กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 819
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 819
“ขอโทษด้วย ดึกมากแล้วและข้าก็มองอะไรไม่เห็น อีกทั้งข้าก็ไม่ได้เตะไปโดนและยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ได้จับไปโดนด้วย”
นางไม่พูดก็ไม่เป็นไร
เมื่อพูดเช่นนี้ สถานที่แห่งนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึงอย่างนั้นหรือ?
กู้ชูหน่วนอยากจะหนีออกไป แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดบัญชีกับนางในภายหลังเหมือนกับชายสวมหน้ากาก
ถึงอย่างไรเสียเขาก็สวมหน้ากากผีเสื้อเช่นกันและผู้ที่สวมหน้ากากผีเสื้อมักไม่ใช่คนดีอะไร
จากนั้นฉีกชายเสื้อออกมาชิ้นหนึ่งเพื่อปกปิดใบหน้าของตัวเองและเผยให้เห็นเพียงดวงตาทั้งคู่
นางกลับมาและอยากจะถอดหน้ากากของผู้ชายสวมหน้ากากที่อยู่ข้างล่างและไม่สามารถขยับได้
และนางพยายามอยู่หลายครั้งก็ไม่สามารถถอดออกได้
ไม่รู้ว่าวัสดุในการทำหน้ากากของเขาเป็นอะไร
ภายใต้แสงจันทร์
นางเห็นอย่างคลุมเครือว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าสวมใส่ชุดสีขาว ดูโดดเด่นและสง่างาม รูปร่างของเขาก็ดีไม่มีที่ติ
เพียงแต่แววตาของเขาเยือกเย็นเหลือเกิน ซึ่งช่างไม่เข้ากับทุกสิ่งบนร่างกายของเขาเลย
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเขินอาย “เอ่อ……คืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น ข้าไปก่อนล่ะ เจ้าชมจันทร์ต่อไปเถอะ”
นางขยับขาและคิดอยากจะหนีออกไป
ต้นขาเล็กๆ ของนางถูกจับไว้แน่น ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะสะบัดอย่างไรก็ไม่เป็นผล
มือทั้งสองข้างนั้นจับไว้แน่นเหมือนกับกำแพงเหล็กยังไงยังงั้น
“จับก็จับไปแล้ว เตะก็เตะไปแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย เจ้าจับข้าไว้ก็ไร้ประโยชน์”
“ตุ่บ……”
ในขณะที่กู้ชูหน่วนคิดอยากจะออกแรงถีบเขาออกไป ทันใดนั้นชายชุดขาวที่หล่อเหลาก็กระอักเลือดออกมา จากนั้นเขาก็หมดสติไป
เพียงแต่มือนั้นยังคงจับนางเอาไว้แน่น ไม่แม้แต่จะปล่อยนางไปเลยสักนิด
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้จงใจที่จะก่อกวนคนอื่น อีกทั้งที่นี่ก็เปล่าเปลี่ยวและห่างไกล กู้ชูหน่วนจึงใจอ่อนและประคองเขาขึ้นมา จากนั้นทำการตรวจชีพจรให้เขา
ชีพจรของเขาเต้นแรงและอ่อนแอ ขณะที่เต้นแรงมีพลังที่แข็งแกร่งแทบจะกดทับเขาให้ได้
ขณะที่อ่อนแอ แม้แต่หัวใจก็แทบจะหยุดเต้น
แม้แต่ร่างกายของเขายังมีร่องรอยบาดแผลของสะสมเป็นเวลานาน
บาดแผลในอดีตนั้นสาหัสอย่างมาก แม้ว่าเขาจะได้รับการรักษาแล้ว แต่ก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้และมักออกอาการอยู่บ่อยครั้ง
“เจ้าโชคดีอย่างมากที่ได้มาเจอข้า ไม่เช่นนั้นคืนนี้ชีวิตของเจ้าคงไม่รอดแน่”
“ขอโทษด้วย แต่หากคิดอยากจะรักษาชีวิตของเจ้าไว้ จำเป็นต้องปลดเสื้อผ้าของเจ้าออกทั้งหมด จากนั้นใช้ฝังเข็มด้วยเข็มเงินเพื่อชักนำลมปราณแท้ที่แข็งแกร่งของเจ้าออกมา”
ดึกดื่นเช่นนี้
ป่ารกร้างห่างไกลและเปล่าเปลี่ยว
กู้ชูหน่วนปลดเสื้อผ้าของเขาทีละชั้นและด้วยความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ในหัว นางใช้เข็มเงินเพื่อช่วยเขาสลายลมปราณแท้ที่ยุ่งเหยิงและไม่เป็นระเบียบ
การจัดการนี้ ใช้เวลากว่าหนึ่งคืน
กู้ชูหน่วนเหนื่อยล้าแทบไม่ไหวและผลุบหลับไปบนร่างกายของเขา
เช้าวันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้น
กู้ชูหน่วนพลิกตัวและคิดหาท่านอนที่สบายกว่า จากนั้นมือของนางก็สัมผัสไปที่สิ่งหนึ่งที่นุ่มนวล
สิ่งที่นุ่มนวลนั้นมีความอบอุ่นเล็กน้อย
นางขมวดคิ้ว
ไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดผ้าห่มถึงเปลี่ยนเป็นรูปทรงกระบอกไปได้
นางลูบสัมผัสไปมาและลืมตาขึ้นมา
และสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือ ชายสวมหน้ากากผีเสื้อที่กำลังค่อยๆ ลืมตาที่เย็นชาขึ้น จากนั้นจ้องมองนางอย่างเกรี้ยวโกรธ
กู้ชูหน่วนตัวสั่นตกใจอย่างมากและตื่นขึ้นจากอาการงัวเงีย
“เจ้าตื่นแล้ว”
ร่างกายของเหวินเส่าอี๋สั่นเทาอย่างเย็นชา
หากสายตาของเขาสามารถฆ่าคนได้ เช่นนั้นกู้ชูหน่วนคงไม่รู้ถูกฆ่าตายไปกี่ครั้ง
“ข้าช่วยเจ้า เจ้าอย่าลืมบุญคุณเอาล่ะ”
“ข้าจะพูดอีกเป็นครั้งสุดท้าย นำมืออันสกปรกของเจ้าออกไป”
กู้ชูหน่วนตกตะลึงเล็กน้อย
จากนั้นขยับสายตามองลงไป
นางแทบอยากเป็นลมหมดสติไป
เหตุใดถึงจับไปที่ตรงนั้นอีกแล้ว?
ปัดโธ่
และที่สำคัญก็คือ ร่างกายของชายสวมหน้ากากผีเสื้อนั้นเปลือยเปล่า นางกอดไปที่เขาในแนวนอนและวางขาไว้บนร่างกายของเขา
ท่านอนนี้ นับว่าไม่เป็นท่านอนที่ดี
เหวินเส่าอี๋โกรธจัดครั้งแล้วครั้งเล่า
หากไม่ใช่เป็นเพราะการเพิ่มระดับขั้นที่ระดับเจ็ดของเขาล้มเหลว ทำให้ร่างกายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ จะปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้หรือ
กู้ชูหน่วนคิดอยากจะหนีไป แต่รูปร่างของผู้ชายที่อยู่ที่พื้นนั้นช่างน่าชื่นชมเหลือเกิน ขาของนางราวกับเต็มไปด้วยตะกั่ว ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถก้าวขยับได้
ดวงตาที่เด่นชัดนั้นจับจ้องพิจารณาไปที่รูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาและปากของนางก็บ่นพึมพำ
“ผิวเรียบเนียน สัดส่วนดี ขาเรียวยาวและยังมีกล้ามหน้าท้อง สิ่งสำคัญก็คือไม่มีไขมันเลยสักนิด เยี่ยม เยี่ยมมากเหลือเกิน ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ มีไฝแก้มก้น”
เหวินเส่าอี๋ทั้งโกรธทั้งอับอาย
ชุดของนางเป็นระเบียบเรียบร้อย
แต่เขาล่ะ……
ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ความรู้สึกละอายใจ กลางวันแสกๆ เช่นนี้กลับจ้องมองร่างกายที่เปลือยเปล่าของชายแปลกหน้าอย่างเปิดเผย
และที่สำคัญคือ ยังกล้าออกความคิดเห็น
และเมื่อเห็นว่านางหยุดสายตาและจับจ้องไปที่บริเวณหนึ่งบนร่างกายของเขา
หน้าของเหวินเส่าอี๋แดงก่ำ แม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นอัมพาตและไม่มีเรี่ยวแรงเลย แต่เขาก็ยังพยายามหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ มาปกคลุมร่างกายของเขา
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างโกรธเคือง “จะตระหนี่ไปเพื่ออะไร มีรูปร่างที่ดีเช่นนี้ก็ควรแบ่งปันให้คนอื่นได้ชื่นชมบ้างสิ จ้องข้าทำไม? ข้าก็กำลังชมเจ้าอยู่นี่ไง”
เหวินเส่าอี๋กำฝ่ามือของเขาและคิดอยากจะตบหน้าของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าให้ตายลง
ไม่คิดมาก่อนว่าพลังฝ่ามือของเขานั้นอ่อนล้าและไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่นิดเดียว
แต่เพราะการกระทำนี้ พละกำลังที่เขาเหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็ได้หมดไปโดยสมบูรณ์ ตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงยกมือขึ้นมาก็ไม่มี
กู้ชูหน่วนถอยออกไปเล็กน้อยและตบหน้าอกของตัวเอง “ผู้ชายที่ดุร้ายมาก ข้ากลัวเหลือเกิน”
ปากของนางบอกว่ากลัว แต่สายตาของนางกลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด
“เอ่อ หากข้าคาดเดาไม่ผิด คงเป็นเพราะเจ้าล้มเหลวจากการพัฒนาระดับความสามารถ จึงทำให้เจ้าต้องมีสภาพเช่นนี้?”
เหวินเส่าอี๋ไม่พูดและเพียงหลับตาสนิทพยายามทำให้พลังของเขาฟื้นกลับคืนมา
“การล้มเหลวในการเพิ่มพัฒนาระดับความสามารถมีจุดจบเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือลมปราณแท้ในร่างกายทั้งสองชนิดปะทะกันและสุดท้ายจะเจ็บปวดจนตาย ถึงแม้ว่าข้าจะเห็นร่างกายของเจ้าโดยบังเอิญ แต่ข้าก็ได้ช่วยช่วยชีวิตเจ้าไว้ครั้งหนึ่ง เช่นนั้นเราทั้งสองก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
“เจ้าอย่าสร้างปัญหาอีกเลย สามารถรักษาชีวิตรอดก็นับว่าไม่เลวแล้ว สี่วันมานี้ อย่าว่าแต่ฟื้นคืนกำลังการต่อสู้เลย สามารถกลับมาคลานได้ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว”
กู้ชูหน่วนถอนหายใจและนั่งลงข้างกายของเหวินเส่าอี๋ จากนั้นก้มลงมองดูเขา
เหวินเส่าอี๋ใจสั่นสะท้าน “เจ้าต้องการทำอะไร”
“ถึงแม้ว่าข้าจะรู้ว่ารูปร่างของเจ้าเป็นอย่างไร แต่ด้วยรูปร่างของเจ้า คงจะน่าเสียดายถ้าเจ้าถูกสัตว์ร้ายที่เดินผ่านไปมาหรือถูกโจรป่าถูกใจเข้า เช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ดอกไม้สดสวยงามอย่างเจ้าจะถูกย่ำยีอย่างโหดร้าย”
นางพูดพลางและช่วยเขาสวมใส่เสื้อผ้า
ขณะที่กำลังสวมใส่เสื้อผ้าก็อดไม่ได้ที่จะถูกเนื้อต้องตัวเหวินเส่าอี๋
ใบหูของเหวินเส่าอี๋แดงก่ำเป็นครั้งคราว
“ปล่อยมือ ห้ามแตะต้องข้า”
“ปล่อยมือตอนนี้? ข้าปล่อยมือก็ได้ แต่เสื้อผ้าใส่ไปเพียงครึ่งเดียว หากไม่สวมไปต่อ เช่นนั้นเจ้ายังต้องการเปลือยเปล่าอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้า……”
เหวินเส่าอี๋แทบหายใจไม่ออก
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ากู้ชูหน่วนนั้นไร้ขอบเขตมากพอแล้ว
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้น ไร้ขอบเขตมากกว่าเขาเสียอีก
“เอาน่า ประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างชั่วร้ายและขยิบตาให้เขา
ไม่รู้ว่านางจงใจหรือไม่ เป็นเวลานานนางก็ยังช่วยเหวินเส่าอี๋ใส่เสื้อผ้าไม่เสร็จ
“ชู่วๆ……”
ลูกธนูเย็นเฉียบหลายลูกถูกยิงโดยฉับพลัน ทำให้ฟ้าร้องสั่นสะเทือน
หูของเหวินเส่าอี๋และกู้ชูหน่วนขยับ และพวกเขาสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหาร
ท่ามกลางความโกลาหล กู้ชูหน่วนกอดเหวินเส่าอี๋ไว้และกลิ้งลงไปข้างล่างเพื่อหลบลูกธนูเย็น
“เป็นผู้หญิงคนนั้น นายท่านสั่งเอาไว้ว่าจัดการฆ่าได้ทันทีโดยไม่สนว่าเป็นหรือตาย”
เมื่อพูดจบ นักฆ่าเจ็ดแปดคนก็พุ่งออกมาจากป่า พวกเขามาอย่างโหดเหี้ยม กระบวนท่านั้นเป็นกระบวนท่าสังหาร
แววตาของกู้ชูหน่วนเย็นชา
ฆ่านาง?
ตระกูลไป๋หลี่ส่งมาหรือ?