เหลือออกไปก่อนเถอะ หากไม่มีคำสั่งของข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา”
“ขอรับ”
ประตูห้องลับถูกปิดลง มีเพียงเหวินเส่าอี้ เหวินเฉิงเทียน และผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ที่ได้รับบาดเจ็บ
“เส่าอี๋ เจ้ามานั่งตรงนี่”
“เชื่อมกระดูกสะบัก……จะต้องจ่ายอะไรเป็นการตอบแทนหรือไม่?”
เขาต้องการจะฟื้นฟูกระดูกสะบักที่ถูกถอด
แต่เขารู้สึกไม่สบายใจ และมักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น หากสามารถเชื่อมกระดูกสะบักได้ ในโลกนี้ก็ไม่มีเรื่องต้องกังวล
ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มและกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าเผ่าไม่ต้องกังวล เพียงแค่ต้องใช้กำลังภายในบางส่วน ขอเพียงแค่ช่วยให้ท่านเชื่อมกระดูกสะบักได้ มันก็คุ้มค่าที่จะสูญเสียกำลังภายใน”
“เพียงแค่สูญเสียกำลังภายในบางส่วนเท่านั้นจริง ๆ หรือ?”
หากเป็นเช่นนั้น ทำไมสีหน้าของพวกเขาถึงดูแปลก ๆ?
“ใช่ เผ่าหยกและหุบเขาตันหุยพยายามจะทำลายเขตหวงห้าม หัวหน้าเผ่า พวกเรามีเวลาจำกัด เริ่มกันเลยจะดีกว่า หากมีอะไรจะพูด รอให้เชื่อมกระดูกสะบักแล้วค่อยว่ากัน เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนกลางคัน”
“ใช่ หากเกิดความผิดพลาดในขณะที่เชื่อมต่อกระดูกสะบัก และต้องหยุดกลางคัน พวกเราทุกคนอาจตกอยู่ในอันตราย”
“เช่นนั้นก็รออีกเดี๋ยวแล้วค่อยเชื่อมต่อ”
ผู้อาวุโสสูงสุดยังพูดไม่ทันจบ เหวินเฉิงเทียนก็กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ไม่ได้ ยิ่งล่าช้า โอกาสที่จะเชื่อมต่อก็จะลดลง เรื่องนี้ไม่อาจรอช้าได้ รีบดำเนินการเสียตอนนี้เลย”
เมื่อเหวินเฉิงเทียนเอ่ยปาก เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดต่างก็มองหน้ากัน แววตาของพวกมีความมุ่งมั่น
พวกเขาสกัดจุดของเหวินเส่าอี๋ และบังคับให้เขานั่งลงตรงกลาง ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่คนประกบฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกัน แล้วถ่ายทอดกำลังภายในเข้าสู่ร่างกายของเหวินเส่าอี๋อย่างต่อเนื่อง พลังที่อ่อนโยนและแข็งแกร่งช่วยซ่อมแซมกระดูกสะบักที่ถูกถอดออกของเขา
เหวินเส่าอี๋พยายามปฏิเสธ แต่ก็ไม่เป็นผล และกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “ท่านพ่อ การเชื่อมต่อกระดูกสะบักที่ถูกถอดออก ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร?”
สิ่งที่ตอบเหวินเส่าอี๋คือการเหวินเฉิงเทียนอดทนต่อความเจ็บปวด และถ่ายทอดพลังทั้งหมดของตัวเองให้เหวินเส่าอี๋
เขากล่าวเสียงดัง “คิดว่าการถอดกระดูกสะบักของบุตรชายแล้ว จะทำลายชีวิตของบุตรชายของข้าได้งั้นหรือ?เหอะ ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้เห็นว่าวิชาเวทของเผ่าเพลิงฟ้าสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้อย่างไร”
“ท่านพ่อ……”
พลังอันแข็งแกร่งทั้งห้าถูกถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายของเหวินเส่าอี๋ จากนั้นร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บของเขาก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ
กระดูกสะบักให้ความรู้สึกผิดปกติ
ร่างกายของต่อต้าน ต่อต้านกำลังภายในทั้งห้า
หากไม่เปิดเผยความจริง เขาก็ไม่กล้าที่จะยอมรับมันง่าย ๆ เขากลัวว่าจะสูญเสียพวกเขาไป
ในเมื่อการพยายามปฏิเสธของเขา มีผลที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก
หนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“หัวหน้าเผ่า ในเมื่อพวกเราตั้งใจที่จะช่วยเชื่อมต่อกระดูกสะบักให้ท่าน ท่านก็อย่าต่อต้านเลย ยอมรับการถ่ายทอดพลังของพวกเราเถอะ”
“ท่านยังไม่บอกข้าเลยว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร?”
“ท่านอยากรู้มากเลยหรือ?ได้ เช่นนั้นข้าจะบอกท่าน กระดูกสะบักของท่านถูกถอดออกมาแล้ว ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ไม่สามารถรักษาได้ แต่ด้วยวิชาเวทของเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเรา สามารถถ่ายทอดสิ่งนี้เข้าไปในร่างกายท่านได้”
“และนั่นก็คือพวกเรานำกระดูกสะบักของตัวเองมาใส่ให้เจ้า”
ร่างกายของเหวินเส่าอี๋สั่นในทันที
เขารู้ว่าราคาที่ต้องจ่ายนั่นหนักหนา
นำกระดูกสะบักของตัวเองมาใส่ให้กับเขา?
เช่นนั้นหากกระดูกสะบักของพวกเขาถูกถอดออก พวกเขาทั้งหมดก็จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์?
พวกเขาเป็นล้วนแต่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเพลิงฟ้า และแต่ละคนก็มีวรยุทธที่ไม่ธรรมดา
“พวกเราแก่ชราแล้ว และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ด้วยอายุขัยของพวกเราแล้ว พวกเราไม่สามารถฟื้นฟูเผ่าเพลิงฟ้าได้ แต่ท่านต่างออกไป ท่านมีความสามารถและชาญฉลาด อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีวรยุทธลำ้เลิศที่หาได้ยากในรอบพันปี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือท่านอายุยังน้อย”
“เผ่าเพลิงฟ้าภายใต้การปกครองของท่าน ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถฟื้นฟูให้กลับคืนมาถึงจุดสูงสุดได้อย่างแน่นอน”
“ท่านหัวหน้าเผ่า หลังจากวิชาเวทได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกอย่างไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าจะหยุดในเวลานี้ วรยุทธทั้งหมดของพวกเราก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี และบางทีชีวิตนี้อาจจะต้องสูญเปล่า ท่านยอมรับด้วยความเต็มใจเถิด อย่าต่อต้านอีกเลย”
“ไม่……จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้……ท่านพ่อของข้าจะตายไม่ได้ พวกท่านก็ตายไม่ได้เช่นกัน คนของเผ่าเพลิงฟ้าตายไปมากพอแล้ว หากให้ต้องจ่ายด้วยกระดูกสะบักของพวกท่าน ข้าไม่ยอมอย่างเด็ดขาด”
เหล่าผู้อาวุโสต่างเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
สูญเสียกระดูกสะบักไปแล้วอย่างไร?
ในท้ายที่สุดแล้ว
พวกเขาทั้งหมดก็ต้องตาย
มันย่อมคุ้มค่า
หากสามารถยืดเวลาของเผ่าเพลิงฟ้าได้หลายร้อยปีหรือหลายร้อยปี ต่อให้พวกเขาตายก็คุ้มค่า
เหวินเฉิงเทียนกล่าวว่า “เหลือเวลาไม่มากแล้ว อย่าเอาแต่ใจตัวเองอยู่เลย ทำใจให้สบาย ๆ และยอมรับพลังทั้งหมด มิเช่นนั้นท่านพ่อของท่านก็จะตาย และตายตาไม่หลับ”
ในเวลานี้ เหล่าสาวกข้างนอกก็รีบมารายงาน “รายงาน…..หัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่าอาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดทุกท่าน เผ่าหยกและหุบเขาตันหุยพบทางเข้าเขตหวงห้ามแล้ว และพวกเขากำลังทำลายค่ายกลอยู่ข้างนอก พวกเขามียอดฝีมือมากมาย ผู้อาวุโสทั้งหลายไม่กลัวรับประกันว่าเขตหวงห้ามจะถูกทำลายหรือไม่ จึงอยากขอความคิดเห็นของพวกท่าน”
วิชาเวทได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และไม่สามารถสิ้นสุดลงได้
ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ดีว่าหากสิ้นสุดลงจบก่อนกำหนด หรือถูกขัดจังหวะ พวกเขาทั้งหมดอาจจะต้องตาย
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างเฉยเมย “ปล่อยให้พวกเขาทำลายไปเถอะ พวกเขาไม่สามารถทำลายได้ นอกเสียจากว่าจะมีปิ่นระย้าหยกขาวลายผีเสื้อที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเรา”
สีหน้าของเหวินเส่าอี๋เปลี่ยนไปมาก
ปิ่นระย้าหยกขาวลายผีเสื้อ…..
“เป็นอะไรไป?หรือว่าท่านมอบปิ่นระย้าให้ผู้อื่นไปแล้ว?” เหวินเฉิงเทียนและคนอื่น ๆ คร่ำครวญในใจ
ปิ่นระย้านี้ถูกส่งมอบให้ฮูหยินชิว และฮูหยินชิวก็มอบให้เหวินเส่าอี๋
ดังนั้นปิ่นระย้านี้จึงอยู่ในมือของเหวินเส่าอี๋”
เหวินเส่าอี๋พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้ามอบปิ่นระย้า……ให้กู้ชูหน่วนไปแล้ว”
“อะไรนะ……?”
ผู้คนต่างพากันตกตะลึง
เหวินเส่าอี๋ทำให้ตกใจเกือบตาย
“ท่านำของที่สำคัญเช่นนี้ไปมอบให้ผู้อื่นตามอำเภอใจได้อย่างไร?”
“หัวหน้าเผ่า ท่านเลอะเลือนไปแล้ว……”
“หากพวกเขารู้ว่าปิ่นระย้าเป็นกุญแจที่จะสามารถเข้ามาในเขตหวงห้าม พวกเราก็คงไม่รอด……”
ร่างกายของเหวินเส่าอี๋เย็นยะเยือก
เขาคือเหวินเส่าอี๋
เขาคืออาจารย์ซั่งกวนของสำนักศึกษาวังหลวง
ในตอนนั้นที่เขามอบมันให้กับกู้ชูหน่วน เขาไม่ได้คิดอะไรมากนัก
ไม่คิดเลยว่าปิ่นระย้าจะเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของเผ่าเพลิงฟ้า……