กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 777
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 777
“นี่คือกาขังวิญญาณ เพียงแค่ผู้ที่มีวรยุทธขั้นสูงสุดระดับหกขึ้นไปใช้พลังทั้งหมดเพื่อดึงวิญญาณของนางออกมา และใส่ลงในกาขังวิญญาณ ก็จะสามารถเก็บวิญญาณของนางไว้ได้ตลอดไป”
ผู้อาวุโสสูงสุดหยิบกาหลากสีขนาดเล็กออกจากตัวอย่างระมัดระวัง หางตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ
เขาคิดไว้นานแล้วว่าเมื่อกู้ชูหน่วนสังเวยชีวิต เขาจะสละชีวิตของตัวเองเพื่อรักษาดวงวิญญาณของนาง และหวังว่านางจะมีโอกาสฟื้นคืนชีพ
แต่เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ตนเองออกจากการบำเพ็ญเพียรแล้ว จะประสบกับความสูญเสียอย่างไม่ขาดสาย
ในตอนนี้……
เขาไม่มีความสามารถที่จะดึงวิญญาณของอาหน่วนออกมา
เมื่อมองดูในเผ่าหยก มีเพียงผู้อาวุโสสูงเท่านั้นที่พอจะเป็นไปได้ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่มีความสามารถเช่นนี้
แต่อาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสสูงไม่เบาไปเขาเลย
ผู้อาวุโสสูงสุดทรุดตัวลงกับพื้น ราวกับว่าเขาแก่ลงกว่าสิบปีในชั่วพริบตาเดียว
จอมมารเข้าใจในทันที
มิน่าเล่า……
มิน่าเล่าในตอนแรกที่เผ่าหยกประสบกับเคราะห์ร้าย ชายชราผู้นี้ถึงไม่ยอมออกจากการบำเพ็ญเพียร ที่แท้เขาก็กำลังคิดหาวิธีที่จะรักษาชีวิตของพี่หญิง
เขาถามว่า “ในโลกนี้มีวิธีการชุบชีวิตวิญญาณจากซากศพหรือไม่?”
“ข้าไม่รู้ แต่ข้าอ่านจากม้วนหนังแกะโบราณที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ ในเผ่าหยกเคยมีคนที่ฝืนชะตาฟ้าลิขิต เก็บดวงวิญญาณไว้ และในที่สุดก็สามารถฟื้นคืนชีพได้”
“ข่าวคราวนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“สิ่งที่บรรพบุรุษคงทิ้งไว้น่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก แต่จะสามารถฟื้นคืนชีพได้อย่างไรนั้น ไม่ได้มีการสืบทอดต่อกันมา ข้าคิดหาวิธีมานานหลายปี แต่ก็ยังไม่สามารถหาวิธีได้ ข้าเชื่อว่าขอเพียงดวงวิญญาณของอาหน่วนไม่ถูกทำลาย นางจะต้องฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างแน่นอน”
ใบหน้าที่ตึงเครียดของจอมมารผ่อนคลายลงในทันที และรอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“ขอแค่มีความหวังเพียงน้อยนิด ข้าก็จะไม่ยอมแพ้” แม้ว่าจะเป็นชีวิตของเขา แม้ว่าทั่วทั้งใต้หล้าต้องเป็นเครื่องสังเวยก็ตาม
เขาจะต้องทำให้พี่หญิงของเขามีชีวิตอยู่ต่อไป
“ในตอนนี้แม้แต่ม่านอาคมของพวกเราก็ยังทำลายไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะหยุดนางเลย” ผู้อาวุโสสูงสุดก้มหน้าลงอย่างท้อใจ และความรู้สึกไร้กำลังก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา
“งั้นหรือ……”
จอมมารยิ้มอย่างมีเสน่ห์และงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้
นัยน์ตาอันชั่วร้ายของเขาดูมีความมั่นใจ และรอยยิ้มของเขาก็บีบหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
ผู้คนต่างตกตะลึง
หรือว่าเขาจะมีวิธี?
จอมมารหลับตาลงอย่างช้า ๆ ไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไร ดอกลำโพงแต่ละดอกที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขายังคงเบ่งบาน
หนึ่งดอก
สิบดอก
ร้อยดอก
พันดอก
และกลายเป็นสิบล้านดอกในชั่วพริบตาเดียว ราวกับว่าดอกลำโพงเหล่านี้ออดอ้อนเขา และดูเหมือนกำลังบอกลาเขา
ดอกลำโพงแต่ละดอกที่อยู่รอบ ๆ จอมมารนั้นเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
ผู้คนในเผ่าหยกดูสับสนงุนงง
ทำไมถึงมีดอกลำโพงบานสะพรั่งมากมายขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่าดอกลำโพงทั่วทั้งให้หล้าถูกเขาเรียกมาที่นี่หรอกนะ?
กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งเผ่าหยก ทำให้ทุกคนที่ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลาย
นอกจากดอกลำโพงแล้ว ยังมีดอกสุ่ยเซียน ดอกโบตั๋น ดอกเบญจมาศ ดอกกุหลาบและอื่น ๆ ยังบานสะพรั่งอีกด้วย
พวกเขาสามารถกล้ารับรองได้
ดอกไม้ที่พวกเขาเคยเห็นมาทั้งหมดในโลกนี้ ล้วนแต่อยู่ที่นี่
แต่ละดอกเบ่งบานจนสุด ราวกับพวกมันแสดงรูปลักษณ์ที่สวยงามที่สุดให้จอมมารดู
นี่เป็นภาพอันงดงาม
ผู้คนในเผ่าหยกมองอย่างตกตะลึง
มีเพียงผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้นที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“วิชาคืนชีพบุปผาผลิบาน นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวิชาคืนชีพบุปผาผลิบาน”
สาวกคนหนึ่งของเผ่าหยกถามว่า “ผู้อาวุโสสูงสุด วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานคืออะไรขอรับ?”
“วิชาคืนชีพบุปผาผลิบาน สามารถเพิ่มกำลังภายในได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ และยังสามารถทำให้คนใกล้ตายกลับมาเป็นปกติ แต่มีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน แต่……แต่วิธีการนี้ฝืนชะตาฟ้าลิขิตมากเกินไป หลังจากใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบาน เขา……ต้องตายอย่างแน่……”
“เขาต้องการใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานเพื่อคลายจุด ทำลายม่านอาคม และยับยั้งอาหน่วน……”
หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดพูดจบ ร่างของจอมมารก็เปล่งแสงสว่างโชติช่วง ไม่เพียงแต่จะสามารถคลายจุดได้ทั้งสิบแปดจุดได้ แม้แต่ม่านอาคมที่แน่นหนาก็ถูกดอกไม้นับร้อยของเขาทำลายเช่นกัน
“ตูม ๆ ๆ ……”
ม่านอาคมเปิดออก และผู้คนที่อยู่ภายในม่านอาคมก็ได้รับอิสรภาพกลับคืนมา
ในเวลาเดียวกัน ม่านอาคมขนาดใหญ่ที่บีบบังคับพวกเขาไว้ ก็ทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก
ทรงพลังมาก……จนหายใจลำบาก……
วรยุทธของจอมมารเพิ่มขึ้นจากระดับห้าเป็นระดับเจ็ด……
เพิ่มขึ้นมาสองระดับ……
ช่างน่ากลัวมากเกินไป……
พวกเขายังไม่ทันได้ตกตะลึง ร่างสีแดงเพลิงของจอมมารก็หายวับไป และทิ้งประโยคไว้ว่า “พี่หญิง รอข้าด้วย………”
“ผู้อาวุโสสูงสุด………”
“เป็นวิชาคืนชีพบุปผาผลิบาน เขาใช้วิชาต้องห้ามเพื่อเพิ่มพลังของตนเอง”
ผู้อาวุโสสูงสุดต้องการจะไปที่ห้องหลอมยา แต่เมื่อเขาขยับ ร่างกายของเขาก็มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด และเขาก็ล้มลง
มีบางคนก็รีบบุกเข้าไปในห้องหลอมยา และมีบางคนช่วยพยุงผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสสูงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวว่า “เร็วเข้า ช่วยพยุงข้าเข้าไป หากจอมมารสามารถนำวิชาคืนชีพบุปผาผลิบานกลับคืนมาได้ภายในหนึ่งถ้วยชา (15 นาที) บางทีอาจจะสามารถช่วยชีวิตจอมมารได้ มิเช่นนั้น…มิเช่นนั้น… .. .”
ผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่กล้าจินตนาการถึงผลที่จะตามมาเช่นกัน
อาหน่วนมีเพื่อนเพียงไม่กี่คน จอมมารก็เป็นหนึ่งในเพื่อนที่สนิทนางไว้ใจที่สุด และก่อนหน้านี้นางก็ดูแลเขาและปฏิบัติต่อจอมมารเป็นอย่างดี
เขาไม่สามารถปกป้องอาหน่วนได้ และไม่สามารถปกป้องจอมมารได้เช่นกัน
“ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป หากไม่รักษาบาดแผลของท่าน……”
“พูดจาไร้สาระ รีบช่วยพยุงข้าเข้าไปในห้องหลอมยาเร็วเข้า……”
“ขอรับ……”
ในห้องหลอมยา กู้ชูหน่วนสร้างค่ายกลไว้หลายอัน เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเข้ามา
ค่ายกลเหล่านี้ล้วนแต่ถูกผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งทำลายลง
ผู้อาวุโสสูงสุดรู้ดีว่า นอกจากจอมมารแล้ว ไม่มีใครสามารถทำลายค่ายกลของอาหน่วนได้
เส้นทางไปยังห้องหลอมยาระเกะระกะ และไม่รู้ว่าจอมมารร้อนใจมากแค่ไหนถึงได้ทำลายห้องหลอมยา
ในที่สุด……
พวกเขารีบเร่งมาจนถึงห้องหลอมยา
และยังได้ยินเสียงกรีดร้องของจอมมารดังออกมาข้างนอก
“พี่หญิง……ไม่…..”
ผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่น ๆ เดินโซเซเข้ามา แต่เห็นกู้ชูหน่วนหลอมรวมหม้อต้มกลั่นยาหยินและหยางทั้งสองเข้าด้วยกันเป็นหม้อเดียว
และนางก็ยืนอยู่ข้าง ๆ หม้อต้มกลั่นยาแล้ว นางใช้ดาบสั้นแทงเข้าไปที่หัวใจของตัวเอง จากนั้นเลือดก็หยดลงไปในเตาหลอม
ด้วยเลือดจากหัวใจของนาง ไฟในเตาหลอมก็ลุกโชนขึ้นอย่างกะทันหัน และแผดเผา
เปลวไฟไม่ได้เป็นสีทอง
เป็นสีแดงเลือด
เหมือนกับเลือดของกู้ชูหน่วน
สีหน้าของพวกเขาซีดเซียว
ในที่สุดก็มาไม่ทัน?
“หัวหน้าเผ่า……”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยพากันคุกเข่าลงทีละคน
จอมมารรีบวิ่งเข้าไปด้วยสีหน้าที่ซีดขาว
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “หยุด อย่าเข้ามา ไม่เช่นนั้นข้าจะควักหัวใจของตนเองออกมา”
“พี่หญิง……ข้าจะไม่เข้าไป ท่านวางดาบสั้นลงก่อน หากมีอะไรเราก็ค่อยคุยกันดี ๆ”
ในเวลานี้จอมมารเป็นเหมือนเด็กที่หวาดกลัว ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยการอ้อนวอน
ดวงตาสีม่วงและสีฟ้าคู่นั้นสะท้อนให้เห็นแววตาและหยดเลือดของกู้ชูหน่วน
เขาสับสนงุนงง
ทำอะไรไม่ถูก
วิตกกังวล
หมดหนทาง
เมื่อกู้ชูหน่วนเห็นเช่นนั้น นางก็แทบอยากจะเข้าไปกอดเขาไว้ในอ้อมแขน
จอมมารปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี ทุกสิ่งทุกอย่าง นางล้วนแต่จดจำไว้ในใจ
เขายโสโอหังมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
แต่กลับแสดงสีหน้าท่าทางถ่อมตัวและทำอะไรไม่ถูก
“อาม่อ ข้าบอกแล้วว่าอย่าเข้ามา?ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อฟัง อีกทั้งยัง……ฝืนชะตาฟ้าลิขิต และใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบาน……”
“เพียงแค่ท่านวางดาบสั้นที่อยู่ในมือลง ต่อไปข้าสัญญาว่าจะเชื่อฟังท่าน และข้าจะไม่ใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานอีก”