กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 830
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 830
เซี่ยวอวี่เซวียนไม่เพียงแต่ทำร้ายท่านอาจารย์บาดเจ็บเท่านั้น แต่ยังทำให้บัณฑิตหลายคนได้รับบาดเจ็บและทำร้ายไป๋หลี่หมิงบาดเจ็บสาหัส
ทุกๆคนคิดว่าเซี่ยวอวี่เซวียนจะถูกไล่ออกจากการเป็นบัณฑิตและถูกตามล่าสังหารจากตระกูลไป๋หลี่
คิดไม่ถึงว่าสำนักศึกษาอี้เหอไม่เพียงแต่ไม่ขับไล่เขาออกจากสถานะบัณฑิต แล้วยังย้ายท่านอาจารย์ไปยังชั้นเรียนอื่นอีกด้วย
แม้แต่ตระกูลไป๋หลี่ก็ไม่เคยได้ข่าวเรื่องการไล่ล่าสังหารเซี่ยวอวี่เซวียน และไม่รู้ว่าตระกูลไป๋หลี่ลอบสังหารไม่สำเร็จหรือว่าตระกูลไป๋หลี่ไม่ได้ตามไล่ล่าเลย
กู้ชูหน่วนอารมณ์ขุ่นมัว จ้องมองไปยังกาขังวิญญาณอย่างตกอยู่ในภวังค์
หยางโม่และหยางมั่นมาถึงยังข้างๆกู้ชูหน่วนและกล่าวด้วยรอยยิ้มมีชีวิตชีวาว่า “แม่นางมู่ไม่รู้ว่ากาขังวิญญาณนี้คือสิ่งใด ดูๆแล้ววัสดุค่อนข้างพิเศษ ไม่เหมือนสิ่งของที่รัฐปิงเรามี”
กู้ชูหน่วนกางมือทั้งสองออก “เจ้าถามข้าแล้วข้าจะถามผู้ใด”
เพียงเพราะว่านางทำขวดเสียๆนี้แตกนางจึงถูกชายสวมหน้ากากข่มขู่จำเป็นต้องรวบรวมดวงวิญญาณทั้งหมดในขวดให้ครบ ไม่เช่นนั้นชีวิตของนางจะจบลงแล้วนางจะไปรวบรวมดวงวิญญาณให้ครบได้จากที่ใดกันหล่ะ?
ตอนนี้เซี่ยวอวี่เซวียนก็เกิดความรู้สึกต้องการสังหารนางเนื่องด้วยขวด……
ซั่งกวนหมิงหลานกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “มู่หน่วนเจ้าอย่าได้ไส้หน้าแล้วยังทำขายหน้า รู้หรือไม่ว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นผูัใด? พวกเขาคนหนึ่งเป็นจวิ้นจู่ อีกคนเป็นองค์ชาย เจ้านับเป็นสิ่งของอันใดถึงกล้ากระทำการละเลยต่อพวกเขาเช่นนี้”
“แล้วเจ้านับเป็นสิ่งของอันใด พวกเราพูดคุยกันใช่เวลาพูดแทรกของเจ้าหรือ?”
“ช่างน่าโมโหยิ่งนัก องค์ชายรองหญิงผู้นี้ยโสโอหัง หากว่าไม่ให้บทเรียนสักหน่อยนางก็จะไม่รู้ว่าเหตุใดดอกไม้ถึงได้แดงเช่นนี้ ขอได้โปรดอนุญาตให้ข้าได้สั่งสอนบทเรียนนางให้ดีด้วย”
มือทั้งคู่ของกู้ชูหน่วนเกิดเสียงดังกรอบแกรบพร้อมยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว่า “ต้องการสู้กันใช่ไหมข้ายินดีจัดให้”
หยางโม่กล่าวว่า “เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง จะโมโหโทโสไปทำไมกัน ช่างเถอะทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กเรื่องเล็กให้หมดไปเถอะนะ”
“องค์ชายรองท่านช่างกล่าวด้วยได้ง่ายเกินไป ดังนั้นหญิงผู้นี้ถึงได้ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาถึงได้ช่างบังอาจนัก”
“พูดจาไร้สาระอันใด เจ้าจะสู้หรือไม่”
“เพี๊ยะ……”
ซั่งกวนหมิงหลานดึงแส้ยาวที่คาดอยู่ตรงเอวออกมาแล้วกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “วันนี้ไม่สั่งสอนเจ้าให้หนักข้าก็จะไม่แซ่ซั่งกวน”
“แส้ของเจ้ายาวเกินไปสู้กันอยู่ที่นี่จะทำร้ายถูกผู้ใดเอาได้ง่ายๆ พวกเราไปสู้กันในห้องถัดไป”
ไม่รอให้ซั่งกวนหมิงหลานพูดจากู้ชูหน่วนก็ผลักนางเข้าไป จากนั้นประตูก็ปิดเสียงดังปั้งขึ้น
หยางโม่ต้องการจะไปขวางไว้แต่หยางมั่นรั้งเอาไว้และส่งสายตาให้สัญญาณว่าอย่าได้ยุ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องตน รอดูผลลัพธ์ก่อนค่อยว่ากัน เช่นไรความแข็งแกร่งของมู่หน่วนพวกเขายังไม่รู้แน่ชัด
มีคนเย้ยหยันว่า “ต่อให้มู่หน่วนจะแข็งแกร่งเพียงใดก็เป็นเพียงจุดเส้นวรยุทธ์ขั้นที่เก้าเท่านั้น ความแข็งแกร่งของคุณหนูซั่งกวนขึ้นถึงขั้นกลางระดับที่หนึ่งแล้ว และสามารถขึ้นสู่ขั้นสูงระดับที่หนึ่งได้ตลอดเวลา นี่นางรนหาที่ตายเอง”
“จะกล่าวคำพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ ก่อนหน้านี้มู่หน่วนก็เคยเอาชนะทหารคุ้มกันขั้นกลางระดับหนึ่งมาแล้วไม่ใช่หรือ”
“เพียงแค่ทหารคุ้มกันจะเทียบกับคุณหนูหมิงหลานได้หรือ? คุณหนูหมิงหลานเป็นถึงบุตรีของตระกูลซั่งกวนต้องมีสิ่งของล้ำค่ามากมายอยู่ในร่างกายและวิชายุทธ์ก็ใช่ว่าทหารคุ้มกันทั่วไปจะสามารถเทียบได้เป็นแน่”
“ที่พูดก็มีเหตุผล”
“มู่หน่วนบ้าบิ่นเช่นนี้ ควรมีคนสังสอนนางบ้างเสียแล้ว”
หลินซือหยวนถามหนิงเทียนโย่วว่า “ทำเช่นไรดี พวกเราไปช่วยหรือ?”
“รอดูสถานการณ์ก่อนเถอะ”
ห้องอีกห้องหนึ่งเกิดเสียงต่อสู้กันดังปึงๆปังๆแว่วออกมา จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงราวกับหมูถูกเชือด ทุกคนตั้งใจฟังกันอย่างละเอียด เสียงนี้……
ราวกับไม่ใช่เสียงที่เปล่งออกมาจากมู่หน่วน
หรือว่าจะเป็น……
โครม……
ประตูถูกถีบออก
กู้ชูหน่วนเดินออกมาจากด้านในอย่างสง่างามด้านหนึ่งเดินด้านหนึ่งตบๆมือของตนด้วยความรังเกียจโดยได้ทิ้งผู้คนให้ตกตะลึงไว้
แล้วมองไปในห้องซั่งกวนหมิงหลานถูกทุบตีจนแทบจะกลายเป็นหัวหมูไปแล้ว ใบหน้าอันสวยสดงดงามแทบจะนึกไม่ออกเลยว่าเป็นคุณหนูของตระกูลซั่งกวน
ซั่ง……ซั่งกวนหมิงหลานเหตุใดถึงได้พ่ายแพ้หล่ะ?
หยางโม่ไล่ตามถามว่า “แม่นางมู่ ข้าจะได้รับเกียรติเชิญเจ้าทานอาหารมื้อหนึ่งได้หรือไม่?”
กู้ชูหน่วนไม่แม้แต่จะมองย้อนกลับไปก็ปฏิเสธเลยโดยตรง “ไม่”
คุณหนูตกยากผู้หนึ่งถึงกับกล้าปฏิเสธองค์ชายรองผู้สูงส่งเช่นนี้
นางกินดีหมีเข้าไปแล้วจริงๆกระมัง
ทุกคนคิดว่าองค์ชายรองหยางโม่จะโมโหจากนั้นหยางโม่เพียงแค่ยิ้มอย่างอบอุ่นและก็รู้สึกสนใจกู้ชูหน่วนมากขึ้นแล้ว
หนิงเทียนโย่วและหลินซือหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบไล่ตามไป
“เจ้าเป็นอะไรไป อารมณ์ไม่ดีหรือ? ท่านพี่เซี่ยวอาจจะเกิดเรื่องในเรือนถึงได้……เจ้าอย่าได้ใส่ใจมากนัก”
“ข้าวุ่นอยู่กับการฝึกบำเพ็ญเพียรไม่มีเวลาใส่ใจเขา”
“เจ้าจะไปที่ใด?”
“เลิกเรียนแล้วไม่กลับเรือน จะอยู่ดูผู้คนทำหน้าตาเย็นชาอยู่ในสำนักศึกษาหรือ?”
“ข้าส่งเจ้ากลับไป”
“ไม่ต้องหรอก”
หลังจากกลับมาถึงจวนมู่ ผู้นำตระกูลมู่รวมทั้งผู้นำรองผู้นำสามก็บ่นจู้จี้ โดยเฉพาะผู้นำรองผู้นำสามตำหนิติเตียนใส่หน้าโครมๆ
ตำหนินางที่ไม่เพียงแต่ทำให้ตระกูลไป๋หลี่ขุ่นเคือง แล้วยังทำให้ตระกูลซั่งกวนโกรธเคืองด้วย จนถึงกับถูกตระกูลซั่งกวนปฏิเสธการแต่งงาน หน้าตาของตระกูลมู่ไหมดสิ้นไปหมดแล้ว
ไม่ง่ายเลยที่นางจะเข้าตาผู้นำตระกูลหนิง ต้องการให้นางไปเป็นหลานสะใภ้แต่นางก็กลับปฏิเสธ
ในตอนนี้ที่พึ่งของจวนมู่ของพวกเขาก็ไม่มีแล้ว สี่ตระกูลใหญ่นอกจากตระกูลเหวินแล้วนอกนั้นได้ทำให้โกรธเคืองไปหมดแล้ว
กู้ชูหน่วนกลับไปยังห้องของตนเองและปิดประตูอย่างแรงโดยคร้านที่จะฟังเสียงพร่ำบ่นจู้จี้จุกจิกของพวกเขา
นางหยิบสมุนไพรและเตาหลอมยาจากวงแหวนอวกาศ แล้วก็เริ่มวุ่นวายกับขวดไหเหล่านั้นขึ้น
กลางดึกห้องของนางระเบิดขึ้นโดยตรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จวนมู่ทั้งจวนถูกทำให้ตื่นตระหนกตกใจกันทั้งสิ้น
“เกิดอันใด อาหน่วน เหตุใดห้องของเจ้าถึงได้ระเบิด ไม่เป็นไรใช่ไหม”
ผมของกู้ชูหน่วนถูกไหม้เสียแล้ว ใบหน้าขาวผ่องก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำราวถ่าน
นางส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไร”
ช่างน่าเสียดายสมุนไพรและเตาหลอมยามากมายเช่นนั้น
ผู้นำรองหัวเราะเยาะ “เจ้าไม่ได้กลั่นยาในห้องใช่ไหม? การกลั่นยาทำได้ง่ายดายเช่นนั้นหรือ? หากว่าง่ายดายเช่นทั่วทั้งแผ่นดินวิญญาณน้ำแข็งยะเยือกก็คงจะไม่มีตระกูลที่กลั่นยาเพียงแค่ไม่กี่ตระกูลเช่นนั้นแล้ว”
“เจ้าระเบิดห้องของตนเองก็ช่างเถอะ ถึงเวลาอย่าได้ทำให้จวนมู่ทั้งจวนระเบิดไปจนหมดนะ” ผู้นำตระกูลสามกล่าวอย่างโกรธเคือง
ผู้นำตระกูลมู่ได้รับยาอายุวัฒนะจำนวนมากมายนักจากกู้ชูหน่วนจึงไม่สะดวกที่จะกล่าวสิ่งใดเพียงแค่ให้คนจัดห้องอีกห้องหนึ่งให้กับกู้ชูหน่วน
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาพึ่งจะนอนลงบนเตียงห้องของกู้ชูหน่วนก็เกิดระเบิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้การระเบิดรุนแรงกว่าเดิมโดยที่ห้องทั้งแถวถูกระเบิดจนราบคาบไปเลย
ห้องของผู้นำรองห่างจากนางเป็นระยะใกล้กว่าก็ถูกระเบิดจนเวียนหัวแทบแตกออกจนหน้าบูดหน้าเบี้ยว
“มู่หน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าหากเจ้าไม่มีความสามารถก็อย่าได้กลั่นยาเลย หากว่ากล้าส่งเสียงดังอันใดในจวนอีกก็ดูว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าเช่นไร”
กู้ชูหน่วนสัมผัสศีรษะพร้อมบ่นพึมพำกับตนเอง “ไม่ผิดนี่นา เหตุใดถึงได้ระเบิดนะ ขั้นตอนใดผิดพลาดกันนะ?”
“มู่หน่วน……” ผู้นำรองตะโกนเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง
ผู้นำมู่กล่าวว่า “ช่างเถอะช่างเถอะ เพียงแค่เรือนไม่กี่เรือนพรุ่งนี้เร่งสร้างใหม่ก็พอแล้วทุกคนแยกย้ายกันให้หมด ชุนจวี๋เจ้าจัดห้องอีกห้องหนึ่งให้คุณหนูอยู่”
“เจ้าค่ะ”
“ท่านพ่อ ท่านตามใจมู่หน่วนเกินไปแล้ว นาง……”
“พอแล้วพอแล้ว เรื่องนี้พอแค่นี้”
มู่ซินรู้สึกอับอายไม่น้อย
บุตรสาวของเรือนข้าระเบิดเรือนสองครั้งติดต่อกัน
โชคดีที่ผู้นำตระกูลไม่เอาความไม่เช่นนั้นนางคงจะถูกไล่ตะเพิดออกไปเป็นแน่
“ตูม……”
“ตูม……”
“ตูม……”
ทุกครั้งที่ผู้นำตระกูลมู่เปลี่ยนห้องให้กู้ชูหน่วนไม่นานรักห้องที่อาศัยอยู่ก็จะระเบิดขึ้นเลยโดยตรงและกำลังก็รุนแรงขึ้นทุกๆครั้ง
ทั้งคืนระเบิดไปทั้งสิ้นเป็นจำนวนเจ็ดครั้ง
ครั้งนี้อย่าว่าแต่ผู้นำรองและผู้นำสามแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว
แม้แต่ผู้นำตระกูลมู่และมู่ซินก็จะเป็นบ้าเช่นเดียวกัน