กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 797
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 797
“รู้ เทพแห่งโชคลาภของข้า”
กู้ชูหน่วนยิ้มแหะๆโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าสีหน้าของเขาจะบูดบึ้งเพียงใดพร้อมกับสัมผัสด้วยมือเล็กอยู่เช่นนั้น
ในไม่ช้านางก็ค้นป้ายคำสั่งป้ายหนึ่ง
ป้ายคำสั่งสีทองและสลักคำว่า “หาน” เอาไว้
“สีทอง? เจ้าเป็นคนของราชวงศ์? แม้ว่าจะไม่รู้ว่าป้ายคำสั่งนี้ใช้ทำสิ่งใดแต่ด้วยวัสดุที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ก็น่าจะขายได้เป็นเงินจำนวนไม่น้อย”
กู้ชูหน่วนนำใส่ไว้ในอกโดยถือว่าเป็นของตน
มืออีกข้างหนึ่งก็หยิบป้ายคำสั่งออกมาได้อีกหลายป้าย บางชิ้นแกะสลักคำว่าเทียนหวั่งสองคำ บางชิ้นสลักคำว่าอ๋อง บางชิ้นสลักคำว่าทหาร
กู้ชูหน่วนวางป้ายคำสั่งไว้ตรงหน้าเยี่ยจิ่งหาน”นี่เป็นวัสดุอะไร? เหมือนจะไม่ใช่เหล็ก เหมือนทองแต่ไม่ใช่ทอง เหมือนไม้มะเกลือแต่ไม่ใช่ไม้มะเกลือ”
เยี่ยจิ่งหานเบือนหน้าหลบไปฝั่งหนี่งโดยไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามของเขา
เขาพยายามที่จะฟื้นฟูพละกำลัง แต่ร่างกายกลับอ่อนปวกเปียกเสียจนไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย
อาการบาดเจ็บของเขาเป็นมาเป็นสามปีแล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย
เมื่อครู่ต่อสู้กับเหวินเส่าอี๋ทำให้ได้รับบาดเจ็บภายใน เดิมทีสถานการณ์ก็ยากลำบากอยู่แล้ว
เพื่อที่จะนำของเหลววิญญาณไท่ยีมาและได้ต่อสู้กับอสุรกายผู้พิทักษ์ข้างกาย แม้ว่าจะสามารถจัดการอสุรกายผู้พิทักษ์ทั้งหมดได้
ตนเองกลับถูกพิษจุ้ยอินเซียงเข้า
แม้แต่ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยก็ถูกพิษจุ้ยอินเซียงด้วย
พิษจุ้ยอินเซียงเป็นยาพิษแปลกประหลาด เพียงแค่สูดดมไปเล็กน้อยก็จะสูญเสียวรยุทธ์ทั้งหมดในทันใด ร่างกายของจะชินชาทันทีและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดของหุบเขาเจียงเจ๋อซานกดเอาไว้ วรยุทธ์ของเขาในตอนนี้หมดสิ้นไม่มมีเหลือเลยแม้แต่น้อย
เขาก็นับว่าโชคดีที่ถูกพิษจุ้ยอินเซียงหลังจากการต่อสู้แล้ว หากว่าก่อนการต่อสู้เกรงว่าชีวิตนี้ของเขาก็จะสูญสิ้นไปแล้ว
ส่วนเหวินเส่าอี๋……
ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าเหวินเส่าอี๋มายังรัฐปิงได้อย่างไร?
แล้วมายังหุบเขาเจียงเจ๋อซานได้อย่างไร
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาก็มาเพื่อของเหลววิญญาณไท่ยี?
ไม่ เขาไม่ได้สนใจของเหลววิญญาณไท่ยี เขารู้ว่าหลังจากที่เขาได้ของเหลววิญญาณไท่ยีไปก็จะลงมือทำลายของเหลววิญญาณไท่ยี
เขามายังหุบเขาเขาเจียงเจ๋อซานน่าจะก็ต้องการตามหาสิ่งของบางอย่าง ดังนั้นในช่วงเวลาสำคัญของการต่อสู้จู่ๆเขาก็ได้จากไป
“ไม่พูดหรือ ไม่พูดก็ช่างเถอะ ดูลักษณะท่าทางของเจ้าสิ่งของในร่างกายก็ไม่น่าจะเลวร้ายไปถึงไหน ป้ายคำสั่งสองสามป้ายนี้ข้าจะช่วยเจ้าเก็บรักษาไว้ก่อนนะ”
ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยเงียบ
เก็บรักษาอันใดกัน
เห็นได้ชัดว่าเป็นการปล้นหรอก
ของที่นางแย่งชิงไปยังจะสามารถเอาออกมาคืนให้นายท่านหรือ?
หญิงผู้นี้เป็นผู้ใดกันแน่ถึงได้กล้าแตะต้องตัวนายท่าน ไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ
กู้ชูหน่วนยังคงค้นหาอยู่ เยี่ยจิ่งหานรู่สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
“ข้าสั่งให้เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้”
“คำสั่งไร้ผล”
“เจ้า……”
“เฮ้อ……”
ชูหน่วนหยิบขวดเล็กๆขวดหนึ่งออกมาจากในตัวเขา
หลังจากที่นางค้นขวดเล็กๆพบลมหายใจของเยี่ยจิ่งหานก็ได้เย็นลงอย่างกะทันหันจนเกือบจะโพล่งประโยคหนึ่งออกมาจากระหว่างฟัน
“หากว่าเจ้ากล้าแย่งชิงของสิ่งนี้ไป ความขัดแย้งของเราก็จะใหญ่โตขึ้นเสียแล้ว”
“ต่อให้ข้าไม่ได้ชิงขวดเล็กๆนี้ไป ความขัดแย้งของพวกเจ้าก็ใหญ่โตอยู่แล้วกระมัง ดูท่าทางอันตื่นเต้นของเจ้าสิ่งของในขวดเล็กๆนี้ไม่น่าจะใช่สิ่งของราคาถูกสินะ”
กู้ชูหน่วนกล่าวอยู่ก็เอื้อมมือไปเปิดขวดเล็กๆแล้วใช้จมูกสูดดมใกล้ๆ
ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็ตกตะลึงพร้อมทั้งทั่วร่างกายได้เต็มไปด้วยกำลังวังชา
“พลังปราณที่ช่างแข็งแกร่งนัก นี่คือของเหลววิญญาณไท่ยีสินะ”
พยายามหาแทบตายไม่เจอพอเลิกตามหากลับได้มาง่ายดายอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ และไม่ต้องใช้ความพยายามอันใดก็ได้มา
นางคิดว่าเพื่อให้ได้ของเหลววิญญาณไท่ยีมาจะต้องเสียพละกำลังมากมาย
ไม่คิดว่าจะได้มาอย่างรวดเร็วเช่นนี้
“คืนของเหลววิญญาณไท่ยีมาให้ข้า” เยี่ยจิ่งหานกล่าวเตือน
กู้ชูหน่วนรีบซ่อนเอาไว้ในชั้นใน
สิ่งของล้ำค่าเช่นนี้นางจะคืนให้เขาได้อย่างไร
จุดเส้นวรยุทธ์ของท่านพ่อของนางยังต้องใช้ของเหลววิญญาณไท่ยีมาฟื้นฟูอีกด้วย
“สมบัติล้ำค่าของหุบเขาเจียงเจ๋อซานล้วนเป็นสมบัติที่ไร้ซึ่งเจ้าของ ผู้ใดมีความสามารถเอาไปได้ก็เป็นของผู้นั้น แม้ว่าเจ้าจะได้ไปแต่ก็ถูกข้าแย่งชิงมาจึงทำได้เพียงโทษที่ตัวเจ้าเองมีความสามารถไม่เพียงพอ เอาหล่ะ สิ่งของนี้เป็นสมบัติเป็นของข้าแล้ว สมบัติล้ำค่าของหุบเขาเจียงเจ๋อซานยังมีอีกตั้งมากมาย ข้าเห็นว่าวรยุทธ์ของเจ้าก็ไม่เบา ถึงเวลานั้นก็หาสิ่งของที่พอดูได้สักสองสามชิ้นไปก็นับว่าคุ้มค่าที่ได้มายังหุบเขาเจียงเจ๋อซานรอบหนึ่งแล้ว
รัศมีสังหารของเยี่ยจิ่งหานก็ได้ปรากฏขึ้นในทันใด
บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นไอสังหาร
กู้ชูหน่วนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไร้เหตุผล
พละกำลังและกลิ่นไอสังหารรอบกายชายผู้นี้ก็รุนแรงเกินไปแล้วกระมัง
หากไม่ใช่ว่าเขาถูกพิษจุ้ยอินเซียงเข้าเกรงว่าคงจะลุกขึ้นมาบีบคอนางตายไปนานแล้ว
“ข้าให้เจ้าคืนของเหลววิญญาณไท่ยีให้ข้า ได้ยินหรือไม่”
“หากมีความสามารถเจ้าก็ลุกขึ้นมาแย่งไปจากข้าเองสิ”
เส้นสีดำสามเส้นไหลลื่นลงมาจากด้านบนศีรษะของชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ย
เพื่อของเหลววิญญาณไท่ยีแล้วนายท่านทุ่มเทไปตั้งเท่าไหร่ถึงสามารถมาถึงยังแผ่นแดนรัฐปิง
เพื่อค้นหาของเหลววิญญาณไท่ยี นายท่านใช้เวลาอยู่นานสองปีเต็ม
ไม่ง่ายเลยที่จะค้นหาของเหลววิญญาณไท่ยีพบ กลับถูกหญิงผู้นี้แย่งชิงไปในระหว่างทางซะแล้ว
พวกเขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่านายท่านจะโมโหมากเพียงใด
แล้วยิ่งไม่กล้าคิดเลยว่าหากว่าหญิงผู้นี้แย่งชิงของเหลววิญญาณไท่ยีไปจริงๆภายหน้าจะตายด้วยวิธีการที่ทุกข์ทรมานมากเพียงใด
นางก็จริงๆเลยแย่งชิงป้ายคำสั่งไปก็ช่างเถอะ ไปแย่งชิงของเหลววิญญาณไท่ยีอันใดกัน นั่นเป็นความหวังเดียวที่จะฟื้นคืนชีพพระชายานะ
เยี่ยจิ่งหานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เขาขยับลมปราณขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทุกครั้งในขณะที่เขารวบรวมขึ้นมาได้พละกำลังทั้งหมดก็แตกสลายไป เช่นไรก็ไม่สามารถขยับขึ้นมาได้
เป็นครั้งแรกที่เขาอ่อนฮวบลงไปและระงับความโกรธทั้งหมดไว้ “เจ้าต้องการเงินทองเท่าใดข้าสามารถให้จนเจ้าพอใจได้ แต่ของเหลววิญญาณไท่ยีมีความสำคัญต่อข้ายิ่งนักข้าไม่ยอมให้เจ้าเอามันไป”
“ล้มเลิกซะเถอะ ข้าไม่ใช่เด็กอายุสามขวบ รอให้เจ้าฟื้นวรยุทธ์แล้วจะไม่ฆ่าข้าทิ้งแล้วยังจะให้เงินทองอันใดแก่ข้าอีก นอกจากนี้ของเหลววิญญาณไท่ยีก็มีความสำคัญกับข้ามากเช่นกัน”
กู้ชูหน่วนกระพริบตาดวงโตอย่าฃงไร้เดียงสาเป็นการส่งสัญญาณว่าเงื่อนไขนี้ไม่มีสิ่งใดต้องต่อรองกันอีก
เดิมทีนางต้องการนำของเหลววิญญาณไท่ยีจากไป
เมื่อฉุกคิดขึ้นมา ในเมื่อได้ทำให้โกรธเคืองไปแล้วเช่นนั้นก็ลองค้นดูอีกที บางทีอาจจะยังมีของสำคัญอันใดอีก
เมื่อคิดเช่นนี้ มือเล็กๆของนางก็ล้วงเข้าไปโดยไม่เกรงใจ
คลำหาไปมาจนเกือบจะคลำไปถูกขาที่สามของเยี่ยจิ่งหานเข้า
เยี่ยจิ่งหานโมโหทั่วทั้งร่างพร้อมกับจ้องมองนางอย่างดุดัน
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเขินอายว่า “ของรักของเจ้าใหญ่โตนัก ไม่เลวไม่เลว ภายภาคหน้าจะต้องมีลูกหลานมากมายเป็นแน่”
เยี่ยจิ่งหาน “……”
ชิงเฟิง “……”
เจี้ยงเสวี่ย “……”
หญิงผู้นี้เหตุใดถึงไร้ยางอายและน่าขายหน้ามากยิ่งกว่าพระชายาอีก
กล่าวคำเช่นนี้ขึ้นโดยที่หน้าไม่แดงลมหายใจไม่ติดขัดเลย
“หากเจ้ากล้านำของเหลววิญญาณไท่ยีไปเจ้าจะต้องเตรียมพร้อมที่จะต้องตาย”
อาจเนื่องด้วยห่วงใยของเหลววิญญาณไท่ยีมากเกินไปเยี่ยจิ่งหานจึงไม่ยอมแพ้
หากเป็นคนอื่นคำเตือนนี้อาจมีผล
แต่สำหรับกู้ชูหน่วนแล้วไม่มีพลังฆ่าล้างเลยแม้แต่น้อย
นางยังจะคิดถึงภายหน้าที่ใดกัน นางคิดถึงเพียงแค่ตรงหน้า
นอกจากนี้จุดประสงค์ที่นางมายังหุบเขาเจียงเจ๋อซานก็เพื่อของเหลววิญญาณไท่ยีด้วยเช่นกัน
กู้ชูหน่วนคลำทางโน้นที คลำทางนี้ที ในที่สุดก็คลำหยิบกาใบเล็กใบหนึ่งออกมา
กาใบเล็กถูกนางถือเอาไว้ในมือ
สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่คนทั้งคนกระวนกระวายใจขึ้นมา และน้ำเสียงก็ยังมีคำอ้อนวอนอยู่บ้าง “วางกาขังวิญญาณลงนะ”
ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาด้วย
กาขังวิญญาณคือชีวิตของนายท่าน
หากว่ากาขังวิญญาณหายไปหล่ะก็ งั้น……
ทั้งสองคนรู้สึกขนลุกตัวสั่นขึ้นพร้อมกัน
ไม่กล้านึกต่อไปอีก
กู้ชูหน่วนรู้สึกงุนงง “กาขังวิญญาณ? นั่นคือสิ่งของอันใด? ล้ำค่ามากหรือ?”
ดูท่าทางที่ตื่นเต้นของพวกเขากู้ชูหน่วนรู้สึกได้ใจนัก รู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในมือของตนต้องมีค่ามากกว่าของเหลววิญญาณไท่ยีมากมายเป็นแน่
นางเปิดฝากาขังวิญญาณออกจากนั้นก็ยื่นปลายจมูกสูดดมลงไปอีก
“ห้ามเปิดออกนะ” เยี่ยจิ่งหานตะโกนเสียงดังลั่น
เสียงของเขาดังเกินไป
กู้ชูหน่วนตกใจสะดุ้งโหยงขึ้นกาขังวิญญาณถูกโยนลงไปบนพื้นเลยโดยตรง ตัวกาและฝากาได้กระจัดกระจายลงไปบนพื้น