กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 883
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 883
ที่นี่น่าจะถูกวางค่ายกลที่เป็นที่สุดแห่งยุคไม่สามารถเปรียบเทียบได้ ตอนนี้คนเหล่านั้นถึงยังไม่ได้ทะลวงโจมตีเข้ามา
แต่……
เมื่อค่ายกถูกทำให้แตก น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว
พอถูกทำลายแตก จากสภาพของนางและเซี่ยวอวี่เซวียนในเวลานี้ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
นางต้องการฟื้นฟูความแข็งแกร่งพละกำลังของนางอยู่ตลอดเวลา
ชิงเฟิงเดินไปเดินมา
“เส้นทางกลับรัฐเยี่ยได้ถูกเหวินเส่าอี๋ปิดแล้ว ต่อให้พวกเรามีขวานผานกู่ ก็ไปถึงหุบเขานั้นไม่ได้ ต้องการแยกรอยร้าวอวกาศจะต้องใช้เวลา จะทำอย่างไรดี?”
ด้านนอกห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งมากับสายลม การต่อสู้กันบนท้องฟ้ายิ่งรุนแรงเหี้ยมโหดขึ้นเรื่อยๆ
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า“ท่านอยากช่วยนายท่านของท่านหรือไม่?”
“แน่นอนว่าอยากช่วย แต่การสู้รบระดับขั้นเช่นนั้น ข้าไปก็เป็นเพียงการไปตายเท่านั้นเอง”
“การสู้รบกันของเยี่ยจิ่งหานกับเหวินเส่าอี๋ท่านช่วยไม่ได้ แต่ท่านสามารถช่วยเขาคลายกังวล”
“ท่านหมายความว่าแต่ละสำนักร่วมมือกันโจมตี? และค่ายกลที่นายท่านวางไว้จำนวนมาก คล้ายกับว่าถูกแต่ละสำนักทำลายแล้ว วันนี้เหลือเพียงชั้นสุดท้ายแล้ว ชั้นสุดท้ายยกให้เจี้ยงเสวี่ยดูแล พอถูกทำลาย เกรงว่า……”
ชิงเฟิงไม่กล้าพูดอีกต่อไปแล้ว กล่าวเพียงแค่ว่า“นายท่านห้ามไม่ให้ข้าไปไหนเลย นายท่านให้ข้าปกป้องพวกท่านอยู่ที่นี่”
“ท่านน่าจะรู้ว่าค่ายกลถูกทำลายแตก รสชาติเป็นยังไงนะ”
“ท่านจะพูดสื่ออะไร”
“ไปเอากระดาษกับพู่กันมา”
แม้ชิงเฟิงจะไม่เข้าใจว่าความจริงแล้วนางคิดจะทำอะไร และยังให้รีบไปนำพู่กันกับกระดาษมาด้วย ชิงเฟิงได้มองกู้ชูหน่วนที่ขีดเขียนวาดภาพ
“จัดวางค่ายกลตามภาพนี้ ทำอย่างรวดเร็ว หากช้าไม่ทันการณ์นะ”
ชิงเฟิงรับกระดาษมา และสั่งให้คนรับใช้จัดการตามที่กู้ชูหน่วนสั่ง
“แม่นางมู่ ท่านเคยเรียนค่ายกล?”
“น่าจะเคยนะ ”กู้ชูหน่วนเอากระดาษแผ่นใหม่มา และเขียนอย่างต่อเนื่อง
“สูญเสียความทรงจำแล้ว มีหลายอย่างที่จำไม่ได้ แต่ข้าน่าจะเข้าใจวิชาของค่ายกล”
“พระชายาของนายท่านข้าก็เก่งกาจด้านค่ายกลมาก เก่งกาจกว่านายท่านของข้าด้วยนะ”
“นี่คือแผนผังของค่ายกลที่สอง นี่คือยาสมุนไพรจีน สั่งให้คนเตรียมสัดส่วนให้พร้อม แล้วโปรยบนค่ายกลที่สอง”
ชิงเฟิงชะงักงัน
นางจะสร้างรูปแบบค่ายก็ทำสิ เหตุใดจะต้องมีสมุนไพรด้วย
“งงอะไรอยู่ รีบไปจัดการสิ”
“ได้ ทหาร รีบจัดการตามที่แม่นางมู่เขียน แม่นางมู่ ทรัพยากรที่นี่มีจำกัด ยาที่ท่านเขียนมานี้ไม่รู้ว่าจะรวบรวมได้หรือไม่”
“วางใจเถิด ข้าพักอยู่ที่นี่สิบเอ็ดวัน ที่นี่มีอะไรข้ารู้แจ่มแจ้งกว่าท่าน คนของพวกเราที่อยู่ที่นี่มีอยู่เท่าไหร่?”
“มีเพียงยี่สิบกว่าคน ที่เหลืออยู่ด้านนอกหมด”
“ยี่สิบกว่าคนค่อนข้างน้อย ทำได้เพียงพยายามแล้ว นี่คือหน้าไม้ ภาพแบบของอาวุธลับ ท่านรีบสั่งคนให้สร้างขึ้น ประดิษฐ์ในคืนนั้นเลย ยิ่งเยอะยิ่งดี”
“ขอรับ”
เพิ่งจะอธิบายทุกสิ่งลงไป คนใช้ผู้หนึ่งได้รีบมารายงานว่า
“รายงาน…..ค่ายกลชั้นสุดท้ายได้แตกแล้ว หัวหน้าเจี้ยงเสวี่ยกับเหล่าพี่น้องต่อสู้นองเลือด บาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก ยังดีที่แม่นางมู่วางค่ายกลใหม่อีกครั้ง หัวหน้าเจี้ยงเสวี่ยถอยมาอยู่บนค่ายกลของแม่นางมู่แล้ว”
“เจี้ยงเสวี่ยบาดเจ็บเพียงใด?”
“ด้านหลังถูกฟันหนึ่งแผล บาดแผลลึกฉกรรจ์ จำเป็นต้องพักผ่อนรักษาบาดแผล แต่ไม่มีอันตรายแก่ชีวิต”
นัยน์ตาของชิงเฟิงมีความกังวลร้อนใจที่ปกปิดไม่มิด
หากนายท่านไม่สั่งให้เขาปกป้องดูแลพวกเขาสองคน เขาออกไปช่วยตั้งนานแล้ว
ค่ายกลของนายท่านเก่งกาจ เขาสิ้นเปลืองเวลาหลายวัน วางค่ายกลอย่างยากลำบาก ไม่นานก็ถูกทำลายแล้ว ค่ายกลของแม่นางมู่จะสามารถค้ำจุนได้นานแค่ไหนกัน
อยู่ดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง พวกเขาไม่คุ้นชินสถานที่เลย
คนม้าที่พามาทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว
การสู้รบนี้หากว่าพ่ายแพ้ ก็จะไม่มีใครมาสนับสนุนพวกเขา
“รองหัวหน้าชิงเฟิง ค่ายกลของแม่นางมู่เก่งกาจมาก แต่ละสำนักส่งคนมาทำลาย ล้วนไม่สามารถทำลายได้ แม้แต่ผู้อาวุโสแต่ละคนของสี่ตระกูลใหญ่ออกมา ก็ยังไม่มีใครทำลายได้เลย”คนที่มารายงานกล่าวด้วยความดีใจ
พวกเขานึกว่าค่ายกลถูกทำลายแตก ทุกคนล้วนเยือกเย็นแข็งทื่อ
คิดไม่ถึงว่ายังมีฉากกำบังหนึ่งปกป้องพวกเขาอยู่
“แม่นางมู่ ค่ายกลของท่านสามารถค้ำจุนได้นานแค่ไหน?”
ฝนตกหนักลงมาอย่างรวดเร็ว และใครก็ตามที่รู้จักเหวินเส่าอี๋ จะรู้ว่าเมื่อฝนตกลงมาอย่างหนักจะทำให้เขามีพลังมากขึ้นเหมือนเสือติดปีก และเกรงว่านายท่านของตนเองจะอยู่สถานการณ์ที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
เพียงแต่นายท่านมีวิธี ล้วนไม่มีทางให้เมฆดำนั้นล่วงเป็นหยาดฝนลงมาหรอก
เพราะนั่นไม่ใช่ของจริง
แต่เป็นการใช้กำลังภายในของเหวินเส่าอี๋ทำให้ออกมา
กู้ชูหน่วนกล่าวขึ้นว่า“ต้องดูว่าระหว่างพวกเขามียอดฝีมือทะลายค่ายกลหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็น่าจะสามารถรองรับได้เจ็ดวัน ถ้ามีก็จะสามารถอยู่ได้อย่างมากไม่เกินสามวัน และดูจากการที่พวกเขาทะลายคลายค่ายกลของเยี่ยจิ่งหาน ชัดเจนว่าพวกเขามีปรมาจารย์ทะลายค่ายที่ฝีมือดี อีกทั้งมีมากกว่าหนึ่ง”
สามวัน…..สามวันก็ถือว่าค้ำจุนได้เป็นเวลานานแล้ว ถึงอย่างไรเวลาจัดวางของค่ายกลก็น้อย
ค่ายกลของนายท่านก็ทำถ่วงเวลาพวกเขาไปสิบวันเท่านั้นเอง
สามวันนี้ลำบากมาก
กู้ชูหน่วนหลับตาแน่น พยายามบังคับให้ตนเองพักผ่อน เพื่อฟื้นตัวในระยะเวลาอันสั้นนี้
แต่ตอนที่นางหลับตาก็ได้เห็นภาพฉากที่ตระกูลมู่ตาย โดยเฉพาะท่านพ่อของนางกับผู้นำตระกูลมู่
ความโกรธแค้นแบบไหนกันถึงได้ใช้แผนการที่เหี้ยมโหดสังหารคนที่มีชีวิตอยู่ตายดิ้นเช่นนี้
เลือดเนื้อทั้งร่างกายถูกคมกริชตัดฟาด เหลือเพียงชิ้นส่วน มันเจ็บแค่ไหนกันระหว่างนั้น สุดท้ายได้ตายจาก แม้แต่ร่างกายทั้งหมดก็ไม่ให้ คืนหัวตัดขาดแล้ว
และยังมีท่านพ่อของนาง ที่กระดูกทั้งร่างกายถูกทำให้หัก….
นอนก็นอนไม่หลับ กู้ชูหน่วนเลยวาดภาพอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นให้ชิงเฟิงสั่งคนไปหาวัสดุในภาพมา ยิ่งเยอะยิ่งดี ตนเองมุมานะตั้งใจทำเอง
ผ่านไปวันแล้ววันเล่า
เยี่ยจิ่งหานยังไม่กลับมา
ระยะห่างยาวไกล พวกเขาก็ไม่รู้สถานการณ์การสู้รบของนายท่านกับเหวินเส่าอี๋เป็นอย่างไรบ้าง
บางครั้งจะได้ยินเพียงเสียงดังขึ้น
ตามที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ วันที่สามค่ายกลได้แตกออกแล้ว
“แม่นางมู่ ค่ายกลที่สองของท่านสามารถค้ำจุนได้กี่วัน”
“มากสุดห้าวัน”
“เช่นนั้นชั้นที่สามล่ะ?”
“ไม่รู้ อาจจะครึ่งวัน หรือหนึ่งวัน หรือหลายวัน ชั้นที่สามไม่มีค่ายกล ทำได้เพียงสู้พยายามสุดกำลังแล้วนะ”
ทุกคนสีหน้าซีดเผือด
เวลานี้เท่ากับค่ายกลที่สองแตกแล้ว พวกเขาทำได้เพียงพยายามสุดความสามารถแล้ว?
“เยี่ยจิ่งหานออกไปนานเท่าไหร่แล้ว?”
“สี่วัน”
“สี่วันแล้วยังไม่รู้แพ้ชนะหรือ?”กู้ชูหน่วนบ่นพึมพำ
ทันใดนั้น การสู้รบบนปลายท้องฟ้าสิ้นสุดแล้ว ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ
ใจของพวกเขาก็หดมาถึงลำคอ
ชิงเฟิงกล่าวอย่างร้อนใจว่า“รีบไปตรวจสอบดูว่านายท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“รองหัวหน้า พวกเราออกไปไม่ได้ เมื่อออกไป ค่ายกลของแม่นางมู่ก็แตกแล้ว”
“……”
“กลิ่นอะไร เหตุใดถึงได้เหม็นขนาดนี้”ชิงเฟิงปิดปากกล่าวขึ้น
ด้านนอก มีคนรับใช้คนหนึ่งรีบวิ่งมารายงาน
“นายท่าน ค่ายกลที่สองของแม่นางมู่คือค่ายซ้อนค่าย พวกเขานึกว่าค่ายแตกแล้ว ผลสรุปภายในค่ายกลมียาพิษ ยาพิษอย่างนั้นไม่มีทางทำคนตาย แต่ทว่ากลับสามารถทำให้คนท้องเสียไม่หยุด คนของสำนักใหญ่แต่ละสำนักกำลังท้องเสียอยู่”
ประโยคหนึ่งกล่าวออกมา ทุกคนต่างทยอยอึ้งมึนงง
ยังมียาประเภทนี้
ยังมีค่ายกลประเภทนี้?
เปิดหูเปิดตาเป็นประสบการณ์อย่างแท้จริง
ไม่เพียงแค่ชิงเฟิงที่เคารพนับถือกู้ชูหน่วนขึ้นมา
เหล่าทหารอารักขาก็พากันแสดงแววตาที่เคารพเช่นกัน