กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 812
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 812
ผู้ใดประมูลได้ก็สามารถสร้างสัมพันธ์ทำข้อตกลงกับผู้นั้นได้แล้ว?
นั่นคือราชางูเหลือมหยกเก้าเศียรนะ ตอนที่ถึงระดับสูงสุดสามารถไปได้ถึงระดับเจ็ด จนกระทั่งระดับเจ็ดขึ้นไปเชียว
วันนี้พละกำลังความสามารถมันคือระดับห้า
หากสามารถสร้างสัมพันธ์ทำข้อตกลงกับมันได้ เกรงว่าจะไปถึงระดับหก จนกระทั่งระดับเจ็ดได้เลย?
นี่เป็นสิ่งที่ยั่วยวนใจมาก ทั้งสองคนต่างไม่กล้าละทิ้ง
ไป๋หลี่เจิ้นกล่าวว่า“ท่านบอกมัน ข้าจะต้องประมูลวงแหวนอวกาศมาได้อย่างแน่นอน”
ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์กระแอมไอ หาทางลง กล่าวขึ้นว่า“ไม่ว่าประมูลวงแหวนอวกาศมาแล้วจะให้ผู้ใด ถึงอย่างไรตระกูลไป๋หลี่ของเราจะต้องประมูลมาจงได้”
“หกแสนตำลึง….มีคนประมูลราคาถึงหกแสนตำลึงแล้ว ยังมีคนจะประมูลต่อหรือไม่?”
“เจ็ดแสนตำลึง”ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์ตะโกนออกมาอย่างไม่คิด
ไป๋หลี่เจิ้นกล่าวว่า“แปดแสนตำลึง”
ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์ชะงักงันกล่าวว่า“พวกเราล้วนเป็นคนของตระกูลไป๋หลี่ เหตุใดท่านถึงได้แย่งราคาข้า?”
“แย่งราคาอะไร? พี่อวิ๋นเย่ว์พูดเช่นนี้ไม่น่าฟังเกินไปแล้ว แม้พวกเราล้วนเป็นคนของตระกูลไป๋หลี่ แต่…ท่านกล้าพูดว่าตนเองไม่มีเจตนาเห็นแก่ตัวหรือไม่?”
“เช่นนั้นท่านล่ะ หรือว่าท่านไม่มีเจตนาเห็นแก่ตัว?”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราแต่ละคนก็เรียกราคาตามความสามารถเถิด?”
“หนึ่งล้านตำลึง”เยี่ยจิ่งหานกล่าวตะโกนขึ้น
ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์กับไป๋หลี่เจิ้นต่างมองสบตากัน
เหตุใดเยี่ยจิ่งหานถึงได้วิ่งมาแย่งวงแหวนอวกาศแล้ว?
หรือว่าวงแหวนอวกาศนี้มีความแตกต่างจริง?
“เยี่ยจิ่งหานเป็นขุนนางต่างรัฐที่พวกเราเชิญมา ผู้นำตระกูลกล่าวว่า เพียงแค่เขาต้องการ จะต้องพยายามทำให้เขาพึงพอใจ พวกเรายังต้องการจะแย่งเสนอราคากับเขาหรือ?”ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์กล่าว
ไป๋หลี่เจิ้นสะบัดเสียง เขาเพียงแค่อยากสานสัมพันธ์กับราชางูเหลือม อย่างอื่นไม่ได้สนใจเกรงใจ
“ผู้นำตระกูลบอกพยายามทำทุกอย่างให้เขาพึงพอใจ ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไรก็ต้องทำให้เขาพอใจไปเสียหมด อยู่ที่งานประมูล ผู้ใดให้ราคาสูงย่อมชนะ ใครประมูลไม่ได้ก็ไม่สามารถบ่นผู้ที่ประมูลได้”
“ก็ใช่ เช่นนั้นไม่ต้องสนใจเขาแล้ว”
ด้านล่างเวทีประมูล กู้ชูหน่วนตื่นตะลึงพูดไม่ออก
นางรู้วงแหวนอวกาศนั้นโด่งดัง แต่คิดไม่ถึงว่าที่งานประมูลอันโอ่อ่าจะมีคนแย่งกัน อีกทั้งเรียกราคายิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆด้วย
“ถอยหน่อย ขอทางหน่อย…..”
ด้านนอกงานประมูล อารักขาจำนวนหนึ่งแหวกกลุ่มคน ออกไปเป็นทาง เพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญด้านนอกเข้ามา
เพราะว่างานประมูลครึกครื้น ทุกคนประมูลจนตาแดงแฉะ จะมาสนใจฟังว่าพวกเขาพูดอะไรกันที่ไหนล่ะ อีกทั้งจะหลีกทางให้ได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนถูกพวกเขาผลัก จนแทบจะล้มลง
โชคดีที่มีมือย่นคู่หนึ่งมาประคองนางไว้
“แม่นางน้อย เจ้ามิเป็นไรใช่ไหม”
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นมอง
นั่นคือคนที่มีอายุมากผู้หนึ่ง แววตาดูอ่อนโยน เป็นมิตร มีความอมตะแบบเซียนด้วย
บนเอวของเขามีแผ่นป้ายแผ่นหนึ่งห้อยอยู่ เขียนว่าหนิง และด้านหลังมีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งด้วย
คนของงานประมูลกล่าวด้วยความละอายว่า“ท่านผู้เฒ่า ต้องขออภัยจริงๆ วันนี้คนที่งานประมูลมีจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้…..ช่องทางฉุกเฉินได้ถูกขวางไว้เช่นกัน ข้าจะพาท่านไปที่ห้องส่วนตัวที่ชั้นสองขอรับ”
“มิเป็นไร มาทันก็ดีแล้ว”
กู้ชูหน่วนอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่ง นางหมดความอดทนตั้งนานละ ด้านในคนเบียดเสียดกัน บนตัวของคนจำนวนไม่น้อยยังมีกลิ่น นางสูดดมจนนางจะอาเจียนออกมา
นางรั้งท่านผู้เฒ่าหนิงไว้ จากนั้นกล่าวว่า“ท่านผู้เฒ่า ท่านชนข้า อย่างน้อยจะต้องชดเชยสักหน่อยไหม”
ไม่รอให้ท่านผู้เฒ่าหนิงเอ่ยปากพูด คนข้างกายของเขาจึงได้กล่าวขึ้นอย่างไม่พึงพอใจว่า“เจ้าจงใจหาตอไหม คนที่ชนเจ้าไม่ใช่ท่านผู้เฒ่าของข้า อีกทั้งหากไม่ใช่ท่านผู้เฒ่าของข้า เจ้าล้มไปนานแล้ว”
“แน่นอนไม่ใช่เขาชนข้า แต่หากไม่ใช่เพราะเขามา จะเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?”
“เจ้าคือมู่หน่วน คนไร้ประโยชน์ของตระกูลมู่หรือ?”หลานชายของท่านผู้เฒ่าหนิง หนิงเทียนโย่วกล่าวขึ้น
ท่านผู้เฒ่าหนิงพินิจพิจารณากู้ชูหน่วนอย่างละเอียด
แม้เขาจะไม่เคยเจอมู่หน่วน แต่เรื่องของมู่หน่วนเขาพอรู้มาบ้าง
มู่หน่วนไม่เพียงแต่เป็นคนไร้ประโยชน์ อีกทั้งตั้งแต่เด็กยังถูกหมั้นหมายกับบุคคลมีความสามารถอย่างซั่งกวนหมิงหลางตั้งแต่อยู่ในท้องด้วย
หลายคนในนครหลวงต่างพากันบ่นแทนซั่งกวนหมิงหลาง คนไร้ประโยชน์คู่กับบุคคลเก่งกาจมีความสามารถ นั่นคือดอกไม้สดหนึ่งดอกปักอยู่บนขี้วัว แต่ดอกไม้สดนั่นไม่ใช่มู่หน่วน กลับเป็นซั่งกวนหมิงหลาง
แม้แต่ผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งของตระกูลซั่งกวนยังมาบ่นกับเขาหลายครั้งเลย ว่าอยากจะยกเลิกเรื่องการหมั้นหมายนี้
อย่างไรก็ตาม
วันนี้ได้พบเจอ หญิงผู้นี้งามสง่าไร้เทียมทาน นัยน์ตาคู่นั้นไม่มีความขี้ขลาดขยาดกลัวเลย แต่กลับเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง มองยังไงก็ไม่ตรงกับคำที่ตระกูลซั่งกวนกล่าว
ท่านผู้เฒ่าหนิงยิ้มแล้วกล่าวว่า“อ้อ….เช่นนั้นเจ้าต้องการให้ข้าชดเชยอย่างไรล่ะ?”
“ไม่ยาก ท่านพาข้าขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวชั้นสองด้วยก็พอแล้ว”
“สามหาว ห้องส่วนตัวของตระกูลหนิงพวกเรา แมวหมาอยากจะเข้าก็เข้าได้เลย?”หนิงเทียนโย่วกล่าว
แต่ท่านผู้เฒ่าหนิงไม่ติดใจอะไร เขายิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า“ได้สิ แค่แม่นางน้อยไม่รังเกียจ เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ”
“ท่านปู่ ท่านใจกว้างกับนางเกินไปแล้วนะ”
“มิเป็นไร ถึงอย่างไรห้องก็ใหญ่โต มีนางเพิ่มมาผู้หนึ่งก็ไม่ได้อะไร นางลดไปคนหนึ่งก็ไม่อะไร”
กู้ชูหน่วนยิ้ม แล้วเดินตามพวกเขาขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวชั้นสองอย่างไม่เกรงใจ
ภายในห้องส่วนตัว
พอกู้ชูหน่วนเข้าไปนางได้หาสถานที่นั่งสบายๆจากนั้นนั่งลง หยิบน้ำชาที่เพิ่งจะเอามาวางขึ้นดื่ม แล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างพึงพอใจ
หนิงเทียนโย่วโมโหจนอยากจะโยนนางออกไป
หญิงผู้นี้ไม่อายเลยหรือ
ขึ้นมาชั้นสองแล้วก็ช่างเถิด คิดไม่ถึงว่าที่นั่งของท่านปู่ก็ยังกล้านั่งลง
ท่านผู้เฒ่าหนิงโบกสะบัดมือ เพื่อให้หนิงเทียนโย่วเงียบปากไว้ วงแหวนอวกาศสำคัญ
หนิงเทียนโย่วถึงได้ยืนโมโหอยู่ด้านหลังท่านผู้เฒ่าหนิง
“ท่านปู่ คิดไม่ถึงว่าคนที่ประมูลวงแหวนอวกาศจะมากเยี่ยงนี้ ต่อให้พวกเราประมูลมาได้ เกรงว่าก็ต้องจ่ายตั๋วเงินจำนวนไม่น้อยเลยนะ วงแหวนอวกาศนี้สำคัญขนาดนั้นจริงหรือ?”
“ผู้แข็งแกร่งชั้นสูงสุดระดับหกเคยใช้วงแหวนอวกาศ มีอักขระยันต์ อีกทั้งเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ วงแหวนอวกาศนี้ไม่ได้ธรรมดานะ หากสามารถเข้าใจทราบซึ้งอักขระในนั้น ไม่แน่บางทีตระกูลหนิงของพวกเราอาจจะกลับไปสู่จุดชั้นสูงสุดก็ได้”
เหล่าผู้คนรู้เพียงว่าในสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลหนิงค่อนข้างอ่อนแอ
แต่ทว่าไม่มีคนรู้ ว่าตอนนี้ตระกูลหนิงไม่มีความรู้ที่แท้จริง ไม่มีพละกำลัง
ผู้แข็งแกร่งในตระกูลไม่มากก็ช่างเถิด แม้แต่เงินก็มีไม่เท่าไหร่แล้ว
เดิมทีครั้งนี้เขาไม่ได้อยากมาร่วมงานประมูล
แต่ได้ยินคนรับใช้รายงาน เขาไม่มาไม่ได้ ไม่ประมูลก็ไม่ได้
สามารถเปลี่ยนฐานะตนเองได้ไหม อาจจะต้องดูวงแหวนอวกาศนี้แล้ว
“เตรียมประมูลเถิด อย่าให้อยู่ที่มือคนอื่น โดยเฉพาะตระกูลอื่น”
“หนึ่งล้านห้าหมื่นตำลึง”คนด้านล่างตะโกนขึ้นด้วยเสียงสั่นเทา
ท่านผู้เฒ่าหนิงยกแผ่นป้ายขึ้น กำลังจะตะโกนว่าหนึ่งล้านหกหมื่นตำลึง
ตระกูลซั่งกวนตะโกนขึ้นว่า“หนึ่งล้านห้าแสนตำลึง”
ท่านผู้เฒ่าหนิงตบขาด้วยความโมโห “ตระกูลซั่งกวนผิดพลาดหรือไม่ ชั่วประเดี๋ยวเดียวเพิ่มมาหลายแสนตำลึง”
“ใช่ ดูแล้วอยากจะผูกขาด ท่านปู่ วงแหวนอวกาศแพงเกินไปแล้ว พวกเราไม่ประมูลกันแล้วไหม”
“ประมูล จะต้องประมูล”
เขายกแผ่นป้ายขึ้นอีกครั้ง กำลังคิดจะพูดว่าหนึ่งล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นตำลึง
ตระกูลไป๋หลี่ก็ได้กล่าวขึ้นว่า“สองล้านตำลึง”
เขาสีหน้าไม่ดี ยกแผ่นป้ายขึ้น ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก
เยี่ยจิ่งหานกล่าวว่า“สามล้านตำลึง”
ท่านผู้เฒ่าหนิง“…….”
กู้ชูหน่วนแทบอดไม่ได้อยากจะหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา
หนิงเทียนโย่วกล่าวด้วยความเดือดดาลว่า“ท่านปู่ พวกเขาจงใจมีปัญหากับพวกเรา รู้ว่าพวกเราต้องการแหวนนี้ เพราะฉะนั้นถึงได้ทำราคาสูงขึ้น?”
บทที่ 811
บทที่ 813