กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 774
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 774
กู้ชูหน่วนง้างมือขึ้นผู้อาวุโสหกก็ถูกสกัดจุดใบ้กลางอากาศ
สาวกของเผ่าหยกทั้งหลายต่างมองไปยังกู้ชูหน่วนและผู้อาวุโสหกด้วยความประหลาดใจ
ไม่รู้ว่าคำพูดของผู้อาวุโสหกหมายถึงสิ่งใดกันแน่
เยี่ยจิ่งหานได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสหกอย่างคลุมเครือ ด้วยกระบวนท่าปั้นแต่งก็ล้มลงตรงหน้ากู้ชูหน่วน
“อาหน่วน ข้าเข้าใจความจริงทั้งหมดแล้ว ที่แท้พวกเราไม่ใช่พี่น้องกัน พวกเราเป็น……พรวด……”
เยี่ยจิ่งหานไม่สามารถเก็บซ่อนความสุขและความตื่นเต้นบนใบหน้าเอาไว้ได้
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยคดาบก็ได้แทงทะลุหัวใจเสียแล้ว
หากว่าเป็นผู้อื่นแทงเขาจะต้องหลบเลี่ยงได้อย่างแน่นอน
แต่กลับเป็น……
ผู้ที่แทงเขากลับเป็นกู้ชูหน่วนผู้ซึ่งเขาคิดถึงอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน
“ตึง……”
ราวกับว่าเวลาได้หยุดนิ่งลงเช่นนั้น
รูม่านตาของเยี่ยจิ่งหานหดตัวลงและมองลงยังดาบตรงหน้าอกของตนอย่างไม่เชื่อสายตา
ปวด……
ปวดจนเขาแทบจะหมดสติสิ้นใจลงไป
ถึงจะปวดก็ไม่ความเจ็บปวดเท่าในใจ
เขามีคำพูดมากมายที่ต้องการจะพูดกับกู้ชูหน่วน เขายังมีคำพูดอีกนับพันนับหมื่นที่ยังไม่ทันได้พูดออกมา
แต่กู้ชูหน่วนได้แทงเขาดาบหนึ่งอย่างไร้ความปรานี
หากไม่ใช่ว่าดาบเล่มนั้นยังเสียบอยู่ในร่างกายของเขา
หากไม่ใช่ว่าผู้หญิงตรงหน้าเต็มไปด้วยใบหน้าอันเย็นชาและดวงตาคู่อำมหิต เยี่ยจิ่งหานก็ไม่อยากจะเชื่อว่านางคือกู้ชูหน่วน
ทุกคนในที่นั้นก็มองกันอย่างตะลึง
กู้ชูหน่วนชอบพอเยี่ยจิ่งหานไม่ใช่หรือ?
เหตุใดจู่ๆถึงได้แทงเขาหล่ะ?
แม้แต่จอมมารก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเยี่ยจิ่งหานแต่ก็ไม่สามารถที่จะไม่ยอมรับได้ว่าเยี่ยจิ่งหานมีความรักที่จริงใจต่อกู้ชูหน่วนและเป็นผู้ซื่อตรง เป็นสหายที่สามารถคบหาอย่างลึกซึ้งได้
ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยตกใจจนหัวใจแทบจะกระโจนออกมา พวกเขาร้องตะโกนขึ้นว่า “นายท่าน …… ”
เยี่ยจิ่งหานค่อยๆยกมือขวาขึ้นเพื่อยับยั้งพวกเขาก้าวไปด้านหน้า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“เพราะเหตุใด……”
เพราะเหตุใดถึงต้องฆ่าเขา……
นางรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกเขาไม่ใช่พี่น้องกันทางสายเลือดกัน?
ใช่สิ……เพราะเหตุใด……
นี่คือสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ แม้แต่สาวกทั้งหลายของเผ่าหยกก็อยากรู้
กู้ชูหน่วนชักแล้วดึงดาบอ่อนของตนเองออกมาโดยไม่สนใจว่าดึงออกมานี้เยี่ยจิ่งหานจะตายหรือไม่
หลังจากการดึงนี้เลือดก็ได้กระเด็นกระดอนไปทั่วทุกทิศ กระเด็นไปบนร่างของชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ย แล้วก็กระเด็นไปบนร่างของเยี่ยจิ่งหานและตัวนางเอง
เยี่ยจิ่งหานเจ็บปวดจนร่างกายนั้นไม่สามารถทนได้ไหวอีกต่อไปจึงล้มลงไป ดวงตาคู่ลึกซึ้งและสับสนของเขาจ้องไปยังบนร่างของกู้ชูหน่วนโดยที่ไม่แม้แต่จะกระพริบตา ราวกับว่าต้องการจะมองหญิงตรงหน้าให้ทะลุปรุโปร่ง
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะท่านทำสิ่งใดอยู่ ท่านรู้หรือไม่ว่าการต่อสู่ระหว่างนายท่านกับเหวินเส่าอี๋ในครั้งนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด เพื่อที่จะเร่งมาพบท่านที่เผ่าหยกท่านรู้หรือไม่ว่านายท่านเสียสละสิ่งใดบ้าง นายท่านทำเพื่อท่านแล้วแม้แต่ชีวิตเขาก็สละได้ เหตุใดท่านถึงแทงเขาได้หล่ะ”
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ จิตใจท่านช่างอำมหิตยิ่งนัก……ช่างอำมหิตนัก…… ”
มือของกู้ชูหน่วนซึ่งถือดาบอ่อนสั่นเทาอยู่บ้างเล็กน้อยและในใจนั้นราวกับถูกมีดกรีด
แต่ว่าท่าทางภายนอกของนางสงบนิ่ง พยายามกำดาบอ่อนเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตนเองแสดงออกมา
นางรู้ว่าหากไม่ทำให้เยี่ยจิ่งหานตายใจหมดสิ้น แม้ว่าคำสาปโลหิตของเขาคลายลงเขาก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่เพียงลำพังได้
“ท่านอยากรู้ว่าเพราะเหตุใด?” นางถาม
“ใช่” เยี่ยจิ่งหานพยักหน้า
เขาไม่เชื่อว่านางจะสังหารเขาโดยไม่มีเหตุผล
“ในเมื่อท่านอยากรู้งั้นข้าจะบอกท่าน ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่พี่น้องกันพ่อแม่เดียวกัน แต่ท่านแม่ของท่านได้สังหารพ่อแม่ของข้าทำให้ข้าเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เล็ก ข้าในฐานะหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกและท่านก็ได้สังหารผู้อาวุโสเก้าและสาวกมากมายของเผ่าหยกของข้า ความแค้นใหม่เพิ่มพูนจากความแค้นเก่าท่านว่าข้าจะไม่สังหารท่านได้หรือไม่?
“เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น ความแค้นของคนรุ่นก่อนเจ้าไม่มีทางดึงมาถึงรุ่นนี้ได้ การสังหารผู้อาวุโสเก้าก็ไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของข้า……”
“พวกเรารู้จักกันมานานเท่าใดกัน? ท่านก็รู้ว่าหลังจากฟื้นคืนความจำแล้วข้าเป็นคนเช่นไร?”
“ข้าเชื่อในตัวเจ้า” เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างหนักแน่น
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ ใบหน้าอันงดงามน่าทึ่งนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“เจ้ากลัวว่าข้าจะขัดขวางเจ้าเซ่นสังเวยจึงได้กล่าวพูดคำที่ไร้เยื่อใยเช่นนี้ออกมาหรือ?”
“สังเวย? สังเวยอันใด?” จอมมารถาม
ในที่นั้นไม่มีผู้ใดตอบกลับเขา
เยี่ยจิ่งหานอดทนต่อความเจ็บปวดและบีบบังคับทุกย่างก้าว “อาหน่วนเจ้าลืมสัญญาที่เราให้กันไว้แล้วหรือ เจ้าลืมเรื่องราวทั้งหมดของเราที่เกิดขึ้นในขั้วโลกเหนือแล้วหรือ?”
“นั่นเป็นเพียงแค่เรื่องราวเลอะเทอะที่เกิดขึ้นกับท่านหลังจากที่ข้าสูญเสียความทรงจำ ทุกอย่างดังเป็นเพียงบุปผาในคันฉ่อง จันทราในวารีก็เท่านั้น”
บุปผาในคันฉ่อง จันทราในวารี?
เช่นนั้นจดจำไม่ลืมเลือนและเป็นตายครองคู่กันก็เรียกว่าบุปผาในคันฉ่อง จันทราในวารีหรือ?
เยี่ยจิ่งหานไม่เชื่อและไม่ยอมรับ
“เพียงแค่ข้ามีชีวิตอยู่หนึ่งวันข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าสังเวย”
“ท่านเป็นตัวอะไร? ก็คู่ควรมาออกคำสั่งกับข้าด้วย”
“ข้าเป็นสวามีของเจ้า เป็นสวามีอันชอบธรรม”
“ช่างน่าขัน เยี่ยจิ่งหานข้าจะบอกท่านนะท่านอยู่ในใจข้าไม่ถือเป็นสิ่งใดเลย ข้ากู้ชูหน่วนชั่วชีวิตนี้ชอบเพียงอี้เฉินเฟยเท่านั้น”
สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานดูไม่ได้เลย
สีหน้าของจอมมารก็ดูไม่ได้เช่นเดียวกัน
พวกเขาทั้งหมดเป็นบุคคลชั้นยอดที่มีอำนาจมากมายนัก สำหรับเรื่องราวในอดีตของกู้ชูหน่วนก็พอรู้อยู่บ้าง
และรู้ว่าอี้เฉินเฟยอยู่ในใจของนางแตกต่างกับผู้อื่น แต่เมื่อถูกนางกล่าวออกมาตรงไปตรงมาเช่นนี้ในใจของพวกเขาก็เจ็บปวดขึ้นเสียแล้ว
“ข้าบอกแล้วว่าเพียงแค่ข้ายังมีชีวิตอยู่หนึ่งวันก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าสังเวย” เยี่ยจิ่งหานกัดฟันเน้นย้ำ
“งั้นท่านก็ตายซะเถอะ”
แววตาอำมหิตของกู้ชูหน่วนจู่ๆฝ่ามือก็ซัดไปยังเยี่ยจิ่งหาน
“พรวด……”
เดิมทีเยี่ยจิ่งหานก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเลิกล้มการต่อต้านแล้วจะทนต่อฝ่ามือนี้ได้อย่างไร จึงถูกสะเทือนลอยออกไปและอาเจียนเป็นเลือดตรงนั้นเลยโดยตรง
“นายท่าน……ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ท่านลงมือเหี้ยมโหดเช่นนี้ นายท่านของข้าทำผิดอันใดต่อท่านหรือ? ท่านรู้หรือไม่ว่านายท่านอาจตายได้”
“ตายก็ตายสิ ก็เพียงแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้นเอง”
คำพูดที่ไร้เยื่อใยเช่นนี้ ทุกคนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจะออกมาจากปากของกู้ชูหน่วน
เยี่ยจิ่งหานรู้สึกสมองตื้อตัน เขาอยากจะสลบตายลงไปแต่กัดฟันฝืนบังคับตนเองให้รู้สึกตัวอยู่
ตายก็ตายสิ ก็เพียงแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้นเอง……
นางต้องการให้เขาตายขนาดนั้นเลยหรือ?
“พวกเจ้าโยนเขาออกไป ดูแล้วช่างน่ารังเกียจนัก”
กู้ชูหน่วนออกคำสั่งอย่างเย็นชา
คนของเผ่าหยกมองหน้ากัน หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสรองก็สั่งให้คนโยนพวกเขาออกไป
“พระชายา ท่านทำเกินไปแล้ว ช้าเร็วต้องมีสักวันที่ท่านจะต้องเสียใจภายหลัง”
“ลงมือกับลูกชายของศัตรูที่สังหารท่านพ่อท่านแม่ผู้หนึ่ง ข้าไม่ได้ฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆก็นับว่าไม่เลวแล้ว ผู้อาวุโสรองหากว่าพวกเขาวุ่นวายอีกก็ฆ่าพวกเขาสองคนแล้วโยนให้สุนัขกิน”
“ขอรับ”
ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยต้องการฆ่ากู้ชูหน่วนเสียแต่คนของเผ่าหยกจำนวนมากนักและนายท่านก็กำลังจะหมดลม จึงทำได้เพียงถูกพวกเขาบังคับขับไล่ออกไป
เปลือกตาของเยี่ยจิ่งหานค่อยๆหลับลง
ครั้งสุดท้ายที่จะสลบลงไปได้เหลือบมองแววตาอันเพิกเฉยคู่นั้นของกู้ชูหน่วนราวกับว่ากำลังรอให้นางกลับใจ แต่สิ่งที่รอมาได้มีเพียงความรังเกียจของนางเท่านั้น
“เจี้ยงเสวี่ย……เคลื่อน……เคลื่อนคนมาขัดขวางนางเซ่นสังเวย”
แม้ว่าความตายจะมาถึงเยี่ยจิ่งหานก็ยังเป็นห่วงกู้ชูหน่วนเช่นดังเดิม
กู้ชูหน่วนหลับตาลงอย่างเจ็บปวดในที่ที่ไม่มีผู้ใดเห็น จากนั้นก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของนางประจักษ์ชัด
หลังจากที่เยี่ยจิ่งหานจากไปแล้วจอมมารก็กล่าวอย่างระมัดระวังว่า “พี่หญิงเห็นได้ชัดว่าท่านไม่ต้องการทำร้ายเยี่ยจิ่งหาน เหตุใดท่านถึงได้ลงมือกับเขารุนแรงเช่นนั้นหล่ะ?”
“เป็นเจ้า ตอนนั้นเจ้าชิงไข่มุกมังกรของข้าไปและอาศัยขณะที่ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสสังหารจอมมารของข้า”