กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 768
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 768
เยี่ยจิ่งหาน……
ใช่ เขาสามารถไปหาเยี่ยจิ่งหานเพื่อเกลี้ยกล่อมเขา
ผู้อาวุโสหกต้องการคิดจะไปหาเยี่ยจิ่งหาน แต่เมื่อนึกถึงภูมิหลังของเยี่ยจิ่งหาน เขาก็หยุดชะงักและลังเลขึ้นมา
ผู้อาวุโสสูง?
ไม่ ผู้อาวุโสสูงมีความผูกพันกับเผ่าหยก แม้ว่าเขาจะชอบและเคารพอาหน่วน แต่ก็ไม่สามารถเสียสละเผ่าหยกทั้งเผ่าเพื่ออาหน่วนเพียงคนเดียว
ไม่เพียงแค่ผู้อาวุโสสูงที่เป็นเช่นนั้น ผู้อาวุโสทุกคนในเผ่าหยกก็คิดเหมือนกัน
หากจะถามว่าในเผ่าหยกนี้มีใครบ้างหวังว่ากู้ชูหน่วนจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยใจจริงบ้าง
เกรงว่าคงมีเพียงอี้เฉินเฟยกระมัง
แต่น่าเสียดายที่อี้เฉินเฟยได้เสียชีวิตลงแล้ว
เขายังสามารถไปหาใครได้อีกบ้าง?
เซี่ยวอวี่เซวียน?
ก็ไม่ได้ เด็กเซี่ยวอวี่เซวียนคนนั้นก็เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ถูกกับอาหน่วนเสียแล้ว ไปหาเขาก็ไม่ช่วยอะไร
ฝูกวงและลั่วอิ่งพวกเขาก็มีคุณสมบัติไม่เพียงพอ
ทันใดนั้นผู้อาวุโสหกก็นึกขึ้นได้อีกคนหนึ่ง
จอมมาร……
เขาตบต้นขาและโยนไหเหล้าไหสุดท้ายทิ้งลง จากนั้นรีบวิ่งไปยังเผ่าปีศาจ
เขาสาบานว่านี่คือความเร็วที่สุดที่เขาเคยใช้มา
ทันใดนั้นก็เดินทางมาถึงเชิงเขาของเผ่าปีศาจ แต่กลับถูกบอกว่าจอมมารไม่อยู่ เขาได้พาคนจำนวนมากไปเผ่าหยกเพื่อขอแต่งงาน
ผู้อาวุโสหกรู้สึกโกรธอย่างมาก
เขาไล่ตามกลับไป ทันใดนั้นเมื่อกลับไปถึงยังทางเข้าเผ่าหยก คนรับใช้กลับบอกเขาว่า จอมมารไม่ได้มาที่นี่
เขาซักถามอย่างละเอียด
จอมมารไม่ได้มาที่เผ่าหยกและไม่รู้ว่าจอมมารใช้เส้นทางไหนหรืออาจจะคลานมา
ต่อให้คลานมา เช่นนั้นก็ควรเดินทางมาถึงเผ่าหยกแล้วสิ
“ท่านผู้อาวุโสหก จอมมารอาจจะหลงทาง สายลับแจ้งข่าวมาว่าได้พบเจอจอมมารกำลังสอบถามเส้นทางมายังเผ่าหยกที่เมืองหวงเฟิง”
“เขามาที่เผ่าหยกพร้อมกับกองกำลังที่แข็งแกร่งไม่ใช่หรือ? เขาเป็นคนจำเส้นทางไม่ได้อย่างนั้นหรือ หรือว่าลูกน้องของเขาก็ไม่รู้เส้นทางเลย?”
“เอ่อ……เหมือนว่าจอมมารจะพูดว่า เผ่าหยกไม่ต้อนรับคนนอก หากหัวหน้าเผ่ารู้ว่าเขาพาคนเข้ามาเป็นจำนวนมากเช่นนั้น จะต้องโกรธอย่างมากแน่ๆ ฉะนั้นเขาจึงเดินทางมาขอแต่งงานก่อนกำหนด แล้ว……แล้วค่อยให้คนของเขาไปวางสินสอด……”
ผู้อาวุโสหกแทบอยากเป็นลม
เขากล่าวออกมาด้วยความโมโห
“ปัดโธ่ จอมมารอะไรกัน ช่างทำตัวเหลวไหลไม่สมฐานะ ไม่สามารถทำเรื่องใหญ่ได้เลย มีแต่เรื่องล้มเหลว”
คนรับใช้ต่างพากันส่ายหน้า
คนรับใช้คนหนึ่งที่ค่อนข้างกล้าหาญกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหก ท่านหาจอมมารมีเรื่องสำคัญอย่างนั้นหรือ? ไม่เช่นนั้นข้าน้อยจะสั่งให้คนออกไปค้นหาเบาะแสของจอมมาร”
“ประเดี๋ยวก็จะเที่ยงแล้ว ใครจะไปรู้ว่าจอมมารจะอยู่แห่งหนใด ต่อให้หาเจอก็เกรงว่าจะไม่ทันเวลาเอาเสียแล้ว”
“ไม่……ไม่ทันเวลา? ไม่ทันเวลาอะไรหรือ?”
“พูดกับเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์”
“เช่นนั้นแล้วเรายังต้องหาจอมมารอีกหรือไม่?”
“หาสิ ต้องหาให้เจอ ส่งคนออกไปหาเยอะๆ บอกเขาว่าอาหน่วนกำลังตกอยู่ในอันตราย ชีวิตของนางอยู่ในมือของเขาและให้เขามาที่เผ่าหยกอย่างเร็วที่สุด”
“อ๋า……หัวหน้ามีอันตรายอะไรหรือ? ข้าน้อยจะรีบไปรายงานให้ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสคนอื่นทราบ”
“เจ้าว่าเจ้ามีสมองหรือไม่? ข้าบอกให้เจ้ารีบไปบอกจอมมาร เพื่อให้จอมมารรีบมาไม่ใช่หรือ?”
“ข้าตกใจหมดเลย ผู้อาวุโสหก ตอนที่ท่านไม่ดื่มเหล้าดู ไม่น่าเชื่อถือกว่าตอนดื่มเหล้าเสียอีก”
“เจ้าน่ะสิที่ไม่เอาไหน ทั้งโคตรของเจ้านั่นแหละที่ไม่เอาไหน ยังไม่รีบไปอีก” ผู้อาวุโสหกอดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้า
“ขอรับๆๆ ข้าน้อยจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ผู้อาวุโสหกมองไปบนท้องฟ้าด้วยความกังวล
อีกเพียงหนึ่งชั่วยามก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว
ทำอย่างไรดี……
เขาไปขัดขวางด้วยตัวเองหรือ?
ไม่ เขาไม่สามารถขัดขวางได้
เมื่อนึกถึงชีวิตอันน่าสังเวชน่าสงสารของอาหน่วน
และรวมไปถึงมิตรภาพระหว่างนาง
ผู้อาวุโสหกกัดฟันและไปหาเยี่ยจิ่งหานด้วยตัวเอง
เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามช่างน้อยนิดเหลือเกิน
หวังเพียงว่า……
สามารถกลับมาได้ทันเวลา……
ผู้อาวุโสหกเดินทางไปจวนหานอ๋องจนแทบหมดแรง
เขาลงจากหลังม้า ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือว่าหยุดอย่างกะทันหัน จึงทำให้เขายืนไม่มั่นคงและทำได้เพียงเกาะประคองม้าด้วยความเหนื่อยหอบ
“ไป……ไปเรียกเยี่ยจิ่งหานออกมาเดี๋ยวนี้”
“เจ้าเป็นใครกัน ท่านอ๋องของข้าเป็นคนที่เจ้าอยากพบก็พบได้อย่างนั้นหรือ?”
“ข้ามีเรื่องสำคัญอย่างมาก ให้เขารีบออกมา ไม่เช่นนั้นอาหน่วนจะตกอยู่ในอันตราย”
โดยปกติแล้วผู้อาวุโสหกมักจะสวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายธรรมดา รวมไปถึงเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยฝุ่น แถมเสื้อผ้ายังขาดหลุดลุ่ยอีกด้วย ทำให้มองดูแล้วเหมือนกับขอทานยังไงยังงั้น
ผู้ที่มาขอพบหานอ๋องที่จวนหานอ๋องนั้นมีจำนวนมาก
แต่ไม่เคยพบเห็นขอทานที่ไหนจะกล้ามาขอพบท่านอ๋องเลย
เดิมทีผู้ที่เฝ้าประตูไม่อยากสนใจอะไร แต่เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสหกรีบร้อนและดูกังวลเช่นนี้ พวกเขาก็กลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริง เช่นนั้นแล้วจะเป็นการทำให้ท่านอ๋องพลาดเรื่องสำคัญ
แต่หากปล่อยเขาเข้าไปโดยตรงทันที……ก็ไม่เหมาะสม
“พวกเจ้ามัวยืนเฉยทำไม รีบเข้าไปสิข้ารีบมากรู้หรือไม่ ช่างเถอะ เยี่ยจิ่งหานอยู่ที่ไหน ข้าจะไปพบเขาเอง”
“บังอาจ ชื่อของท่านอ๋องเป็นชื่อที่เจ้าสามารถเรียกได้โดยพลการอย่างนั้นหรือ”
ผู้อาวุโสหกยังคงไม่สามารถระงับอารมณ์ลงได้อยู่นาน เขากระหายน้ำและคอแห้ง เขาแทบไม่ต้องการเสียเวลาพูดกับคนเหล่านี้ จากนั้นจึงเดินข้ามและบุกเข้าไปยังจวนหานอ๋องเพื่อเข้าไปหาเยี่ยจิ่งหานด้วยตัวเอง
“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าคิดว่าจวนหานอ๋องเป็นสถานที่อะไรกันที่อยากเข้าก็เข้า ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ”
“ฮึ เป็นนายยังไงก็มีคนใช้เช่นนั้นเสียจริง หากไม่ใชาเพราะชีวิตของอาหน่วนตกอยู่ในอันตราย ไม่เช่นนั้นข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าให้เข็ดเลยคอยดู”
เดิมทีคนใช้อยากจะเข้าไปรายงาน
แต่เมื่อเห็นความเกรี้ยวกราดและเหิมเกริมของผู้อาวุโสหก โดยไม่เห็นหานอ๋องในสายตา เช่นนั้นจึงไม่กล้าปล่อยให้เขาเข้าไปและยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเข้าไปรายงาน
จวนหานอ๋องไม่แปลกเลยที่เป็นจวนหานอ๋อง
องครักษ์ในจวนต่างพากันวิ่งออกมาและพกพาอาวุธออกมายืนเป็นสองแถวเพื่อปิดทางของผู้อาวุโสหก
และยังมีมือยิงธนูอีกหนึ่งแถวคอยดึงคันธนูเอาไว้และรอเพียงการสั่งการแค่คำเดียว จากนั้นจึงปล่อยลูกธนูออกมาทำให้ผู้อาวุโสหกหนีราวกับถูกแตนต่อย
ที่นี่มีความเคลื่อนไหวเสียงดัง จึงดึงดูดให้ชิงเฟิงเดินออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ใต้เท้าชิงเฟิง คนแก่คนนี้ต้องการบุกเข้ามายังจวนหานอ๋องและมีทีท่าไม่เคารพท่านอ๋อง แถมยังทำร้ายพวกเราจนบาดเจ็บอีกหลายคน”
เมื่อชิงเฟิงเห็นผู้อาวุโสหกเข้าก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
นี่ไม่ใช่ผู้อาวุโสของเผ่าหยกหรอกหรือ?
เหตุใดถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่?
หรือว่าเขาจะมาหาเรื่องนายท่านอย่างนั้นหรือ?
ผู้อาวุโสหกเห็นชิงเฟิงเข้าราวกับเห็นฟางช่วยชีวิต “พ่อหนุ่ม เจ้ามาพอดีเลย เร็วเข้า รีบเข้าไปรายงานนายท่านของเจ้า บอกให้เขารีบไปที่เผ่าหยกเดี๋ยวนี้”
“เจ้าไม่ได้มาเพื่อฆ่านายท่านของพวกข้า?”
“ข้าต้องการฆ่าเขา ข้าจะบุกมายังจวนหานอ๋องคนเดียวอย่างนั้นหรือ?”
“เช่นนั้นแล้วท่านมาที่นี่เพื่ออะไร?”
“ข้า……เฮ้อ……ข้าพูดกับเจ้าไปก็เปล่าประโยชน์ ข้าขอพูดกับนายท่านของเจ้า เจ้ารีบพาข้าไปพบนายท่านของเจ้าเดี๋ยวนี้”
ชิงเฟิงไม่ยอม
นายท่านทำเพื่อพระชายามาเยอะมากมาย พระชายาไม่เพียงไม่รู้สึกขอบคุณ แต่ยังทำร้ายจิตใจของท่านอ๋องอีกด้วย
ตอนนี้ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัสแทบตาย อีกทั้งเส้นผมยังเปลี่ยนเป็นสีขาวเพียงชั่วข้ามคืน คำสาปโลหิตในร่างกายของเขาก็ออกฤทธิ์แล้ว หมอต่างก็บอกว่าเขามีชีวิตเหลืออยู่อีกไม่นานแล้ว
เขารู้สึกโกรธโมโหพระชายาอย่างมาก
“นายท่านของเจ้ามัวเป็นขอนไม้อะไรอยู่ที่นี่ กู้ชูหน่วนกำลังอยู่ในอันตราย นางกำลังมีอันตรายเจ้ารู้หรือไม่? หากไม่รีบพาเยี่ยจิ่งหานไปยังเผ่าหยก เช่นนั้นแล้วนางคงไม่รอดแน่ๆ”
ผู้อาวุโสหกร้อนรนกระวนกระวายใจเหมือนกับมดบนหม้อไฟ แต่คนเหล่านี้กลับไม่รู้สึกรีบร้อนหรือสะทกสะท้านแต่อย่างไร เขาโกรธจนกระทืบเท้าเสียงดัง
“ผู้อาวุโสพูดตลกไป พระชายาอยู่ที่เผ่าหยกอย่างสุขสบายดีจะมีอันตรายอะไรได้”
“เจ้าคิดว่าท่าทางของข้าเหมือนกำลังพูดเล่นอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าจะรีบไปรายงานนายท่านเดี๋ยวนี้”