กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 848
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 848
ดาบตรงหนาอกของเซี่ยวอวี่เซวียนไม่สามารถที่จะไม่ดึงออกได้ แต่ว่าดึงออกแล้วกู้ชูหน่วนก็เกรงว่าเขาจะสิ้นใจไปเลยโดยตรง
นางจึงลังเลอยู่เช่นนั้น เป็นเวลานานจึงได้ตัดสินใจวางมือของตนเองบนด้ามดาบ
“เสี่ยวเซวียนเซวียนตอนนี้ข้าจะชักดาบออกแล้วนะ หากว่าเจ้าได้ยินจะต้องอดทนไว้ไม่ว่าจะเพื่อข้าหรือเพื่อแม่สาวอัปลักษณ์ของเจ้า”
เซี่ยวอวี่เซวียนไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย กู้ชูหน่วนสูดลมหายใจเข้าลึกโดยเป็นปฏิปักษ์ต่อเทพแห่งความตาย ชู่ว์เสียงหนึ่งได้ดึงดาบออกจากหัวใจของเซี่ยวอวี่เซวียนพร้อมกับใช้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีที่ได้ทุบจนละเอียดทาลงบนบาดแผลของเซี่ยวอวี่เซวียนอย่างรวดเร็ว
เลือดกระเด็นไปทั่วทุกทิศและติดบนใบหน้าของกู้ชูหน่วนทำให้การมองเห็นของนางไม่ชัดเจน
เซี่ยวอวี่เซวียนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจนฟื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดเลย และก็เป็นลมไปด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง
“เซี่ยวอวี่เซวียน……เซี่ยวอวี่เซวียน……”
“ร้อน……ร้อนนิ่งนัก……ช่างทรมานนัก”
กู้ชูหน่วนสัมผัสหน้าผากของเขาซึ่งร้อนผิดปกติ แม้แต่อุณหภูมิในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หน้าตาอันหล่อเหลาถูกย้อมด้วยเส้นเลือดฝาดแดงเป็นเส้นๆและเหงื่อก็ไหลรินลงมาจากหน้าผาก
เซี่ยวอวี่เซวียนทรมานยิ่งนัก อฝเจ็บปวดจนบิดเสื้อผ้าของตนเองไม่หยุด
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้……เขาไม่เพียงแต่อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นแต่ยังมีพละกำลังหนึ่งโจมตีอยู่ในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าบอกว่าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีสามารถช่วยเขาได้ไม่ใช่หรือ?”
“น่าจะ……น่าจะสามารถช่วยเขาได้ถึงจะถูก เป็นไปได้หรือไม่ว่า……ใช้ปริมาณมากเกินไป?”
กู้ชูหน่วนมีใจที่อยากจะทุบเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ให้ตายแล้วด้วย
นางนั่งขัดสมาธิกระตุ้นกำลังภายในของตนเองเพื่อช่วยลดอุณหภูมิให้กับเซี่ยวอวี่เซวียน
ไม่รอให้นางกระตุ้นอุณหภูมิของเซี่ยวอวี่เซวียนก็ได้ลดลงแล้ว
ไม่เพียงแค่ถดถอยลงทว่าร่างกายกลับลดลงถึงจุดเยือกแข็งด้วย
ผมดำสนิท ใบหน้า ร่างทั้งร่างของเขาได้แข็งเป็นหมอกน้ำแข็งบางๆชั้นหนึ่งไปแล้ว
เมื่อเข้าใกล้เขากู้ชูหน่วนและคนอื่นๆก็หนาวเย็นจนเนื้อตัวสั่นเทา
“หนึ่งร้อนหนึ่งเย็น ร้อนเย็นสลับเปลี่ยนกัน……หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาคงจะต้องตาย”
ขณะที่เซี่ยวอวี่เซวียนหนาวกู้ชูหน่วนได้กอดเซี่ยวอวี่เซวียนที่หนาวสั่นเอาไว้และเพิ่มฟืนให้ไฟโหมแรงขึ้น
ขณะที่ร้อนก็ทำได้เพียงช่วยปลดเสื้อผ้าของเขาออกและใช้กำลังภายในของตนเองช่วยให้ร่างกายเขาเย็นลง
เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้กู้ชูหน่วนซึ่งเดิมทีก็อ่อนล้าอยู่แล้วไม่สามารถทนไหวอีกต่อไป คนทั้งคนตกอยู่ในอันตราย
กู้ชูหน่วนพยายามมากมายหลายวิธีมากมายแต่ก็ไม่สามารถช่วยเซี่ยวอวี่เซวียนได้
ในที่สุด……
เยี่ยจิ่งหานได้มาถึงด้วยตนเอง
ไม่รู้ว่าเขาหยิบเสื้อตัวหนึ่งมาจากที่ใดมาสวมใส่ตามใจชอบ เนื้อผ้านั้นหยาบกระด้างแต่เมื่อสวมอยู่บนร่างเขาแล้วกลับสูงส่งแบบหนึ่งอย่างแปลกประหลาด
ใบหน้าอันเย็นชาของเขามีกลิ่นไอแห่งการสังหาร ใบหน้าและมือนั้นปรากฏเส้นเลือดเขียวปูดขึ้นราวกับว่ากำลังระงับความโกรธอันมหาศาลอยู่
แม้ว่าจะนั่งอยู่บนรถเข็นแต่ท่าทางเข็นรถเข็นของเขามีความชำนาญยิ่งนัก
เมื่อเห็นเยี่ยจิ่งหานกู้ชูหน่วนรู้สึกว่าผิดปกติจึงได้ขวางอยู่ตรงหน้าเซี่ยวอวี่เซวียนในทันใด
“ผู้ที่ดึงเสื้อผ้าของเจ้าคือข้า ไม่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวเซวียนเซวียน”
“เซี่ยวอวี่เซวียน? เจ้าเรียกเขาว่าเสี่ยวเซวียนเซวียน?”
มีเพียงอาหน่วนเท่านั้นที่จะเรียกเซี่ยวอวี่เซวียน ว่าเสี่ยวเซวียนเซวียน
เหตุใดนางถึงได้เรียกเซี่ยวอวี่เซวียนว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนด้วย?
เยี่ยจิ่งหานเห็นเซี่ยวอวี่เซวียนเข้าก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้
แล้วมองดูเขาร้อนหนาวสลับแปรเปลี่ยนไปมา ตรงหัวใจทาด้วยดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เอาไว้
ชั่วขณะหนึ่งเยี่ยจิ่งหานประจักษ์บางสิ่งขึ้น
“เจ้าโง่ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีเป็นของอมตะชนิดใด เจ้าไม่มีแม้แต่การแปรกำลังก็กล้าใช้ทั้งหมดกับเขา ถึงเขาจะไม่ตายก็จะต้องถูกเจ้าทรมานจนตาย”
“ใช้ปริมาณมากเกินไปจริงหรือ?”
“ชายสวมหน้ากากเจ้าช่วยชีวิตเขาหน่อยได้หรือไม่? เพียงแค่เจ้ายอมช่วยเขาบัญชีระหว่างเราค่อยชำระกันทีหลัง เจ้าต้องการคันฉ่องเฟิ่งหวงข้าจะไปหาให้เดี๋ยวนี้”
“หึ บัญชีระหว่างเราจำต้องค่อยๆชำระกันจริงๆ”
น้ำเสียงของเยี่ยจิ่งหานเย็นชาจนทำให้คนที่ได้ยินตัวสั่นเทา
กู้ชูหน่วนขนลุกโดยไม่มีเหตุผล
นางเชื่อว่า……
บัญชีระหว่างนางกับชายสวมหน้ากากอาจจะไม่สามารถชำระกันได้ง่ายๆ
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจคือชายสวมหน้ากากได้ช่วยจัดการปรับลมหายใจที่พุ่งพล่านในร่างกายของเซี่ยวอวี่เซวียนอย่างเปิดเผยสบายๆ
กำลังภายในของเขาแกร่งกล้า ด้วยความช่วยเหลือของเขาสีหน้าของเซี่ยวอวี่เซวียนถึงได้ดีขึ้นมาก
เพียงแต่ว่าสีหน้าของเยี่ยจิ่งหานซีดเซียวลงทุกทีๆ และก็ไม่รู้ว่าเนื่องจากใช้กำลังภายในไปมากหรือเปล่า
เวลาผ่านพ้นไปสองก้านธูปเต็มเยี่ยจิ่งหานจึงจัดการได้เรียบร้อย
กู้ชูหน่วนช่วยเซี่ยวอวี่เซวียนตรวจชีพจร มั่นใจแล้วว่าเขาผ่านช่วงเวลาปลอดภัยแล้วจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เลือกเอาเองเถอะ ต้องการวิธีการตายเช่นใด” ใบหน้าอันเย็นชาของเยี่ยจิ่งหานมองดูกู้ชูหน่วนราวกับว่ากำลังดูผู้ที่สิ่นลมผู้หนึ่งอยู่
“ข้าตายไปนั้นไม่สำคัญ แต่ว่าหากข้าตายไปดวงจิตสองดวงที่อยู่ในร่างกายของข้าเกรงว่าจะถูกฝังไปกับข้าโดยที่อยู่ด้วยกันกับข้าตลอดไปโดยที่ไม่มีวันฟื้นคืนได้”
“ครึก……”
เยี่ยจิ่งหานบีบคอของกู้ชูหน่วนแล้วกล่าวคำพูดทีละคำทีละประโยคออกจากระหว่างฟันว่า “เจ้ากล้าข่มขู่ข้า”
จู่ๆก็หายใจไม่ออกทำให้สีหน้าของกู้ชูหน่วนอัดอั้นจนเขียวปรี๊ด
แต่ว่านางจ้องเขม็งไปยังเยี่ยจิ่งหานอย่างไม่เกรงกลัวโดยอาศัยดวงจิตสองดวงในร่างกายนั้นทำให้ไร้ซึ่งความกลัว
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รีบเกลี้ยกล่อมให้ปรองดองกัน
“ฟ่อๆ……ท่านสังหารนางไม่ได้ นางตายแล้วนายท่านก็ไม่มีทางกลับมาแล้ว”
คำพูดของเสี่ยวจิ่งเอ๋อร์มีเพียงกู้ชูหน่วนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจ แต่ตั้งแต่เริ่มแรกเยี่ยจิ่งหานก็ไม่รู้ว่าเหตุใดก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ต้องการสื่อสาร
แม้ว่าเจ้าเสือน้อยจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ต้องการปกป้องกู้ชูหน่วนโดยไม่ลังเลโดยแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เยี่ยจิ่งหาน
หากไม่ใช่เนื่องด้วนดวงวิญญาณขิงอาหน่วนอยู่ในร่างกายของนาง แม้ว่ามู่หน่วนจะตายเป็นหมื่นครั้งก็ไม่เพียงพอ
ทว่ากลับ……
เนื่องด้วยความเกี่ยวโยงนี้เยี่ยจิ่งหานจึงไม่สามารถสังหารกู้ชูหน่วนได้เลย
นี่คือจุดอ่อนของเขา
ส่วนกู้ชูหน่วนรู้จุดอ่อนนี้ของเขา
“ถึงข้าจะสังหารเจ้าไม่ได้แต่ข้าสามารถทำให้เจ้าอยู่ทรมานกว่าตายได้”
“ข้า……หากว่าข้าอยู่……อยู่ทรมานกว่าตายดวงจิตในร่างของข้าก็จะ……ก็จะมีชีวิตอยู่……มีชีวิตอยู่ทรมานกว่าตายด้วย”
การหายใจของกู้ชูหน่วนยิ่งอยู่ก็ยิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าทั้งหน้าได้อัดอั้นแปรเปลี่ยนเป็นเขียวอมม่วงไปเลย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปนางต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเป็นแน่
เยี่ยจิ่งหานโมโหจนเหวี่ยงนางออกไปอย่างแรง
“แคร๊ก……” เสียงหนึ่ง……
กู้ชูหน่วนกระแทกเข้ากับผนังถ้ำอย่างแรงโดยที่เจ็บจนทำให้นางสูดลมหายใจอันเย็นเข้าไป แต่ว่าจู่ๆก็สูดลมหายใจเข้าลึกทำให้นางสูดลมหายใจฟอดใหญ่เข้าแล้วก็ไอออกมาอย่างแรง
“ข้าเยี่ยจิ่งหานเกลียดการข่มขู่จากผู้อื่นเป็นที่สุดในชีวิต แม้ว่าดวงจิตทั้งสองดวงของนางจะอยู่กับเจ้า ข้าก็ยังมีวิธีที่จะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ทรมานยิ่งกว่าตาย ส่วนนาง……อยู่ดีไม่เสียหาย”
“งั้นเจ้าก็เชิญตามสบายเถอะ” กู้ชูหน่วนท่าทางไม่กลัวสิ่งใดราวกับหมูตายไม่กลัวถูกน้ำร้อนลวก
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลัวว่าเยี่ยจิ่งหานจะเกิดจิตใจคิดสังหารขึ้นมาจริงๆ ด้วยแรงกระตุ้นก็สังหารนางไปเลย
เช่นไรเยี่ยจิ่งหานก็ไม่เคยเป็นผู้ที่ใจอ่อนผู้หนึ่งมาก่อนเลย
“ตูบ……”
เยี่ยจิ่งหานไม่ได้ลงมือกับกู้ชูหน่วนก่อนแต่กลับซัดเจ้าเสือน้อยฝ่ามือหนึ่งทำให้เจ้าเสือน้อยสั่นราวกับว่าวที่เชือกขาดและบินย้อนกลับไปในที่นั้นจนแทบจะสิ้นลม
“ชู่ว์……”
ไม่รอให้เจ้าเสือน้อยหายใจด้วยความเจ็บปวดเยี่ยจิ่งหานก็ได้ใช้มือขวาดูดเจ้าเสือน้อยมาอยู่ตรงหน้าพร้อมทั้งใช้มือขวาบีบคอของเจ้าเสือน้อยเอาไว้
“ข้าจะไม่สังหารเจ้าโดยตรงแต่ข้าจะลอกหนังเสือของมันออกทีละชั้นๆ จากนั้นก็ทุบกระดูกของมันทีละชิ้นๆ รวมทั้งผู้คนทั้งบนล่างจำนวนร้อยกว่าคนของตระกูลมู่อย่าได้คิดที่จะหลบหนีไปได้แม้แต่คนเดียว”
“ไร้ยางอาย”
“นั่นก็เป็นพระคุณของเจ้า”
เยี่ยจิ่งหานด้วยใบหน้าเย็นชาได้ดึงกรงเล็บของเจ้าเสือน้อยออกทั้งชิ้นเลยโดยตรงซึ่งเจ็บปวดเสียจนเจ้าเสือน้อยร้องคร่ำครวญ กู้ชูหน่วนเห็นแล้วก็ปวดใจแทบแย่