กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 901
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 901
ดาบแปดเล่มนั้นเป็นเพียงหน้าฉาก ดาบที่แท้จริงคือกู้ชูหน่วน
ดาบและนางรวบรวมเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นความเฉียบแหลม พุ่งทะยานมาทางทรวงอกของเขา
หากไม่ใช่เพราะไป๋หลี่เฉิงตอบสนองได้ดี เกรงว่าดาบเล่มนี้ทลวงอกเขาไปแล้วล่ะ
เขาตอบโต้กลับ โดยฝ่ามือสะบัดออกไป แม้ว่าจะทำให้ดาบเล่มนั้นสะบัดออกแล้ว แต่ก็ทิ่มที่หน้าอกของเขา
เลือดสีแดงสดไหลหยดออกมา มันเจ็บจนเขาต้องขมวดคิ้วเป็นปม
ไป๋หลี่เฉิงจ้องเขม็งใส่กู้ชูหน่วน
“เจ้าเด็กน้อย นานมากแล้วที่ไม่มีใครทำให้ข้าบาดเจ็บได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลของการทำร้ายข้าทำให้ข้ามีเลือดออกจะต้องจ่ายด้วยอะไร?”
กู้ชูหน่วนเช็ดเลือดบริเวณริมฝีปาก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
“ทำร้ายเจ้าหรือ?วันนี้ข้าต้องการสังหารเจ้า”
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านปกคลุม
ไม่ว่าจะเป็นกู้ชูหน่วนหรือว่าไป๋หลี่เฉิง ทั้งสองต่างมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมา และอยากทำให้ฝ่ายตรงข้ามตายแดดิ้น
ไม่รู้ว่าผู้ใดลงมือก่อน ใบไม้ในป่าไผ่โบกสะบัดพริ้วไหวแกว่งไกว และไผ่ถูกถอนรากถอนโคนกลายเป็นเสาไม้ไผ่ วางเป็นชั้นกลายเป็นค่ายกล
“ตู้ม……”
พื้นดินสั่นสะเทือน
ท้องฟ้าเปลี่ยนสี
นกและสัตว์ร้ายในป่าไผ่ต่างทยอยพากันเผ่นหนี เกรงว่าช้าแม้แต่ก้าวเดียวจะทำให้ต้องตายอยู่ที่นี่
เหนือท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งของป่าไผ่
ชายผู้หนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนหยก ท่าทางสง่างาม มองดูการต่อสู้เบื้องล่างด้วยความเรียบเฉย ใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ออกมาเลย
ชายแต่งกายด้วยชุดขาว ลมไผ่พัดผ่าน เส้นผมสีดำปลิวไสว
ชุดสีขาว ผมสีดำ ป่าไผ่ สามสิ่งรวมเป็นหนึ่ง งดงามราวกับภาพม้วนทิวทัศน์ธรรมชาติ
ชายคนนั้นสวมหน้ากากผีเสื้อ และด้านหลังของเขามีองครักษ์ผู้หนึ่งยืนเขย่งเท้าอยู่ และเหยียบใบไผ่ยืนอยู่ในอากาศเช่นเดียวกัน เขาคอยอยู่ข้างกายเหวินเส่าอี๋ เขาได้กล่าวขึ้นด้วยความเคารพว่า
“นายท่าน สี่ตระกูลใหญ่นอกเหนือจากซั่งกวนหมิงหลางกับหนิงเทียนโย่วแล้ว คนที่ได้ถูกองค์จักรพรรดินีเรียกเข้าวัง ทุกคนตายหมด ไม่มีคนหนีรอดได้”
“พวกเรา….ลูกศิษย์ตระกูลเหวินของพวกเราจำนวนหนึ่งก็ด้วย โชคดีที่นายท่านเตรียมการไว้ล่วงหน้า มีลูกศิษย์น้อยมากที่เข้าร่วมการชุมนุมควบคุมสัตว์ร้ายในวันนั้น ดังนั้นตระกูลเหวินที่ถูกเลือกมีเพียงสองคน”
“ตรวจสอบวิธีตายของพวกเขาชัดเจนหรือยัง?”
อาลั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงอึมครึมว่า“ตรวจสอบชัดเจนแล้ว เหมือนกับที่นายท่านคาดการณ์ไว้ ถูกดูดเลือดกับมันสมองจนตาย หลังจากที่พวกเขาตาย ภายในสองชั่วยาม ศพ…..แบ่งออกเป็นส่วน ดังนั้นองค์จักรพรรดินีเลยให้คนนำศพพวกเขาเผาไฟ ไม่เหลือซาก”
อาลั่วสีหน้าดูไม่ได้เลย
จักรพรรดินีที่สง่าผ่าเผย คิดไม่ถึงว่ากลอุบายจะเหี้ยมโหดเช่นนี้ ไม่เห็นแก่ชีวิตคนเลย
นายท่านกับจักรพรรดินียังมีการหมั้นหมายกันด้วย
การหมั้นหมายนี้เริ่มตั้งแต่นายท่านเกิดมาแล้ว
อีกทั้งการขึ้นตำแหน่งผู้นำตระกูลเหวิน เงื่อนไขของการควบคุมดูแลตระกูลเหวินและกองกำลังของเผ่าเพลิงฟ้าทั้งหมด ก็คือเกี่ยวดองแต่งงานกับจักรพรรดินี
จักรพรรดินีเหี้ยมโหดเช่นนี้ หากนายท่านแต่งงานไป จะมีความสุขและวันเวลาดีๆที่ไหนกัน
“เรื่องนี้ นอกจากพวกเราแล้ว ยังมีคนอื่นรู้ไหม?”
“ไม่มีใครรู้ จักรพรรดินีทำอย่างซ่อนเร้น แม้แต่สามตระกูลยังไม่รู้เลย พวกเขาขอเข้าพบองค์จักรพรรดิรีองค์จักรพรรดินีไม่ได้เรียก เรียกเพียงแค่ไป๋หลี่เฉิงคนเดียว”
เหวินเส่าอี๋ครุ่นคิด
เรียกเพียงไป๋หลี่เฉิงผู้เดียวหรือ?
ด้านในนี้….ราวกับมีการเคลื่อนไหวอะไร
หากองค์จักรพรรดินีไว้หน้าไป๋หลี่เฉิง ก็ไม่มีทางเรียกลูกศิษย์ของตระกูลไป๋หลี่เข้าวังหรอก
จักรพรรดินีดูดเลือดกับมันสมองของพวกเขาเพื่ออะไร?
นางเป็นจักรพรรดินีแล้ว พลิกมือให้เมฆบังฝนได้ มีลูกน้องเก่งกาจมากมาย มีอะไรที่นางยังไม่ได้มาครอบครอง?
เขาไม่เชื่อหรอกว่านี่เป็นเพียงความชอบขององค์จักรพรรดินี
นึกถึงการหมั้นหมายของตนเองกับนาง ตลอดจนการเร่งรัดของผู้อาวุโสในเผ่า
เหวินเส่าอี๋ก็หงุดหงิดใจอย่างมาก
“เยี่ยจิ่งหานละ มีตำแหน่งที่อยู่ข่าวคราวไหม?”
“รายงานนายท่าน ตอนนี้ยังไม่มีจุดตำแหน่งของเยี่ยจิ่งหาน ลูกน้องของเยี่ยจิ่งหานก็กำลังตามหาเขาอยู่”
อาลั่วลังเลใจอยู่สักพักหนึ่ง ถึงได้กล่าวขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าองค์จักรพรรดินีกักขังชายรูปงามที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไว้ที่หอดาบ ข้าน้อยสืบอยู่หลายคราก็ไม่สามารถสืบได้ หอดาบมีอารักขาแน่นหนา นอกจากจักรพรรดินีจะมีคำสั่ง ไม่อย่างนั้นคนอื่นก็ห้ามเข้า”
“แต่…..มู่หน่วนปลอมตัวเป็นชาย กลายเป็นหมอจิน เอาประกาศข่าวคราวของฝ่าบาทลงมา เคยเข้าหอดาบ รักษาคนที่อยู่ในหอดาบ เพียงแค่จับมู่หน่วน ก็จะเอาคำตอบจากปากนางมาได้แล้วว่าคนที่อยู่ในหอดาบคือเยี่ยจิ่งหานหรือไม่ นายท่านต้องการให้ข้าน้อยจับมู่หน่วนมาหรือไม่?”
เหวินเส่าอี๋มองไปทางทิศตะวันออกแล้วส่ายศีรษะ
อาลั่วมองไปตามทิศทางที่เขามอง ด้านนั้นไม่มีสิ่งใดเลย และไม่มีวรยุทธ์ใดเคลื่อนไหว แต่นายท่านมองไปทางนั้นตลอด
หรือว่า….
จักรพรรดินีส่งยอดฝีมือซุ่มดูมู่หน่วนอยู่ลับๆ?
อาลั่วยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าใช่
“ตู้มๆๆๆ….”
“ฟู่ว์….”
ด้านล่างของป่าไผ่รกร้าง สุดท้ายก็มีต้นไผ่ที่ตัดเป็นท่อนๆ และมีใบไผ่อยู่ทุกที่
ไป๋หลี่เฉิงถูกกู้ชูหน่วนทำบาดเจ็บ บนร่างกายได้รับบาดเจ็บจากมีดหลายเล่ม จนใบหน้ากลายเป็นสีดำอึมครึม
พอมองไปทางกู้ชูหน่วน นางบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่า เหงื่อและเลือดเต็มศีรษะไหลมากองกัน หากไม่อาศัยดาบอ่อน เกรงว่านางจะต้องล้มนานแล้ว
“เจ้าเด็กน้อย ข้ามองเจ้าผิดคาดไป ไม่ว่าเจ้าจะปากแข็งแค่ไหน วันนี้ข้าล้วนต้องการงัดปากของเจ้าให้เปิดออก”
เคียวจัดวางเป็นม่านอาคม ครอบคลุมกู้ชูหน่วนไว้
ภายใต้ม่านอาคม สิ่งมีชีวิตทั้งหมดสลายอย่างไวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
อาลั่วเห็นแล้วยังเหงื่อแตกแทนกู้ชูหน่วนเลย
เมื่อถูกม่านอาคมครอบคลุมไว้ นางจะมีชีวิตรอดได้ที่ไหนกัน
ไป๋หลี่เฉิงใช้กลอุบายนี้ คิดว่าคงโมโหจนถึงสุดขีดแล้ว
ก็จริง เขาเป็นถึงผู้อาวุโสตระกูล ต่อสู้มาตั้งนานแต่ไร้หนทางที่จะยึดกุมระดับสามอันจิ๊บจ๊อย
จนกระทั่งถูกนางทำร้ายมาสาหัส
เรื่องนี้แพร่ออกไป เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
โดยเฉพาะหลานของเขาที่ถูกจักรพรรดินีสังหาร ความโกรธแค้นในใจมากล้นจนหาที่ระบายออกไม่ได้
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ พยายามฝืนความเจ็บปวด จากนั้นยกดาบอ่อนขึ้น แทนที่จะถอย แต่นางเดินหน้า ระเบิดพลังอันทรงพลัง ดิ้นรนเพื่อฟันม่านอาคมนั่น
“ปึก…..”
ม่านอาคมขนาดใหญ่ของไป๋หลี่เฉิง คิดไม่ถึงว่ามันจะถูกนางทำแตกแล้ว
เขากระอักเลือดออกมา และตัวสั่นเทิ้ม
หากเขาไม่แฉลบหลบ ดาบอ่อนของกู้ชูหน่วนคงทะลวงเข้าที่หน้าอกของเขาแล้ว
เป็นเช่นนี้แล้ว กู้ชูหน่วนยังคงสาวเท้าเข้าหา เดินหมากอย่างเหี้ยมโหด ไม่เว้นช่องว่างให้เลย
“พละกำลังอันแข็งแกร่ง การเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว พละกำลังเช่นนี้ไม่ใช่ผู้ที่เป็นระดับสามเริ่มต้นอย่างแน่นอน อย่างน้อยต้องได้ระดับสี่ เจ้าจงใจปิดปังความสามารถที่แท้จริงหรือ?ไม่สิ เจ้าเป็นเพียงระดับสาม แต่เหตุใดถึงได้มีพละกำลังมหาศาลเยี่ยงนี้ได้”
“ฟิ้ว….”
กู้ชูหน่วนทะลวงดาบอ่อนไป
ครั้งนี้ดาบอ่อนแทงบริเวณขาขวาของไป๋หลี่เฉิง เขาเจ็บจนยืนไม่มั่นคง
“ฟิ้ว….”
ดาบจำนวนหนึ่งพุ่งไปอีกครั้ง
ไป๋หลี่เฉิงแฉลบหลบไม่ทัน ถูกแทงบาดเจ็บ
โชคดีที่เขาหลีกเลี่ยงจุดที่เสียชีวิตได้
“มันน่าโมโหนัก วันนี้หากไม่สังหารเจ้า มันก็ยากนักที่จะขจัดความเกลียดชังที่ใจข้าได้”
ไป๋หลี่เฉิงรวบรวมพลังภายในทั้งหมด ลำตัวทยานขึ้น
กู้ชูหน่วนยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเขา และอยู่บริเวณขาใหญ่ของเขา
เวลานี้ไป๋หลี่เฉิงเหมือนคนตัวใหญ่ เพียงแค่เขายกเท้าก็สามารถเหยียบกู้ชูหน่วนตายได้
บนตัวของเขาแผ่ซ่านพลานุพาพออกมาอย่างมากมายมหาศาลและมันมากกว่าก่อนหน้าด้วย
อาลั่วอยู่ห่างไกลจากเขามาก แต่เขาถูกกดดันจนอดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน