กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 845
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 845
ความรู้สึกที่ไร้กำลังความสามารถเช่นนี้ ช่างทำให้นางรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก
เซี่ยวอวี่เซวียนฝืนยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่นและจับมือนางไว้อย่างอ่อนแรง
“ไม่มีประโยชน์ บางทีชีวิตของข้าควรถึงวาระแล้ว”
เขาเพียงโกรธแค้นที่เขาไม่สามารถฆ่าเหวินเส่าอี๋และลั่วอิ่ง เพื่อแก้แค้นให้กับคนในตระกูล
เขาเพียงโกรธแค้นที่ไม่สามารถทำให้แม่สาวอัปลักษณ์ฟื้นกลับขึ้นมามีชีวิตได้
“ใครบอก เพียงแค่ข้าไม่อยากให้เจ้าตาย เจ้าก็ต้องไม่ตาย ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าออกไปจากหุบเขาสัตว์เทพ เราไปหาหมอ โลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาล ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีใครสามารถช่วยชีวิตของเจ้าได้”
กู้ชูหน่วนอุ้มเซี่ยวอวี่เซวียนขึ้น
แต่นางบาดเจ็บสาหัสอย่างมากและพละกำลังของนางก็ไม่มีเหลือ เดิมทีก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว เช่นนั้นจะอุ้มเซี่ยวอวี่เซวียนขึ้นมาได้อย่างไร
เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว นางก็ล้มลง
แต่นางไม่ยอมแพ้และพยายามอุ้มเซี่ยวอวี่เซวียนขึ้นทุกครั้ง จากนั้นก็ล้มลงอีกนับครั้งไม่ถ้วน
หยางโม่เดินกะเผลกมายังตรงหน้าของกู้ชูหน่วนและพูดเกลี้ยกล่อม “แม่นางมู่ รอยดาบของพี่เซี่ยวนี้โดยไปยังจุดสำคัญ เกรงว่า……เกรงว่าใครก็ไม่อาจยื้อชีวิตของเขาไว้ได้ เจ้า……เจ้าก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน หากไม่ทำการรักษา เกรงว่าแม้แต่ชีวิตของตัวเจ้าเองก็จะรักษาไว้ไม่ได้”
“เหลวไหล เพียงแค่ดาบด้ามเดียว เมื่อก่อนพวกข้าถูกฟันมานับไม่ถ้วน แต่ก็รอดชีวิตมาได้ไม่เห็นหรือ? เจ้าไม่รู้จักพูดอะไรก็ถอยไปห่างๆ เถอะ”
“แม่นางมู่……”
“อั่ก……”
กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมา
นางไม่มีเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ
ครื่นๆๆ……
ฝนตกลงมาอย่างหนัก
เม็ดฝนตกลงมายังร่างกายของพวกเขา ทำให้เลือดที่อยู่บนร่างกายของพวกเขาชะล้างลงไปบนพื้น
กู้ชูหน่วนกอดเซี่ยวอวี่เซวียนเอาไว้ด้วยสีหน้าซีดเซียวและกังวลใจ
“ข้าเคยพูดเอาไว้ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าตาย เจ้าเข้มแข็งเอาไว้นะ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องอดทนเอาไว้ รู้หรือไม่?”
“แม่……แม่สาวอัปลักษณ์……” การมองเห็นของเซี่ยวอวี่เซวียนพร่ามัวลง
มองไปยังใบหน้าของมู่หน่วนที่ละม้ายคล้ายคลึงกับกู้ชูหน่วนอย่างผสมผสานกัน
เขากำลังยิ้ม แต่ในรอยยิ้มนั้นกลับมีคราบน้ำตา
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าแม่สาวอัปลักษณ์ที่เขาพูดออกมานั้นคือใคร
เพียงแค่กัดฟันและกล่าวว่า “เจ้าเสือน้อย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ พวกเจ้ามีวิธีพาพวกข้าออกไปจากที่นี่หรือไม่?”
เจ้าเสือน้อยอดทนกับความเจ็บปวดและเปลี่ยนร่างให้ใหญ่ขึ้นในพริบตา เพื่อให้พวกเขานั่งบนหลังของมัน
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์น้ำตาคลอ
ทันใดนั้น ร่างงูของมันก็สั่นสะท้าน
“นายท่าน ข้ารู้วิธีที่จะช่วยชีวิตเซี่ยวอวี่เซวียน”
“วิธีอะไร?” กู้ชูหน่วนคว้าตัวของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ราวกับว่ากำลังคว้าฟางเส้นสุดท้าย
“เมื่อสักครู่ตอนที่ข้าไปหาหมูป่า เพื่อนงูของข้าได้บอกข้าว่า ใกล้เคียงกับซากปรักหักพังมีดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีอยู่ในส่วนที่ลึกเข้าไป ผู้ที่มีความสามารถระดับหกสามารถกินเข้าไป จากนั้นก็สามารถช่วยได้คนคนนั้นมีความสามารถเพิ่มไปถึงระดับเจ็ด ผู้ที่ใกล้จะตาย ขอเพียงแค่ยังมีลมหายใจหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด เมื่อกินเข้าไปก็สามารถทำให้ฟื้นกลับมามีชีวิตใหม่ได้”
“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสี? เชื่อถือได้หรือไม่?”
“น่าจะเชื่อถือได้ พวกมันไม่มีความจำเป็นต้องโกหกข้า อีกอย่าง ข้ายังรู้อีกด้วยว่า กฎเกณฑ์ของหุบเขาสัตว์เทพในครั้งนี้นั้นได้เปลี่ยนไป ได้ยินมาว่าที่นี่นั้นมีขุมทรัพย์ล้ำค่าจำนวนมาก ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ต่างก็พากันเข้ามาแล้ว แม้แต่ผู้อาวุโสของแต่จะตระกูลก็ต่างพากันเข้ามา ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังค้นหาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีอยู่หรือไม่”
“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีอยู่ที่ใด? พาข้าไปเดี๋ยวนี้”
“ข้างๆ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์มี……มีอสูรร้ายความสามารถระดับเจ็ดคุ้มครองอยู่ ต่อให้พวกเราไปแล้ว ก็……ก็แย่งชิงมาไม่ได้”
และอาการของเซี่ยวอวี่เซวียนก็หนักมาก เกรงว่าจะรอได้ไม่นาน
หยางโม่จ้องมองกู้ชูหน่วนด้วยความมึนงง
ไม่รู้ว่านางกำลังพูดคุยอะไรกับเสือและงู
หรือว่านางสามารถเข้าใจภาษาของสัตว์ได้?
ไม่ใช่ว่ามีแต่ปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้ายเท่านั้นหรือที่สามารถเข้าใจภาษาของสัตว์ได้?
กู้ชูหน่วนก้มหน้าลงและเห็นว่าเซี่ยวอวี่เซวียนแทบไม่มีสติแล้ว เขาอยู่ในภาวะที่เกือบจะหมดสติไป
ลทหายใจของเขาค่อยๆ อ่อนลง
ร่างกายของเขาก็เย็นลงเรื่อยๆ
เพียงแต่ปากของเขายังคงพึมพำออกมาด้วยความเจ็บปวด
“แม่สาวอัปลักษณ์……เพราะอะไร……เหตุใดถึงต้อง……ต้องช่วยเขา……ท่านพ่อ……ท่านพี่……แม่สาวอัปลักษณ์……”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ แม่สาวอัปลักษณ์คือใครหรือ?”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตัวสั่นและหลบหน้า “ข้า……ข้าไม่รู้”
“เจ้ารู้จักเซี่ยวอวี่เซวียนมานานแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงไม่รู้?”
“ข้าไม่ได้สนิทสนมกับเขา อีกอย่าง……ข้าก็รู้เรื่องของเขาไม่มาก ข้าเพียงแค่ชอบติดตามเขาและกินอาหารของเขาก็เท่านั้นเอง”
สำหรับคำพูดของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ กู้ชูหน่วนไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียว
แต่นางก็พอคาดเดาได้ว่าแม่สาวอัปลักษณ์ที่เซี่ยวอวี่เซวียนพูดออกมานั้น น่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นที่เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขาที่เขาเคยพูดไว้ ตระกูลของเขาต้องจบชีวิตลงแต่เพื่อนของเขากลับปกป้องคนอื่น โดยไม่สนใจเขาเลยสักนิด
ฝนยิ่งตกลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ
กู้ชูหน่วนอุ้มเซี่ยวอวี่เซวียนเข้าไปหลบฝนด้วยความยากลำบาก
หยางโม่ก็ช่วยประคองด้วยอีกคน
ผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน รวมไปถึงเสือหนึ่งตัวและงูอีกหนึ่งตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาช่วยเหลือกันท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก
ในที่สุด พวกเขาก็มายังถ้ำแห่งหนึ่ง
หยางโม่หนาวเหน็บจนตัวสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าเขาไปเก็บไม้ฟืนมาจากที่ใดเพื่อก่อกองไฟ จากนั้นเขาก็หยิบตะบันไฟออกมาเพื่อจะจุดไฟ
ฟืนได้เปียกไปหมดและไม่สามารถจุดไฟได้
เจ้าเสือน้อยใช้ความสามารถที่เหลืออยู่ทำให้ฟืนแห้งและจากนั้นพ่นไฟอีกครั้งเพื่อจุดไฟ
เมื่อกู้ชูหน่วนเข้ามายังภายในถ้ำก็ได้ทำการจัดการกับบาดเจ็บของเซี่ยวอวี่เซวียนไม่หยุดหย่อน
เขามีบาดแผลมากเหลือเกิน กู้ชูหน่วนกลัวว่าจะเสียเวลาและจัดการอย่างเรียบง่ายเท่านั้น
หลังจากจัดการกับบาดแผลของเซี่ยวอวี่เซวียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว กู้ชูหน่วนจึงได้เห็นเจ้าเสือน้อยพวกเขาต่างอ่อนล้าและแนบพิงไปที่ผนังถ้ำอย่างอิดโรย คราบเลือดและรอยแผลนั้นสะดุดตาอย่างมาก
ทั้งเสือและงูต่างก็ไม่ร่าเริงและไร้จิตวิญญาณเหมือนแต่ก่อน ดูไปแล้วช่างน่าอดสูเสียเหลือเกิน
กู้ชูหน่วนรีบหยิบยาออกมาให้พวกมันและช่วยห้ามเลือดให้กับพวกมัน
“ข้าได้พันแผลให้กับบาดแผลที่ค่อนข้างสาหัสให้พวกเจ้าแล้ว ส่วนบริเวณที่บาดเจ็บเล็กน้อยนั้น พวกเจ้าจัดการด้วยตัวเองแล้วกัน ข้าต้องรีบไปค้นหาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ที่ส่วนลึกเข้าไปของซากปรักหักพัง เซี่ยวอวี่เซวียนอดทนต่อไปได้ไม่นานแล้ว”
หยางโม่คิดว่า เมื่อพันแผลให้กับเสือและงูเสร็จ มู่หน่วนจะมาช่วยเขาจัดการบาดแผล
ไม่คิดเลยว่ามู่หน่วนจะเพียงแค่โยนขวดยาให้กับเขา จากนั้นกัดฟันและดึงลูกศรออกจากร่างกายของนางทั้งหมด
เมื่อลูกศรถูกดึงออก เลือดก็ไหลกระจายออกมาทั่ว แต่นางไม่ขยับคิ้วแม้แต่นิดเดียว เพียงแค่ฉีกชายเสื้อของตัวเองทำการใส่ยาและพันแผล
หยางโม่เห็นแล้วก็อดสงสารนางไม่ได้
ลูกศรเหล่านั้นปักเข้าไปลึก อีกทั้งยังมีหนามแหลมคม
เหตุใดนางถึงไม่ร้องออกมาเลยสักนิด
หากไม่เห็นเหงื่อที่ไหลหยดย้อยของนาง หยางโม่คิดว่านางคงไม่เจ็บกระมัง
เขาเป็นองค์ชายคนหนึ่งและไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้มาก่อน เดิมทีอยากจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ผู้หญิงอ่อนแออย่างนางแทบไม่ขมวดคิ้วหรือสะทกสะท้านเลยสักนิด เขาจึงเกิดความละอายใจ
“หยางโม่ ช่วยดูแลเซี่ยวอวี่เซวียน เจ้าเสือน้อยและเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ด้วยนะ”
“เจ้าบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นจะไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพังได้อย่างไร?”
“ข้าจำเป็นต้องไป”
“เซี่ยวอวี่เซวียนสำคัญต่อเจ้ามากเลยใช่หรือไม่?”
“แน่นอน เขาเป็นเพื่อนที่ข้ายอมรับ”
เป็นเพียงแค่เพื่อนอย่างนั้นหรือ?
เป็นเพื่อนกันคงไม่ต้องทำถึงขั้นนี้หรอก?
เสี่ยวจิ่วเอ๋รอ์และเจ้าเสือน้อยต่างฝืนลุกขึ้นและอยากจะติดตามไปด้วย
กู้ชูหน่วนกล่าว “พวกเจ้ารักษาบาดแผลให้ดีก่อน รอให้หายดีแล้วถึงจะคอยปกป้องข้าได้ อีกอย่าง……ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะกลับมาอีกหรือไม่ หากพวกเขากลับมา เซี่ยวอวี่เซวียนจะทำอย่างไร? พวกเจ้าต้องอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องพวกเขา”
“ฝ่อๆ……แต่ข้างๆ ของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีมีอสูรร้ายความสามารถระดับเจ็ดอยู่ นั่นเป็นถึงระดับเจ็ดเชียวนะ……”
“นายท่าน ข้าจะติดตามท่านไป เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะอยู่ที่นี่เพื่อคอยปกป้องเซี่ยวอวี่เซวียนก็ได้แล้ว”
“นี่คือคำสั่ง……”
กู้ชูหน่วนใช้น้ำเสียงออกคำสั่งออกไปอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และเจ้าเสือน้อยจะเป็นห่วง แต่ก็ทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่งและอยู่ที่นี่เพื่อคอยปกป้องเซี่ยวอวี่เซวียน
หยางโม่กล่าว “เจ้าเข้าใจภาษาของสัตว์จริงๆ ด้วย เจ้าคือปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้าย”
“ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ”
บทที่ 844
บทที่ 846