กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 780
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 780
หัวใจทั้งดวงถูกโยนเข้าไปในเตาหลอมยาและไฟเตาหลอมก็โหมสูงขึ้นเป็นจำนวนหลายเมตรและก็ยังมีปีกหงส์บินขึ้นสูง ทำให้เกิดเสียงดังคมชัดไพเราะเพราะพริ้งขึ้น
ไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดลูกที่กระจัดกระจายถูกควบแน่นขึ้นอีกครั้ง
ในครั้งนี้ไข่มุกทั้งเจ็ดลูกยังคงหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างต่อเนื่องไม่กระจัดกระจายออกจากกันอีก
แต่ไม่มีผู้ใดใส่ใจสถานการณ์ในเตาหลอมยาอีกแล้ว ทุกคนนั้นมุ่งความสนใจไปยังตัวของกู้ชูหน่วน
“อาหน่วน…..เจ้าฟื้นสิ ข้ายังมีเรื่องมากมายที่ยังไม่ได้พูดกับเจ้า เจ้าหลับตาไม่ได้นะ ซูมู่ ข้าขอร้องหล่ะท่านช่วยนางด้วย”
“นาง…..สิ้นใจแล้ว ข้าไม่สามารถช่วยได้”
“พูดจาเรื่อยเปื่อย อาหน่วนของข้าจะตายได้อย่างไร นางเพียงแค่นอนหลับไปก็เท่านั้น อาหน่วน…..เจ้าฟื้นสิ เจ้าดูสิไข่มุกมังกรหลอมรวมได้แล้ว คำสาปโลหิตของเผ่าหยกมีทางช่วยแล้ว เจ้ารีบลืมตาขึ้นสิ…..ฮือๆ…..”
เยี่ยจิ่งหานกอดร่างของชูหน่วนเอาไว้แน่นพร้อมกับร่ำไห้สะอื้น
บุรุษน้ำตาไม่ไหลง่ายๆอันใดกัน สำหรับเยี่ยจิ่งหานในขณะนี้ไม่นับเป็นสิ่งใดเลย
ในใจของเขาว่างเปล่า ในขณะที่กู้ชูหน่วนเสียชีวิตนั้นหัวใจของเขาก็ได้ตายไปพร้อมกับนางแล้ว
ทุกคนในเผ่าหยกต่างคุกเข่าลงจากนั้นร้องห่มร้องไห้แล้วกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าเผ่า……”
เซี่ยวอวี่เซวียนที่อยู่ด้านนอกประตูสีหน้าซีดเผือด ขาทั้งสองข้างคุกเข่าลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
ใบหน้าซีดเซียวของเขามองไปยังดวงตาที่หลับสนิทของกู้ชูหน่วนราวกับว่าในใจนั้นได้แตกสลายเป็นชิ้นๆ
เซี่ยวอวี่เซวียนกุมหัวใจของตนเองไว้แน่น ตรงนั้นเจ็บปวดจนทำให้เขาหายใจไม่ออก
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่กู้ชูหน่วนสิ้นลมตรงหน้าเขา
และยังเสียชีวิตตั้งแต่ยังอายุยังน้อย
จอมมารก็คุกเข่าลงอย่างไร้เรี่ยวแรงเช่นเดียวกัน เขาไม่รู้ว่าเป็นความทุกข์ใจหรือว่าวิตกกังวล แต่ดวงตาอันมีเสน่ห์คู่นั้นกลับมีคราบเลือดปรากฏขึ้น
เขาพึมพำกับตนเองราวกับว่าไร้จิตวิญญาณว่า “พี่หญิงตายไม่ได้ นางตายไม่ได้ วิชาคืนชีพบุปผาผลิบาน ใช่แล้ว วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานสามารถรักษาดวงจิตของเขาเอาไว้”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดบอกกับเขา จอมมารก็ไม่ลังเลใจที่จะใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานอีกครั้ง
ดอกลำโพงบานสะพรั่งนับพันนับหมื่นดอกผลิบานตามออกมาควบคู่กับดอกไม้นานาพันธุ์ในใต้หล้า
กลิ่นหอมสดชื่นล้อมรอบอยู่รอบกายของจอมมาร
ดอกไม้บายสะพรั่งเหล่านี้แต่ละดอกเบ่งบานสดชื่นยิ่งนัก ราวกับจะแสดงให้เห็นภาพอันงดงามที่สุดในชั่วชีวิตนี้ออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างร้อนรนว่า “จอมมาร นี่เจ้าจะทำสิ่งใดรีบยั้งมือนะ เมื่อครู่เจ้าเพิ่งใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานไปแล้วใช้อีกครั้งเจ้าจะตายได้”
“เพียงแค่สามารถรักษาดวงจิตของพี่หญิงได้ เพียงแค่พี่หญิงสาวยังมีทางคืนชีวิตเพียงน้อยนิดข้าจะไม่มีทางยอมแพ้ พวกท่านทั้งหมดหลีกไปให้พ้น ไม่เช่นนั้นมารขวางสังหารมาร เทพขวางสังหารเทพ อย่าได้โทษข้าซือม่อเฟยที่ไม่เกรงใจ”
“ตูม……”
จู่ๆการข่มขู่บังคับอันน่าสะพรึงกลัวก็จู่โจมเข้ามา ทุกคนถูกกดดันเสียจนแทบหายใจไม่ออก
นี่คือการข่มขู่บังคับอันน่าสะพรึงกลัวที่ในระดับเจ็ดถึงจะมีได้
ดอกไม้เบ่งบานชูร่างของกู้ชูหน่วนขึ้นและลอยอยู่ในอากาศ ดอกไม้แต่ละดอกได้มอบชีวิตของมันเองให้กับกู้ชูหน่วนแล้วแห้งเหี่ยวเฉาไป
ดอกไม้นับพันเหี่ยวเฉาลงแล้วยังมีดอกไม้นับพันดอกยังคงส่งต่อชีวิตให้ต่อกันไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องไร้ที่สิ้นสุด
รวมทั้งจอมมารด้วย
ความมีชีวิตชีวาในร่างกายของเขาก็ได้จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันซึ่งทั้งหมดถูกส่งต่อไปยังบนตัวของกู้ชูหน่วน
ผู้คนในเผ่าหยกต้องการหยุดยั้งพวกเขาแต่ถูกจอมมารสะเทือนออกหมด
เยี่ยจิ่งหานกล่าวเสียงเข้มว่า “เกิดสิ่งใดขึ้น?”
เหตุใดพละกำลังของจอมมารถึงขึ้นถึงระดับเจ็ด นี่เขากำลังช่วยชีวิตอาหน่วนด้วยชีวิตของตนเองหรือ?
หัวใจของอาหน่วนนั้นไม่เต้นแล้ว จะช่วยได้อย่างไร?
ในฝูงชนไม่รู้ว่าผู้ใดได้อธิบาย
“เพียงแค่ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดระดับหกทุ่มพละกำลังทั้งหมดในร่างกายแล้วสามารถดึงดวงจิตของท่านหัวหน้าเผ่าออกมาได้จากนั้นใส่ลงในกาขังวิญญาณ ถึงเวลาท่านหัวหน้าเผ่าก็อาจจะสามารถฟื้นคืนชีพได้ นี่จอมมารได้ฝืนใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานต้องการใช้ชีวิตแลกชีวิตเพื่อดึงดวงจิตของท่านหัวหน้าเผ่าออกมา”
ได้ยินเข้าจู่ๆร่างกายของเยี่ยจิ่งหานก็ได้ปรากฏประกายแสงอันทรงพลานุภาพออกมาพร้อมกันกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวไม่ต่ำกว่าระดับเจ็ด
เขานั่งขัดสมาธิจากนั้นใช้พลังชีวิตของตนเองใส่เข้าไปในร่างของชูหน่วนจากอีกด้านหนึ่งอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดวงจิตในร่างของกู้ชูหน่วนออกมาพร้อมกับจอมมาร
“เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดเยี่ยจิ่งหานก็ได้ทลายระดับเจ็ดด้วย? เขายังบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นเหตุใดถึงสามารถทะยานถึงระดับเจ็ดได้?”
ซูมู่ตกใจนิ่งนัก “เยี่ยจิ่งหาน ท่านไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือ? ท่านถึงกับแปรเปลี่ยนชะตาฟ้าลิขิตโดยเปิดข้อต้องห้ามขึ้น ท่านจะต้องตายนะ”
“นายท่าน……วิธีการนี้ครอบงำเกินไปแล้ว ท่านไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ไม่เช่นนั้นจะต้องตาย สถานเบา…..ไร้ประโยชน์……”
พวกเข้าพยายามขัดขว่างพวกเขาแต่กลับถูกคลื่นกำลังของเยี่ยจิ่งหานสะเทือนบินออกไปจนกระอักเลือด
เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หากว่าภรรยาของตนก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้แล้วข้ามีชีวิตอยู่จะมีความหมายอันใด”
เยี่ยจิ่งหานมองไปยังจอมมารจากนั้นกล่าวเสียงทุ้มแหบพร่าว่า “กู้ชูหน่วนเป็นภรรยาของข้า ช่วยนางเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของข้า เจ้ารีบปล่อยมือและเก็บวิชาคืนชีพบุปผาผลิบานของเจ้าซะ”
“ข้ารู้เพียงว่านางได้รับปากข้าแล้วว่าเพียงแค่ข้าสามารถปลูกดอกพุดซ้อนได้เต็มเขาด้วยตนเองนางก็จะแต่งงานกับข้า ข้าได้ปลูกดอกพุดซ้อนไว้เต็มทั้งภูเขาแล้วตอนนี้นางเป็นภรรยาของข้าแล้ว”
“เจ้ามันน่าไม่อาย นางก็เพียงแค่ไม่ต้องการทำให้เจ้าได้รับความสูญเสียไปด้วยจึงได้โกหกเพื่อกันเจ้าออกไป”
“เจ้าไม่ใช่นางแล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าในใจของนางคิดสิ่งใดอยู่”
“คนโง่เง่ายังรู้ว่านี่เป็นเพียงกลยุทธ์รับมือชั่วคราวของนาง”
“เยี่ยจิ่งหานเจ้าไม่ได้สมดังใจจึงไม่พอใจหล่ะสิ เจ้ายั้งมือเดี๋ยวนี้นะ ภรรยาของข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
หากไม่ใช่ว่าต้องทุ่มกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อดึงดวงจิตของกู้ชูหน่วนออกมา จอมมารคงจะทำให้เขากระเด็นออกไปตั้งนานแล้วจะยังให้เขามาจู้จี้จุกจิกที่นี่ได้หรือ
เยี่ยจิ่งหานกลอกตาใส่
เดิมทีกู้ชูหน่วนก็เป็นภรรยาของเขา เขาต้องหึงหวงอันใด?
“เจ้าใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานติดต่อกันสองครั้ง หากไม่วางมือเจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเป็นแน่ รีบถอนฝ่ามือออกเร็วเข้า”
“เจ้าฝืนมติสวรรค์เปิดข้อต้องห้ามขึ้น หากว่าไม่ยั้งมืออีกผู้ที่ตายจะเป็นเจ้า ผู้ที่ควรถอนฝ่ามือคือเจ้า”
ทั้งสองคนแข่งขันกันเองโดยที่ผู้ใดก็ไม่กล้าละทิ้งโอกาสสุดท้ายอันน้อยนิดนี้
ผู้อาวุโสสูงสุดมองดูอยู่ด้านหนึ่งโดด้วยความกังวล
“พวกเจ้าทั้งสองคนไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ต้องการดึงดวงจิตของหัวหน้าเผ่าออกมาต้องการคนเพียงผู้เดียวเท่านั้น หนึ่งในพวกเจ้ารีบถอนมือเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองคนก็ต้องตายหมด
“ให้เขาวางมือ”
จอมมารและเยี่ยจิ่งหานกล่าวพร้อมเพรียงกัน
ความเป็นความตายเบื้องหน้าผู้ใดก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ประการแรกกลัวว่าหลังจากที่ตนเองปล่อยมือ อีกฝ่ายจะไม่สามารถดึงดวงจิตของกู้ชูหน่วนออกมาได้
ประการที่สองเนื่องด้วยอีกฝ่ายเป็นผู้ที่กู้ชูหน่วนใส่ใจมากที่สุด หากว่าอีกฝ่ายตายไปถึงแม้ว่ากู้ชูหน่วนจะฟื้นคืนชีพก็จะต้องเสียใจ พวกเขายินยอมที่จะเสียสละตนเอง
เซี่ยวอวี่เซวียนดูวิตกกังวลนัก
พวกเขามีข้อต้องห้ามในการที่จะสามารถทลายระดับเจ็ด
เขาไม่มีความสามารถที่จะทลายระดับเจ็ดได้ จึงทำได้เพียงเฝ้าดูด้วยความเป็นห่วง
เขาไม่รู้ว่าเขากำลังเป็นกังวลสิ่งใด รู้เพียงแค่หากว่าไม่สามาระดึงดวงจิตของกู้ชูหน่วนออกมาได้ เขาก็คงจะโศกเศร้านัก……โศกเศร้ายิ่งนัก……
“ตูม……”
ร่างกายของกู้ชูหน่วนถูกพละกำลังพวกเขาทั้งสองคนเข้าใส่อย่างต่อเนื่องจนเกิดประกายแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมา
แสงสว่างเกิดประกายขึ้น พละกำลังของทั้งสองคนก็ถูกกีดกันออกไปจริงๆและต่างถูกตีกลับไป หากไม่ใช่เนื่องจากพวกเขาหนีออกได้เร็ว เกรงว่าพวกเขาจะถูกพละกำลังของตนเองทำร้ายกลับแล้ว
“เกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดพละกำลังของข้าถึงไม่สามารถเข้าไปได้ และก็ไม่สามารถดึงดวงจิตของนางออกมาได้”
“ข้าก็เช่นกัน”
เยี่ยจิ่งหานและจอมมารต่างตื่นตระหนก
หากว่าไม่สามารถดึงดวงจิตของนางออกมาได้ แล้วนางจะทำเช่นไร ไม่ใช่ว่า……
ทุกคนต่างมองไปทางผู้อาวุโสสูงสุด
ผู้อาวุโสสูงสุดตระหนักขึ้นในทันใด
“วรยุทธ์ของเจ้าทั้งสองคน ผู้หนึ่งเป็นหยางผู้หนึ่งเป็นหยิน หยินและหยางผสานเข้าด้วยกันดวงจิตของหัวหน้าเผ่าไม่สามารถทนรับไหวได้ ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถถูกพวกเจ้าดึงออกมาได้แต่ยังถูกพวกเจ้าทำลายด้วย หนึ่งในพวกเจ้าจำต้องยั้งมือโดยเร็ว”
“ยั้งมือในตอนนี้แล้วต้องการที่จะเปิดใช้พละกำลังระดับเจ็ดก็เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ท่านกล่าวในขณะนี้สำคัญเพียงใด?”
“ข้ารู้ ข้าแน่ใจว่าหนึ่งในพวกเจ้าจำต้องยั้งมือ ข้าอายุปูนนี้ขอร้องพวกเจ้าหล่ะ พวกเจ้าดูว่าผู้ใดจะรามือเสียก่อน”
“ชิ่ว…… ”
กำลังทั้งหมดที่พวกเขาเข้าใส่บนร่างของกู้ชูหน่วนได้เด้งคืนกลับมาและยิ่งอยู่ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามเยี่ยจิ่งหานกับจอมมารก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน แต่ะคนเลือดไหลออกตรงมุมปากพร้อมกับสีหน้าอันซีดเซียว
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปดวงจิตของกู้ชูหน่วนยังไม่ทันดึงออกมา พวกเขาก็ต้องตายอยู่ที่นี่ก่อนเสียแล้ว