กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 818
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 818
จากการประมูลสิ้นสุดลงไม่นานนักเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็บิดตัวคลานมายังตรงหน้ากู้ชูหน่วนพร้อมกับวงแหวนอวกาศ มันมอบวงแหวนอวกาศให้แก่กู้ชูหน่วนราวกับถวายสมบัติล้ำค่าให้
กู้ชูหน่วนลูบวงแหวนอวกาศเบาๆจากนั้นก็สวมวงแหวนอวกาศบนนิ้วกลางเลย
แหวนวงนี้ให้ความรู้สึกราวกับคุ้นเคยกันมาก่อนแบบหนึ่งกับนางอยู่ตลอดและก็มีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างหนึ่งราวกับความรู้สึกว่าได้รับการดูแล ราวกับว่าเดิมทีมันก็เป็นแหวนของนาง
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าทำได้ดีมาก ข้าจะให้รางวัลหมูย่างหัวหนึ่งกับเจ้า แล้วข้าจะย่างให้เจ้ากินทีหลัง”
“ฟ่อฟ่อ……นายท่านช่วยย่างให้มากหน่อยได้ไหม เพื่อให้ได้แหวนวงนี้มาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ใช้พละกำลังเป็นอย่างมากเลยนะ”
“มีหัวหนึ่งก็ดีแล้วยังจะต่อรองอีก”
กู้ชูหน่วนเขกหัวเป็นรางวัลให้แก่มันอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นก็ถอดแหวนอีกวงหนึ่งที่ได้ขโมยมาจากหอเจินเป่าออก
วงแหวนอวกาศ นางต้องการเพียงวงเดียวก็พอแล้ว
กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความประทับใจว่า “วงแหวนอวกาศวงนี้ยิ่งดูข้าก็ยิ่งชื่นชอบนัก บางทีชาติที่แล้วข้าอาจจะเป็นเจ้าของวงแหวนอวกาศวงนี้”
ในสถานที่ไม่ไกลนักเยี่ยจิ่งหานซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นจู่ๆหัวใจก็เต้นเร็วขึ้นโดยที่มือทั้งสองจับที่จับเก้าอี้ไว้แน่นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เดิมทีนางเป็นเจ้าของแหวนในชาติที่แล้ว
อาหน่วนนาง…….จำสิ่งใดได้แล้วหรือเปล่า?
เยี่ยจิ่งหานมองไปยังกู้ชูหน่วนด้วยความตื่นเต้น ต้องการดูว่านางจะสามารถนึกสิ่งใดออกหรือไม่แต่น่าเสียดายที่นางไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอื่นใดเลย
แต่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลับพันนางไว้พร้อมกับออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขนของนางไม่หยุดซึ่งทำให้เจ้าเสือน้อยไม่พอใจอย่างมาก งูตัวหนึ่งกับเสือตัวหนึ่งก็เริ่มหึงหวงกันขึ้น
เจี้ยงเสวี่ยกล่าวว่า “หญิงผู้นี้เพื่อหลีกหนีการตามล่าสังหารของตระกูลไป๋หลี่ได้เข้าไปซ่อนตัวในหอเจินเป่า เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เห็นแม่นางมู่แล้วก็ตามติดนางไม่ยอมปล่อย ข้าน้อยคาดเดาว่าน่าจะเนื่องจากในตัวนางมีดวงจิตของพระชายาอยู่ดังนั้นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ถึงได้ติดตามนางโดยตลอด กระทั่งช่วยนางยกเค้าหอเจินเป่า
“วงแหวนอวกาศก็เป็นนางที่ให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หลอกมา เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์……รับปากว่าจะทำสัญญาข้อตกลงกับตระกูลไป๋หลี่หลังจากได้รับแหวน แต่หลังจากได้แหวนมาแล้วเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็เตลิดหนีไปเลย ตอนนี้คนนของตระกูลไป๋หลี่กำลังตามหาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กันหมด แม้แต่ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ก็โมโหจนแทบหมดสติ”
“นายท่าน พวกเราจะเรียกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลับมาแล้วเอาวงแหวนอวกาศคืนมาหรือไม่ขอรับ?”
เยี่ยจิ่งหานเงียบเพียงแค่จ้องมองกู้ชูหน่วนไม่หยุด
เห็นเพียงแค่กู้ชูหน่วนใช้ความนึกคิดของตนเองเปิดวงแหวนอวกาศออกและนำสิ่งของต่างๆในวงแหวนอวกาศออกมาทีละชิ้นๆ
แต่ก่อนวงแหวนอวกาศของกู้ชูหน่วนได้เก็บสะสมของรักของหวงเอาไว้มากมาย แต่ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดอยู่ในวงแหวนอวกาศมีเพียงแค่ขนมเปี๊ยะดอกไม้
ดูเหมือนว่าขนมเปี๊ยะดอกไม้จะถูกเก็บไว้นานหลายปีซึ่งมีหลากหลายรสชาติ ขนมเปี๊ยะดอกไม้แต่ละชิ้นยังคงรูปลักษณะเดิมเอาไว้แม้กระทั่งยังมีกลิ่นหอมจางๆลอยออกมาด้วย
เมื่อเห็นขนมเปี๊ยะดอกไม้ที่คุ้นเคยและแปลกหน้าเหล่านี้ คิ้วของกู้ชูหน่วนก็กระตุกและดวงตาก็ได้แปรเปลี่ยนแดงขึ้นโดยไม่รู้ตัวพร้อมด้วยน้ำตาเป็นหยดๆได้ไหลรินลงมา
“นายท่านอิ๋นท่านเป็นอันใด?” เจ้าเสือน้อยเห็นเข้าก็ไม่หึงหวงปะทะกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อีกต่อไป แต่ว่ากางกรงเล็บออกช่วยกู้ชูหน่วนเช็ดน้ำตาจากตรงหางตา
กู้ชูหน่วนเช็ดน้ำตาออกจากดวงตาตามแต่ใจ
“ช่างน่าแปลกนัก เห็นขนมเปี๊ยะดอกไม้เหล่านี้เจ้ารู้สึกเศร้าเสียใจแล้วยังน้ำตาไหลด้วยความประหลาดใจ เจ้าว่าเจ้าของแหวนนำสิ่งใดมาไว้ไม่ดีหรือเหตุใดถึงเป็นขนมเปี๊ยะดอกไม้หล่ะ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าของแหวนแต่ก่อนเป็นผู้ที่ชื่นชอบการกิน?”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่งเสียงฟ่อฟ่ออย่างไม่พอใจ
นั่นเป็นของที่อี้เฉินเฟยทำให้นางกินก่อนตาย นายท่านเห็นเป็นสิ่งของล้ำค่ามาโดยตลอดเสียดายที่จะกินแม้แต่หนึ่งชิ้นแล้วยังปิดผนึกไว้ในวงแหวนอวกาศด้วยวิชาลับเฉพาะ นอกจากตัวนางเองแล้วใครก็ไม่สามารถนำออกมาได้
แม้ว่าตอนนี้นางจะสูญเสียความทรงจำไป แต่ว่าบางสิ่งบางอย่างที่ประทับอยู่ในใจเช่นไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ซึ่งแน่นอนว่าต้องรู้สึกทุกข์ใจอยู่แล้ว
เยี่ยจิ่งหานบังเกิดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
อาหน่วน……
เป็นอาหน่วนที่กำลังทุกข์ใจใช่ไหม?
ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยก็ตื่นเต้นด้วย
เป็นเวลานานหลายปีที่ดวงจิตของพระชายาไม่ได้รู้สึกเคลื่อนไหวอันใดมาโดยตลอด
คิดไม่ถึงว่าวันนี้กลับ……กลับมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่น้อย
สิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นยิ่งกว่าก็คือ
ได้มีดวงวิญญาณอีกดวงหนึ่งของกู้ชูหน่วนถูกกลิ่นหอมของขนมเปี๊ยะดอกไม้ดึงดูดมา แล้วก็หมุนไปโดยรอบขนมเปี๊ยะดอกไม้และกู้ชูหน่วนไม่หยุด และในที่สุดก็ได้แทรกซึมเข้าไปในหว่างคิ้วของกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนกระโดดขึ้นมาในทันที
“เหตุใดดวงจิตของหญิงผู้นั้นถึงได้เจ้ามาสู่ในร่างกายของข้าอีก? ไม่ใช่ว่านางจะยึดดวงวิญญาณของข้าหรอกนะ”
เจ้าเสือน้อยหน้าตาสับสน
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตื่นเต้นมากเสียจนขยับหางไปมาไม่หยุด
“นายท่าน……นายท่าน……”
ใจของเยี่ยจิ่งหานเต้นจนแทบจะกระโดดออกมา
หากไม่ใช่ว่าเขาทนฝืนบังคับไว้เกรงว่าคงจะพุ่งออกไปตั้งนานแล้ว
เป็นดวงวิญญาณอีกดวงของอาหน่วน
หญิงผู้นี้กลับสามารถดึงดูดดวงจิตของอาหน่วนมาได้
นี่เป็นเพียงแค่เวลาไม่กี่วันเท่านั้น
เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะสามารถรวบรวมดวงจิตทั้งหมดของอาหน่วนมาครบได้
“นายท่าน ข้าน้อยจะเข็นท่านลงไป?”
“ไม่ ดูกันก่อนว่านางจะยังสามารถดึงดูดวิญญาณอื่นของอาหน่วนมาได้หรือไม่”
ความหวังเกิดขึ้นในใจอันสิ้นหวังของเยี่ยจิ่งหาน “ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยให้ส่งคนชั้นยอดที่สุดของแผ่นดินวิญญาณน้ำแข็งเราจะต้องจับตาดูมู่หน่วนไว้เมื่อนางดึงดูดดวงวิญญาณของอาหน่วนมาได้อีกครั้งต้องแจ้งให้ข้ารู้โดยเร็วที่สุด”
“ท่านไม่ลงไปดูนางสักหน่อยหรือ?”
“ไม่หล่ะ ดวงวิญญาณของอาหน่วนอยู่ในมือข้ามานานหลายปี แสงสุดท้ายของดวงวิญญาณที่สาบสูญไม่เคยได้สัมผัสมาโดยตลอด อย่าว่าแต่กลับมาแม้แต่ในความฝันนางก็ไม่เคยมาหาข้าบางที……ในใจนางยังคงตำหนิถือโทษโกรธข้าอยู่บ้าง”
ตำหนิที่เขาไม่ได้คุ้มครองซือม่อเฟย
ซือม่อเฟย……
เมื่อนึกถึงจอมมารในใจของเยี่ยจิ่งหานก็ปวดร้าวขึ้นในทันใด
ย้อนกลับไปในตอนนั้นผู้อาวุโสสูงสุดทุ่มเทกำลังทั้งชีวิต แม้กระทั่งยอมเสียสละชีวิตของตนถึงได้ปกป้องหัวใจของจอมมารอันน้อยนิดไว้ได้ เพื่อไม่ให้เขาสิ้นลมหายใจไป
แต่ว่าจอมมารไม่ฟื้นขึ้นสักทีราวกับผู้ที่ตายทั้งที่ยังมีชีวต
นี่ก็ช่างเถอะ
หลังจากที่จอมมารหลับไปเป็นเวลาสองปี เขาได้รับข่าวว่าจู่ๆจอมมารก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่ใด
หรือว่าใครนำตัวเขาที่หลับใหลไป
เผ่าหยกและเขาได้ส่งลูกน้องที่เก่งกาจที่สุดไปและค้นหาอย่างหนักเป็นเวลาหนึ่งปี
ดังเช่นเดิม……
หาตัวจอมมารไม่พบ
การหายตัวไปของเขาเสมือนเรื่องราวลึกลับ
ราวกับว่าจู่ๆก็หายไปในอากาศโดยไร้ซึ่งร่องรอยแม้เพียงเล็กน้อย
เยี่ยจิ่งหานจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์
ดวงวิญญาณสองดวงล่องลอยเข้าไปในร่างของกู้ชูหน่วนซึ่งก็ทำให้เยี่ยจิ่งหานตัดสินใจที่จะปกป้องคุ้มครองหญิงตรงหน้าผู้นี้ให้ดี
หลังจากเยี่ยจิ่งหานจากไปแล้วกู้ชูหน่วนไม่เข้าใจว่าเหตุใดดวงวิญญาณนั้นถึงได้เลือกอยู่ในร่างของนาง
แล้วก็ไม่ได้สนใจอีกแต่ว่าจับจ้องไปยังขนมเปี๊ยดอกไม้
“พวกเจ้าว่าขนมเปี๊ยะดอกไม้นี้ถูกเก็บไว้มานานหลายปีแล้วยังจะกินได้อยู่ไหม?”
“โฮกโฮก……”
เจ้าเสือตัวน้อยกลับไม่ได้เกรงใจ ยกกรงเล็บขึ้นแล้วต้องการหยิบชิ้นหนึ่งเข้าปากกิน
กู้ชูหน่วนปัดกรงเล็บของมันออกโดยไม่เกรงใจ
“นี่เป็นของข้าเจ้าจะกินอะไร หลีกไปด้านข้างซะ”
“นายท่าน ขนมเปี๊ยะดอกไม้มากมายเช่นนี้ คนเขาอยากกินนี่นา”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สะบัดหางงูจากนั้นหัวเราะเยาะแล้วกล่าว
“พอได้แล้ว นายท่านยอมให้เจ้ากินขนมเปี๊ยะดอกไม้ถึงจะแปลก แม้แต่ข้ายังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะกินด้วยซ้ำ แล้วเจ้ามีเหรอ?”
“……”
“แน่นอนว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะกิน เจ้ายังไม่ได้ทำสัญญาตกลงกับนายท่านเลย”
“เชอะ แม้ว่าข้าจะยังไม่ได้ทำสัญญากับนายท่าน แต่ว่าข้าเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของนายท่านมาตั้งนานแล้ว เจ้ามันคนนอกทำเป็นเข้าใจอันใดกัน”
กู้ชูหน่วนหยิบขนมเปี๊ยะขึ้นมากินหนึ่งชิ้น ขนมถึงตรงปากก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดนางก็เก็บขนมเปี๊ยะดอกไม้ให้เรียบร้อยอย่างระมัดระวังแล้วใส่กลับเข้าไปในวงแหวนอวกาศใหม่อีกครั้ง
เจ้าเสือน้อยกระโดดพุ่งเข้าหา “นายท่าน ท่านอยากกินไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงไม่กินแล้วหล่ะ”
“รอให้หิวแล้วค่อยกินนะ”
“แต่ว่าคนเขาตอนนี้หิวแล้วสิ”
“นายท่าน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็หิวแล้ว อยากกินหมูย่าง”
“ดึกๆดื่นๆข้าจะไปหาหมูป่าได้จากที่ใด? เจ้าไปหามาเอง หาได้แล้วข้าจะย่างให้เจ้า”
“ฟ่อฟ่อ……เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รีบไปหาทันที”
ไหนเลยจะยังมีเงาของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยู่ตรงหน้าได้อีก
กู้ชูหน่วนนำเจ้าเสือน้อยไปเก็บผลไม้ป่าหรือว่าอาหารป่ามารวมด้วยสักหน่อย
ที่นี่เป็นป่าผืนแห้งแล้งมืดมิดผืนหนึ่งและค่ำมืดลงแล้ว นอกจากเสียงแมลงและนกร้องบางส่วนแล้วก็ไม่มีเสียงใดอยู่อีกเลย
แสงจันทร์สาดส่องผ่านต้นไม้เขียวขจี ทำให้ป่าไม้เกิดแสงสว่างไสวขึ้นมาอยู่บ้าง
เจ้าเสือน้อยนอนหมอบอย่างเกียจคร้านอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนหาวขึ้นมาครั้งหนึ่งและกล่าวด้วยความง่วงเหงาหาวนอนว่า “ที่แปลกประหลาดนี้เหตุใดถึงไม่มีแม้แต่ไก่ป่าและกระต่ายป่าเลยนะ หรือไม่เจ้าไปจับมากลับสักสองสามตัว”
“ข้าอยากดื่มนม”
“ข้ายังอยากกินรังนกกับหูฉลามหน่ะ”
“นายท่านท่านหาได้แล้วค่อยเรียกข้า เจ้าเสือน้อยง่วงยิ่งนักอยากนอนสักงีบ”
มันเพิ่งพูดจบก็ได้ยินมเสียงหายใจแว่วมา และก็ไม่รู้ว่าเนื่องจากง่วงนอนเกินไปหรือว่าเป็นเพราะตัวเล็กเกินไป
กู้ชูหน่วนลูบหัวของเจ้าเสือพร้อมปรากฏรอยยิ้มขึ้นตรงมุมปาก
ทันใดนั้น
นางไม่รู้ว่าเหยียบถูกสิ่งใดร่างกายได้ล้มลงไปตรงๆเลย
“อ๊า……”
“อ๊า……”
กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดังลั่นโดยที่คิดว่าแม้ว่าจะไม่ได้ตกลงมาแตกเสี่ยงๆก็ต้องตกลงจนเท้าชี้ฟ้าเลย
คิดไม่ถึงว่าด้านล่างจะนุ่มนิ่มไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย
แต่กลับมีเสียงชายผู้หนึ่งสูดลมหายใจเย็นเข้าดัวมาจากด้านล่าง
กู้ชูหน่วนกระพริบตาปริบๆ
ดูเหมือนว่านาง……
จะล้มลงบนร่างของชายผู้หนึ่ง แล้วยังกระแทกจนชายหนุ่มเคลื่อนไหวไม่ได้
ปลายจมูกเป็นกลิ่นหอมจางๆของดอกแมกโนเลียบนร่างกายของชายหนุ่มซึ่งสดชื่นช่างน่าดมยิ่งนัก
ในความมืดนางมองไม่เห็นชัดว่าชายหนุ่มหน้าตาเป็นอย่างไรเนื่องด้วยชายหนุ่มสวมหน้ากากผีเสื้ออันหนึ่ง
“เจ้าลุกขึ้นได้หรือยัง?” ชายหนุ่มที่อยู่ด้านล่างระงับความโกรธมากมายเอาไว้พร้อมเอ่ยออกมาจากรอยแยกของฟันมาประโยคหนึ่ง
“ขอโทษด้วย ข้าจะลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
กู้ชูหน่วนพยายามลุกขึ้นแต่เนื่องจากนางตกลงมาจากที่สูงร่างกายจึงอ่อนแรงอยู่บ้าง นางจึงคว้าของบางสิ่งเพื่อช่วยให้ลุกขึ้น
“ชู่ว์……
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเย็นเข้าอีกครั้งพร้อมด้วยสายตาเยือกเย็นและแหลมคมจ้องเขม็งไปทางกู้ชูหน่วน
จู่ๆกู้ชูหน่วนก็ตกใจกะทันหัน
กลิ่นไอสังหารอันรุนแรง
เหตุใดพละกำลังบนร่างกายของชายผู้นี้ถึงได้แข็งแกร่งกว่าชายสวมหน้ากากอีก?
“ข้าเพียงแค่ไม่ระวังหล่นลงมาจากด้านบนแล้วก็ทับเจ้าอย่างไม่ตั้งใจ เจ้าเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งไม่จำเป็นต้องใจน้อยเช่นนี้หรอกนะ?”
“เจ้าจะคลายมือได้หรือยัง?” เสียงทุ้มเบาของชายหนุ่มพร้อมกับคำพูดสั้นๆประโยคหนึ่งทำให้คนรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นอีกครั้งอย่างประหลาดใจ
กู้ชูหน่วนก้มศีรษะลงและมองไปยังมือที่กำของบางอย่างเอาไว้แน่น
นางไม่ดูยังดี
พอดูแล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นราวกับว่านางผ่าเผย…..
ก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้
สิ่งที่นางคว้าไว้ในสถานการณ์เร่งด่วนไม่ใช่สิ่งอื่น
แต่เป็น……
แต่เป็นขาข้างหนึ่งในตัวของเขา
บัดซบ
กู้ชูหน่วนรีบคลายออกและลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
เนื่องจากรีบร้อนเกินไปนางก็เลยเหยียบถูกสิ่งของบางอย่างเข้าอีก
ชายหนุ่มด้านล่างสูดลมหายใจเย็นเข้าไปอีกครั้ง
กู้ชูหน่วนขยี้ตา แทบจะอยากให้ตนเองสลบจนสิ้นใจไป
นางไม่ได้เหยียบถูกสิ่งอื่นใด
ก็เป็น……
ขาที่สามของเขา