กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 891
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 891
ฝูกวงหลับตาลง กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า“รีบปล่อยเขาไป กระหม่อมถึงจะรับปากกับพระองค์ ไม่อย่างนั้นกระหม่อมยอมจบชีวิตตนเองดีกว่า”
“ปล่อยเขาไปก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ข้ายังไม่ถึงอกถึงใจ รอข้าเล่นเบื่อแล้ว ข้าจะปล่อยพวกเจ้าสองคนไปแน่นอน”
“ทำไมกระหม่อมจะต้องเชื่อคนอย่างพระองค์ด้วย”
“เจ้าเลือกได้แค่เชื่อ”
“อย่า….อย่ารับปากนะ…..”ในที่สุดแววตาที่เย็นชาของลั่วอิ่งก็มีความร้อนใจขึ้นมา
จักรพรรดินีลูบสัมผัสใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา จากนั้นยิ้มและกล่าวว่า“เด็กโง่ ข้าไม่เลือกที่รักมักที่ชังหรอก มีเขาแล้ว ข้ายังคงโปรดปรานเจ้าเช่นเดิม”
องค์จักรพรรดินีกวักมือ ขันทีรู้กันทันที จากนั้นใช้สายตาให้กู้ชูหน่วนนำยาขึ้นมาถวาย
กู้ชูหน่วนเดินมาข้างหน้า ทำความเคารพจักรพรรดินีแล้วถวายยาให้
ตอนที่เข้าใกล้องค์จักรพรรดินี กู้ชูหน่วนรู้สึกว่าวิงเวียนศรีษะครู่หนึ่ง ตัวสั่นคลอนโยกเยกเล็กน้อย แม้แต่สติสัมปชัญญะยังกระเจิงไปพักหนึ่ง
ช่วงที่สะลึมสะลือเลือนราง นางรู้สึกว่ามือแข็งทื่อของจักรพรรดินีเอื้อมมาหยิบขวดยา แววตาอันชั่วร้ายจ้องมองนางอย่างคลุมเครือ
แม้ไม่ได้มองตานาง แต่กู้ชูหน่วนสัมผัสได้อย่างไม่มีมูลเหตุ ว่าหญิงผู้นี้อันตรายมาก และสายตาโหดเหี้ยม
แต่ความรู้สึกนี้หายไปอย่างรวดเร็ว เร็วราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น
“เงยหน้าขึ้นสิ”
องค์จักรพรรดินีหยิบขวดยามา แล้วดมดู พร้อมกับตรัสสั่งกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นอย่างนอบน้อมถ่อมตน เผยให้เห็นใบหน้าที่ธรรมดาของตนเอง
ใบหน้านี้ธรรมดา อยู่ในกลุ่มคนก็ไม่ง่ายที่จะถูกพบเจอ
“หน้าตาธรรมดา แต่ว่าดวงตาคู่นี้ของเจ้าปราดเปรียวอย่างมาก”
องค์จักรพรรดินีกล่าวอย่างราบเรียบ กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าที่นางพูดนี้หมายความว่ายังไง ทำได้เพียงแกล้งทำตัวระมัดระวังหวาดกลัวตัวสั่นระริก
ขันทีที่อยู่อีกด้านบ่นพึมพำอยู่ในใจว่า
เป็นเพียงแค่นางกำนัลคนหนึ่งเท่านั้นเอง เหตุใดวันนี้ฝ่าบาทถึงได้สั่งให้นางเงยหน้าล่ะ?
หรือว่านางกำนัลผู้นี้มีอะไรที่โดดเด่น?
ยังไม่หายสงสัยเลย
องค์จักรพรรดินีก็ได้ละจากกู้ชูหน่วนแล้ว นางเทยาอายุวัฒนะด้วยความเพลิดเพลิน จากนั้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าฝูกวง ยิ้มพริ้มพรายกล่าวขึ้นว่า“เด็กดี กินยาเสีย ข้ารับรองจะทำให้เจ้ามีความสุข”
ประโยคที่จักรพรรดินีพูดเมื่อครู่นี้
อย่างไรก็ตามทำให้กู้ชูหน่วนมีความรู้สึกว่ามันแปลก
ส่วนว่าแปลกตรงไหน นางก็พูดไม่ถูก
ฝูกวงเบิกตาโพลง กัดฟันแน่นกล่าวว่า“หากพระองค์ไม่ปล่อยเขา อย่างมากชีวิตของพวกข้าสองคนก็ตายที่นี่ อย่างไรก็ดีกว่า อนาคตพระองค์จะมาเสียใจภายหลัง”
“หากว่าก่อนวันนี้ ข้าอาจจะยังเชื่อว่าเจ้าจะยอมตายดีกว่ายอมจำนน แต่….คนที่อยู่ในหอดาบนั่นล่ะพวกเจ้าก็จะไม่สนใจหรือ?”
พอได้ยินอย่างนั้น
ฝูกวงตัวแข็งทื่อ
ลมหายใจของลั่วอิ่งก็กระเพื่อมขึ้นเร็วเล็กน้อย
ต่อให้พวกเขาเก็บอารมณ์ได้ดียังไง ก็ถูกองค์จักรพรรดินีสัมผัสได้
“ชายผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับพวกเจ้าจริงๆ อีกทั้งมีความสัมพันธ์อันดีที่ไม่ธรรมดา”
“กระหม่อมไม่รู้ว่าพระองค์กำลังพูดอะไร”ฝูกวงตอบปฏิเสธอย่างไม่คิด
“ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่พวกเจ้าสองคนต้องรู้ว่า หากพวกเจ้าสองคนตายแล้ว เขาก็ต้องถูกฝังไปพร้อมกับพวกเจ้า”
“ทรราช พระองค์นี่ทรราชจริงๆ….”
“เสี่ยวฝูกวง เจ้าน่ารักเสียจริง แม้แต่ด่าคนยังใช้แค่คำนี้ ทำอย่างไรดี ข้าชอบที่เจ้าเรียกข้าว่าทรราช เมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าถึงสามารถรุนแรงกับเจ้าได้บ้าง”
“ไร้ยางอาย”
“มา อ้าปากขึ้น กินยาเข้าไปอย่างว่าง่าย ข้าจะทะนุถนอมโปรดปรานเจ้า”
“ปล่อยเขานะ……”ลั่วอิ่งดิ้นรนร้องตะโกน
เพราะว่าดิ้นรนบาดแผลที่อยู่บนร่างกายของลั่วอิ่งเลยปริออก เลือดสดไหลหยดย้อยลงมา
ตอนที่จักรพรรดินีบังคับฝูกวงกินยา ด้านนอกได้มีขันทีผู้หนึ่งสีหน้ากังวลใจเข้ามากราบทูลอย่างรีบร้อน
“ฝ่า…..ฝ่าบาท คุณชายที่กักขังไว้ในหอดาบ….จะไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ซือ…..
บรรยากาศอึมครึมขึ้นมา
ขันทีหนุ่มตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม
ส่วนคนอื่นทยอยก้มศีรษะลง แม้แต่หายใจแรงๆยังไม่กล้า เพราะเกรงว่าจักรพรรดินีจะลงโทษ มอบความตายแก่พวกเขา
“เมื่อวานไม่ใช่บอกว่าฟื้นตัวได้มากแล้วหรือ?”
“หมอ….หมอหลวงบอกว่าเมื่อวานอาจจะเป็นสีหน้ากลับดูสดใสขึ้นก่อนที่จะตายพ่ะย่ะค่ะ”
“ลากออกไป ฟันทิ้ง”
“ฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะๆ”
องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกมาลากขันทีออกไปอย่างชำนาญ ไม่สนใจการร้องขอความเมตตาของขันทีเลย ราวกับว่าเรื่องราวเช่นนี้ พวกเขาทำอยู่ทุกวัน คุ้นชินกันตั้งนานแล้ว
“เรียกหมอหลวงทั้งหมดของสำนักหมอหลวงมาที่หอดาบ หากเขาตาย หมอของสำนักหมอหลวงทั้งหมดจะต้องถูกฝังไปพร้อมกันกับเขา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าคนรับใช้พากันออกไปอย่างระมัดระวัง
ชายหน้าตาดีที่วังหลังมีมากมาย คล้ายดั่งว่าฝ่าบาทจะโปรดปรานคุณชายที่หอดาบผู้นั้นเป็นอย่างมาก
คุณชายผู้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ลมหายใจโรยราอ่อนแอร่อแร่แล้ว
หมอหลวงล้วนบอกว่ายากที่จะช่วยให้มีชีวิตรอด แต่ฝ่าบาทไม่ยอมเชื่อ จึงดึงเขากลับมาจากประตูนรกและไปเยี่ยมเขาทุกวัน
พวกเขาไม่กล้าคิดจินตนาการ หากคุณชายผู้นั้นไม่ไหวแล้วจริงๆ เลือดของสำนักหมอหลวงจะต้องไหลอาบกลายเป็นแม่น้ำเลยหรือไม่
ความสนุกขององค์จักรพรรดินีถูกทำลายแล้ว
มองเห็นความหล่อเหลาของลั่วอิ่งกับฝูกวงแล้ว ความตื่นเต้นและสนใจก็ไม่มีสักนิด มันมลายจางหายหมดสิ้น
นางกล่าวขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจว่า“รักษาดีๆๆ หากพวกเขาสองคนเป็นอะไรไป ข้าจะทำให้พวกเจ้าอยากตายก็ตายไม่ได้ อยากมีชีวิตอยู่ก็อยู่ไม่ได้ ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้า อยู่ดูแลพวกเขาสองคน”
องค์จักรพรรดินีชี้นิ้วไปทางกู้ชูหน่วน จากนั้นสาวเท้าก้าวออกไป
พอองค์จักรพรรดินีไปแล้ว ภายในห้องบรรทมเงียบสงบลง
กู้ชูหน่วนรีบวางฝูกวงลง แล้วประคองเขาไปนั่งเก้าอี้
การเคลื่อนไหวเล็กน้อย คล้ายกับว่าฝูกวงหมดกำลังทั้งร่างกาย
เจ็บ
เจ็บมาก
มันเจ็บจนเขาไม่มีแรงที่จะกล่าวพูดออกมาเลย
แต่เขาไม่สามารถสนใจความเจ็บปวดบนร่างกายได้ เขากำแขนเสื้อของกู้ชูหน่วนไว้แน่น และกล่าวถามขึ้นว่า“คนที่อยู่หอดาบบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นเชียวหรือ?”
กู้ชูหน่วนดึงแขนเสื้อกลับ ก็ไม่สามารถดึงแขนเสื้อตนเองได้ เลยปล่อยให้เขาดึง
“ไม่รู้ ข้าไม่ได้ไปที่หอดาบ เจ้ารู้ว่าคนที่อยู่ในหอดาบเป็นใครใช่ไหม?”
ฝูกวงปล่อยมือออก ใบหน้าอันซีดเผือดเหนื่อยล้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“ปึก….”
ฝูกวงใช้มือค้ำร่างกาย อยากจะออกจากห้องบรรทมไปที่หอดาบ แต่น่าเสียดายแม้แต่ยืนเขายังยืนไม่ไหวเลย
หากไม่ใช่กู้ชูหน่วนประคองไว เกรงว่าเขาล้มไปนานแล้ว
“เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส หากว่าเจ้ายังเคลื่อนไหวอยู่ คนที่หอดาบไม่ตาย เจ้าก็ตายก่อนแล้ว”
“เจ้าเป็นใคร?”
เวลานี้ฝูกวงถึงได้ดึงความสนใจมาที่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อครู่นี้แววตาท่าทางของนางอ่อนน้อมเจียมตัวมาก
แต่ทว่าตอนนี้สายตากลับลึกซึ้ง ไม่ย่อท้อไม่ยอมศิโรราบ ในดวงตาขาวดำมีพลังเฉียบแหลมอย่างชัดเจน
สวยเหมือนกับดวงตานายท่านของเขาเลย
“ข้าเป็นเพียงนางกำนัลผู้หนึ่งเท่านั้นเอง วางใจเถอะ ดูท่าทางเมื่อครู่ขององค์จักรพรรดินีแล้ว น่าจะไม่อยากให้เขาตาย เขาปลอดภัยกว่าพวกเจ้าอยู่แล้ว”
กู้ชูหน่วนเดินมาถึงข้างเตียง หลังจากค้นไปรอบๆ เตียงก็หากลไกเจอ
เสียงกดแกร็กกลไกดัง กุญแจมือทั้งหมดบนมือของลั่วอิ่งก็เปิดออกโดยทันที
พอเป็นอิสระ ลั่วอิ่งดึงผ้าห่ม แล้วขดร่างกายเข้าไป ดวงตาที่แสนเยือกเย็นคู่นั้นมีความเศร้าสร้อยแฝงอยู่ด้วย
บนร่างกายของเขามีหลายจุดที่มีเลือดไหลออกมา กู้ชูหน่วนเลยช่วยเขาห้ามเลือดก่อน ยังไม่ได้สัมผัสโดนลั่วอิ่ง ลั่วอิ่งก็ทำราวกับตกใจ ถอยร่นไปทางด้านหลัง
“วางใจเถิด ข้าไม่มีทางทำอะไรเจ้าหรอก”