กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 822
กู้ชูหน่วนตกตะลึง
เหวินเส่าอี๋ก็ตกตะลึงเช่นกัน
เข้าหอ?
จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเขินอาย “ตั้งแต่สมัยโบราณ การแต่งงานเป็นไปตามคำสั่งและการชักนำของพ่อแม่ การแต่งงานโดยตรงจึงไม่ใช่เรื่องดีนัก”
“การแต่งงานเป็นไปตามคำสั่งและการชักนำของพ่อแม่ได้อย่างไรกัน ที่นี่ขอเพียงแค่เราต่างมีใจตรงกันก็สามารถแต่งงานกันได้ และผู้หญิงคนเดียวสามารถมีผู้ชายได้หลายคน”
“วัฒนธรรมของที่นี่ค่อนข้างเปิดกว้าง แต่ขนบธรรมเนียมท้องถิ่นแตกต่างกัน พวกเรายังต้องการได้รับความยินยอมจากพ่อแม่”
“เจ้าปฏิเสธมาโดยตลอด หรือว่าพวกเจ้าจะไม่ใช่คู่รักกัน แต่เป็นจารชนใช่หรือไม่?”
เมื่อพูดคำว่าจารชนออกมา ชนพื้นเมืองทั้งหมดก็หยิบอาวุธอีกครั้ง และเล็งไปที่เหวินเส่าอี๋
“จะเป็นไปได้อย่างไร”
กู้ชูหน่วนมองไปที่เหวินเส่าอี๋ด้วยรอยยิ้ม และแทบจะกัดฟันกล่าวว่า “ถึงอย่างไรเราสองคนต่างฝ่ายต่างก็มีใจให้กัน พวกเขาต้องการช่วยจัดงานแต่งงานให้พวกเรา ทำไมพวกเราไม่ปล่อยไปตามสถานการณ์ และแต่งงานกันที่นี่”
เหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้ว
เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กู้ชูหน่วนก็ชิงพูดเสียก่อน “หัวหน้าเผ่า ไม่ทราบว่างานแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสามวันได้หรือไม่?”
อีกสามวันอาการอัมพาตของเขาก็น่าจะหายแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยหาวิธีออกไปจากชนพื้นเมืองด้วยกัน
“หากเลือกวันสู้วันที่เหมาะสมไม่ได้ ก็จัดงานเสียคืนนี้เลย”
“อะไรนะ?คืนนี้?มันจะเร็วเกินไปหรือไม่ พวกเรายังไม่ได้เตรียมตัวเลย”
“จะต้องเตรียมตัวอะไรกัน ที่นี่พวกเรามีครบทุกอย่าง ตกลงตามนี้ งานแต่งงานจะจัดขึ้นในคืนนี้”
ชนพื้นเมืองกลุ่มหนึ่งนำกู้ชูหน่วนและเหวินเส่าอี๋กลับไป ผู้คนต่างชูอาวุธขึ้นและโห่ร้องด้วยความดีใจ
กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจความคิดของพวกเขาเลยจริง ๆ
คนเหล่านี้เห็นพวกเขาเป็นศัตรู และเห็นพวกเขาเป็นผู้มีพระคุณในคราวเดียว
นางพยายามหลีกเลี่ยง แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความกระตือรือร้นของพวกเขาได้ จึงทำได้เพียงกล่าวต่อว่า “ท่านหัวหน้าเผ่า เขาได้รับบาดเจ็บ และไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ อย่างน้อยเขาก็ต้องรอจนกว่าร่างกายของเขาจะดีขึ้น แล้วค่อยจัดงานแต่ง”
อาต้าอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “เจ้าเป็นผู้หญิง เรื่องร่วมหอไม่จำเป็นต้องให้ผู้ชายออกแรง ผู้หญิงสามารถเป็นฝ่ายรุกได้”
อะไรนะ?
ตรรกะมันอะไร?
ปกติแล้วการร่วมหอต้องให้ผู้ชายทำออกแรงไม่ใช่หรือ?
นางยังไม่ทันได้ตอบ ทั้งสองก็ถูกผลักไปที่แท่นบูชาแล้ว
ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในเผ่าล้วนแต่มารวมตัวกันรอบกองไฟ ปรบมือและร้องตะโกน
“คำนับฟ้าดิน สามีภรรยาคำนับกันและกัน พวกเจ้าก็จะเป็นสามีภรรยากันแล้ว หนึ่งคำนับฟ้า……”
กูชหน่วนสับสนมึนงง “เดี๋ยวก่อน วันนี้เป็นวันแต่งงานของพวกเรา พวกเรา……ไม่ต้องสวมเสื้อผ้ามงคลสีแดงหรือ?อย่างเช่น……เตรียมเสื้อผ้าให้เขาสักชุด?”
“เสื้อผ้า?ที่นี่พวกเราสวมเสื้อผ้าหนังสัตว์ อีกอย่างเสื้อผ้าที่เขาสวมก็หยาบกร้านและไม่ใช่สีแดง หลังจากที่เข้าห้องหอแล้ว ข้าจะให้คนไปเตรียมเสื้อผ้าหนังสัตว์มาให้เขา”
“แล้วข้าเล่า บนร่างกายของข้าเป็นเสื้อผ้าสีเหลือง”
“ดูเหมือนเสื้อผ้าหนังสัตว์ของผู้หญิงจะไม่มีแล้ว เช่นนั้นข้าจะให้เจ้ายืมชุดหนังสัตว์ของข้าไปใส่”
“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าสวมเสื้อผ้าของตัวเองจะดีกว่า”
เล่นตลกอะไร จะให้นางสวมเสื้อผ้าที่คลุมไม่มิดนั่น ปล่อยให้นางเป็นลมไปเสียจะดีกว่า
อาต้าตะโกนหนึ่งคำนับฟ้าดินอีกครั้ง
เหวินเส่าอี๋ไม่เต็มใจ
กู้ชูหน่วนพูดด้วยเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “ถึงอย่างไรก็เป็นการแต่งงานแบบปลอม ๆ ปล่อยให้มันผ่านไปก่อน แล้วค่อยหาทางไปจากที่นี่”
เหวินเส่าอี๋ยังคงไม่ยอมคำนับ กู้ชูหน่วนจึงกดหัวของเขาให้ก้มลงและกล่าวว่า “เขาได้รับบาดเจ็บ และไม่สามารถขยับตัวได้ ข้าจึงต้องช่วยเขา”
เหวินเส่าอี๋จ้องมองไปที่กู้ชูหน่วน
“สามีภรรยาคำนับกันและกัน”
“สองคำนับดิน ยังไม่ได้คำนับเลย”
คำนับฟ้าก็คือคำนับดิน ตอนนี้พวกเจ้าสามีภรรยาคำนับกันและกันก็พอแล้ว”
“นี่มันตรรกะอะไรกัน……”
“พวกเราได้ยินมาว่าคนนอกที่บุกเข้ามา เรียนรู้ขนบธรรมเนียมของพวกเจ้า เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ทำให้พวกเขาเสียเปรียบใช่หรือไม่”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเหอะ ๆ และใช้มือกดหัวของเหวินเส่าอี๋ให้คำนับอีกครั้ง
หลังจากคำนับฟ้าดินแล้ว ชนพื้นเมืองก็ส่งเสียงโห่ร้องเพื่อแสดงความดีใจ และล้อมพวกเขาเข้าไปในห้องหอ
เหวินเส่าอี๋ถูกวางลงบนเตียง
กู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้าง ๆ เตียง นางมองดูฝูงชนที่แน่นขนัดอยู่ฝั่งตรงข้าม และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวล
“พวกเราเข้ามาในห้องหอแล้ว พวกเจ้าจะยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?หรือว่าจะไม่เหลือพื้นที่ส่วนตัวไว้ให้พวกเราเลย”
“แน่นอนว่าพวกเรามาดูพวกเจ้าร่วมหอ” อาต้าและคนอื่น ๆ พูดตามที่ควรจะเป็น และคนอื่น ๆ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่แปลกใจเลย ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอด้วยความตื่นเต้น
กู้ชูหน่วนแทบอยากจะเป็นลม
“พวกเจ้ามาดูกันมากมายขนาดนี้ พวกเราจะร่วมหอกันได้อย่างไร?”
เส้นเลือดของเหวินเส่าอี๋ปูดขึ้นมาทั่วร่างกาย ดูเหมือนว่าเขากำลังระงับความโกรธไว้
“เมื่อผู้ชายที่นี่ร่วมหอก็จะเชิญให้ผู้คนในเผ่ามาร่วมชม ยิ่งคนมาดูมากก็ยิ่งพิสูจน์ว่าเขาสง่างาม”
“แต่พวกเราไม่ใช่คนที่นี่เหมือนกับพวกเจ้า ข้าเป็นคนหน้าบาง มีพวกเจ้ามารุมล้อมมากมายขนาดนี้ ฆ่าข้าเสียเลยจะดีกว่า”
ทุกคนมองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความงุนงง
คนในเผ่าเกือบทั้งหมดมารุมล้อมอยู่ที่นี่
ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติมากแล้วไมาใช่หรือ?
นางจะโกรธอะไรอีก?
หรือว่าผู้ชายคนเดียวมันน้อยเกินไป นางต้องการที่จะแต่งงานหลายคน?
“หรือว่าเขาเพียงคนเดียว ยังไม่ทำให้เจ้าพอใจ เช่นนั้นเพื่อเห็นแก่ที่เจ้าช่วยชีวิตหัวหน้าเผ่าไว้ เจ้าสามารถเลือกพวกเราที่อยู่ที่นี่ได้ตามใจชอบ ขอเพียงไม่เกินสิบคน เจ้าสามารถสู่ขอได้ตามสบาย”
กู้ชูหน่วนกลอกตา
นางไม่ใช่แม่หมู
หรือต่อให้เป็นแม่หมู ก็ไม่เล่นสนุกเช่นนี้
ในตอนที่กู้ชูหน่วนแทบจะเป็นบ้า หัวหน้าเผ่าผู้มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง กล่าวอย่างเป็นธรรมว่า “ขนบธรรมเนียมข้างนอกแตกต่างจากพวกเรา ผู้หญิงข้างนอกจะหน้าบาง และให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรี เวลาที่ร่วมหอจึงไม่อนุญาตให้ผู้อื่นดู เอาเช่นนี้ พวกเราถอยออกไปกันเถอะ ปล่อยให้พวกเขาได้ร่วมหอกัน”
“ข้างนอกมีกฎมากมาย ช่างยุ่งยากยิ่งนัก”
“แยกย้ายกันไปเถอะ” ในที่สุดหัวหน้าเผ่าก็นึกขึ้นได้ว่านางเคยช่วยชีวิตเขาไว้ จึงไม่ทำให้นางลำบากใจมากเกินไป
เพียงแต่ประโยคต่อไปของเขาที่ทำให้กู้ชูหน่วนและเหวินเส่าอี๋พูดไม่ออก
“แม้ว่าพวกเราจะไม่ดูที่พวกเจ้าร่วมหอ แต่พวกเราจะเฝ้าอยู่ข้างนอก และฟังเสียงพวกเจ้าร่วมหอกัน หากพวกเรารู้ว่าพวกเจ้าไม่ได้ร่วมหอกัน เช่นนั้นก็ต้องขอโทษด้วย พวกเราคงต้องฆ่าชายผู้นั้น”
กู้ชูหน่วน”……”
นางเป็นคนมีขนบธรรมเนียม แต่ต้องมาพบกับคนดึกดำบรรพ์ที่ไร้เหตุผล
“จริงสิ พวกเจ้าชื่ออะไร?”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองหน้ากากบนใบหน้าของเหวินเส่าอี๋และยิ้ม “เขาชื่อเสี่ยวหูเตี๋ย ข้าชื่อเสี่ยวมี่เฟิง”
“เสี่ยวหูเตี๋ย เสี่ยวมี่เฟิง?พวกเจ้าไม่มีแซ่หรือ?”
“มีสิ พวกเราล้วนแซ่เสี่ยว”
“ท่านพ่อ ท่านดูสิ ข้าบอกแล้ว คนข้างนอกที่มีแซ่เดียวกันสามารถแต่งงานกันได้ ท่านก็ไม่เชืาอข้า”
“เอาเถอะ มั่วงุนงงอะไรกันอยู่ ออกไปกันได้แล้ว”
หัวหน้าเผ่าออกคำสั่ง และทุกคนก็ถอยออกไป ในห้องเหลือเพียงแค่กู้ชูหน่วนและเหวินเส่าอี๋
กู้ชูหน่วนปิดประตู แล้วนั่งลงที่หน้าเตียงอย่างหมดสภาพ นางปาดเหงื่อและสะกิดแขนของเหวินเส่าอี๋
“พวกเขาเฝ้าอยู่ข้างนอก พวกเราจะทำอย่างไรดี?”
“หากเจ้ากล้าแตะต้องข้า เจ้าก็เตรียมตัวตายได้เลย”
“เจ้าคิดว่าข้าอยากจะแตะต้องเจ้าหรือ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร ข้ารู้เพียงว่าเจ้ามีปานรูปดอกเหมยที่บั้นท้าย”
“เจ้า……”
“เอาเถอะ ๆ ตอนนี้อยู่ในถิ่นของผู้อื่น และยากที่จะออกไปได้ ในเมื่อต้องแสดงเช่นนั้นก็แสดงให้สมจริง ต้องได้รับความไว้วางใจจากพวกเขาเสียก่อน รอให้เจ้าหายดีแล้วค่อยว่ากัน”
เหวินเส่าอี๋ยังคงดูถูกดูแคลนผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
หญิงผู้นี้ปีนขึ้นไปบนเตียง นางเขย่าเตียงอย่างต่อเนื่อง และส่งเสียงร้องคลุมอย่างสั่นเครือ
อีกทั้ง…..ร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ
ใบหน้าของเหวินเส่าอี๋แดงระเรื่อ แม้แต่ใบหูของเขาก็แดงก่ำ
ไร้ยางอาย
ช่างไร้ยางอายจริง ๆ
กู้ชูหน่วนต่อว่าเบา ๆ “มั่วงุนงงอะไรอยู่ ส่งเสียงร้องสิ”
เหวินเส่าอี๋เบือนหน้าหนี
เขาไม่ยอมส่งเสียงร้อง
เรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ ต่อให้ถูกฆ่าตาย เขาก็ทำไม่ได้