กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 924
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 924
กู้ชูหน่วนทั้งกระโดด ทั้งใช้ดาบฟัน และบางครั้งก็แทบร่ายรำ การเคลื่อนไหวของนางนั้นราวกับเมฆที่ไหลและน้ำที่ไหล
เส้นใยแมงมุมพิษนั้นช่างทรงพลังโหดร้ายเหลือเกิน ทำให้กู้ชูหน่วนตกอยู่ในอันตรายแทบทุกครั้ง แต่นางก็รอดมาได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่โมโหมาก
มีคนคอยจ้องมองมากมายเช่นนี้ แต่กระบวนท่ามากมายของเขา กลับไม่สามารถทำอะไรกู้ชูหน่วนได้เลยแม้แต่นิดเดียว ช่างเป็นเรื่องน่าอับอายเหลือเกิน
ไม่ว่าเขาจะเพิ่มกำลังภายในมากเพียงใด พละกำลังของกู้ชูหน่วนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องเช่นกัน
แม้กระทั่ง เขารู้สึกถึงความผิดปกติ เหมือนกับเขากำลังเป็นคู่ฝึกซ้อมให้กับกู้ชูหน่วนโดยเฉพาะ
เพราะยิ่งต่อสู้กันไป พละกำลังของนางก็ยิ่งเพิ่มและพัฒนาขึ้น อีกทั้งกระบวนท่าของนางจากที่ยังอ่อนหัด สุดท้ายก็ใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วเชี่ยวชาญ
มีชีวิตมาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอกับคนที่แปลกประหลาดมากเช่นนี้
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ตกตะลึง
คนอื่นๆ ก็ยิ่งตกตะลึง
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุยังน้อยนิดคนหนึ่ง กลับสามารถต่อสู้กับหนึ่งในผู้นำของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ได้หลายกระบวนท่ามากมายเช่นนี้ โดยไม่พ่ายแพ้
เรื่องนี้หากพูดออกไป เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อหรอกกระมัง
ท่านผู้เฒ่าหนิงกล่าวพึมพำ “เด็กผู้หญิงคนนี้ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่านางช่างเหมือนผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินนะ?”
เสียงของเขาเบามาก แต่ผู้นำตระกูลซั่งกวนและเหวินเส่าอี๋กลับได้ยินอย่างชัดเจน
ผู้นำตระกูลซั่งกวนมองออกไปอย่างระมัดระวัง ผู้หญิงคนนี้มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ไม่เหมือนกับมู่หน่วน แต่รูปร่างและการกระทำของนางกลับเหมือนกับนางไม่มีผิด
หรือว่าพวกนางสองคนเป็นคนเดียวกันจริงๆ ?
คนของตระกูลไป๋หลี่เฝ้าจับจ้องไปยังผู้นำของตระกูลตัวเองที่ยังคงไม่สามารถจัดการผู้หญิงคนนั้นได้ จากนั้นจึงคิดจัดการอาม่อ
ผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลี่ตะโกนออกมา “ฆ่าเจ้าปีศาจร้ายนั่นเสียก่อน เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นอันตรายต่อโลกใบนี้”
เขาพูดพลาง และทำการรวบรวมกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือ จากนั้นปล่อยพลังฝ่ามือที่แข็งแกร่งออกไปที่อาม่อ
กู้ชูหน่วนหรี่ตาลง
พลังของการรวบรวมกำลังภายในก้อนนี้มีความโหดร้ายมากเพียงใด นางสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนแม้อยู่ไกลออกไป
อย่าว่าแต่อาม่อที่ไม่รู้วิชาการป้องกันตัวเลย
ต่อให้เป็นนาง เพียงแค่ถูกพลังฝ่ามือนั้นเข้าไป เช่นนั้นก็คงต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัยอย่างแน่นอน
นางคิดอยากจะปลีกตัวออกไปช่วยจอมมาร
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ราวกับรู้ความคิดของนาง จากนั้นจุดประสงค์ของเขาก็ไม่ต้องการฆ่านาง แต่กลับปิดล้อมนางเอาไว้
ยอดฝีมือสูงสุดระดับห้าทำการปิดล้อมยอดฝีมือระดับสี่เบื้องต้น ก็มากเกินพอ
กู้ชูหน่วนพยายามอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นออกไปได้
แต่คนของตระกูลไป๋หลี่เหล่านั้น กลับไม่มีโอกาสให้กู้ชูหน่วนได้พักหายใจเลยสักนิด
ทำเพียงแค่ต้องการฆ่าจอมมารให้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
“อ่า……”
กู้ชูหน่วนเลื่อนขั้นขึ้นไปท่ามกลางความร้อนใจ ทำให้พละกำลังของนางพุ่งขึ้นไปถึงระดับสี่ขั้นกลาง
จากนั้นพลังระเบิดอันทรงพลังก็ถูกปล่อยออกไปที่ผู้นำตระกูลไป๋หลี่อย่างรุนแรง
ผู้คนจำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับผู้นำตระกูลไป๋หลี่ต่างก็ได้รับผลกระทบและล้มลง มีคนจำนวนมากที่กระอักเลือดออกมา
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ถูกกระทำจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว
แต่เขามีใจที่คิดอยากจะฆ่ากู้ชูหน่วนให้ตายเสีย
เส้นใยแมงมุมพิษเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง กระแสกำลังภายในหลั่งไหลเข้าสู่เส้นใยแมงมุมอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
ใยแมงมุมเปลี่ยนเป็นสีเลือดสด และเปลี่ยนรูปทรงเป็นเกราะป้องกันอีกครั้ง จากนั้นทำให้กู้ชูหน่วนถูกปกคลุมเอาไว้
อุณหภูมิภายในของใยแมงมุมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ร้อนมากจนฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีชีวิตในเกราะป้องกันไปทั้งหมด ยกเว้นกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนรู้สึกเพียงแค่หายใจลำบาก
นางยังคงไม่สนใจตัวเอง ดาบอ่อนยังคงฟันออกไปที่ใยแมงมุมอย่างต่อเนื่อง เพียงเพื่อต้องการให้เส้นใยแมงมุมนั้นขาดลง
การโจมตีฆ่าสังหารของยอดฝีมือนั้น มีหรือที่จะเหลือเวลาให้มากเกินไป
กู้ชูหน่วนไม่สามารถกำจัดเส้นใยแมงมุมได้ในตอนแรก และทำได้เพียงยืนมองดูผู้อาวุโสตระกูลไป๋หลี่ผนึกกำลังภายในของฝ่ามือเข้าไปยังจอมมาร
บรรยากาศราวกับเงียบสงัดและหยุดนิ่งลง
หัวใจของกู้ชูหน่วนเต้นแรงมาก
ดูเหมือนจะมีความทรงจำบางอย่างหลั่งไหลปรากฏออกมาจากสมองของนาง
นางคิดอยากจะมองให้ชัดเจน แต่กลับไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยสักนิด
รู้สึกเพียงเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน
และจอมมารก็ทำได้เพียงมองดูผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลี่โจมตีเขา โดยไม่มีทางถอย
เพราะร่างกายของเขาราวกับถูกสะกดเอาไว้ และทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
ส่วนคนอื่นๆ นั้น กลับไม่มีใครยอมยื่นมาเข้ามาช่วยเขาเลยสักคน
ทุกคนต่างคิดว่าจอมมารจะต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัยอย่างแน่นอน
แม้แต่กู้ชูหน่วนก็คิดเช่นนั้น
แต่……
อากาศกลับเย็นลงในทันใด
ทุกคนต่างตัวสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้
รัศมีของผู้แข็งแกร่งเข้ามากดทับและปกคลุมจนพวกเขาแทบอยากคลานลงไป
ทันใดนั้นจู่ๆ กำลังภายในของผู้อาวุโสตระกูลไป๋หลี่ก็หยุดลงกะทันหันอย่างไม่ทราบสาเหตุ
จากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก และล้มลงในทันที
ซี๊ด……
ทุกคนต่างจ้องมองไปที่เหวินเส่าอี๋อย่างตึกตะลึง
เพราะเหวินเส่าอี๋เพียงแค่สะบัดแขนเสื้อ จากนั้นก็ทำให้กระบวนท่าการเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสตระกูลไป๋หลี่ถูกทำลายลง
เพียงแค่การสะบัดแขนเสื้อก็สามารถทำให้ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งระดับห้ากระอักเลือดและล้มลง……
นี่…….
นี่นับว่าเป็นคนเช่นไรกันนะ?
และเมื่อมองไปที่เหวินเส่าอี๋อีกครั้ง เขาช่างดูอบอุ่นและช่างดูโดดเด่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจือจาง เรือนร่างที่หล่อเหลาสง่างามของเขาช่างแตกต่างออกไปจากคนธรรมดา
ผู้นำตระกูลซั่งกวนสูดลมหายใจ “ระดับหก……”
อะไรนะ……
ระดับหก……
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันตกตะลึง
มีวรยุทธ์ความสามารถถึงระดับหกเชียวหรือ
ยอดฝีมือระดับหกในดินแดนวิญญาณเยือกแข็งแห่งนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าผู้นำตระกูลเหวินมีวรยุทธ์ความสามารถถึงระดับหก?
ดูไปแล้วผู้นำตระกูลเหวินก็น่าจะมีอายุเพียงแค่ยี่สิบต้นๆ เท่านั้น……
ผู้นำตระกูลซั่งกวนดูผิดหรือไม่นะ?
หัวใจของท่านผู้เฒ่าหนิงไม่เคยรู้สึกหนักหนาสาหัสมาก่อน
วรยุทธืความสามารถของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ นอกจากตระกูลหนิงของพวกเขาที่ดูเหมือนจะอ่อนด้วยไปสักนิดแล้ว ตระกูลที่เหลือทั้งสามต่างก็สูสีเสมอกัน
และเพราะความสูสีเสมอกันนี้เอง ทำให้ตระกูลใหญ่ๆ ล้วนต่างคอยมีแผนการแอบซ่อน แต่ในด้านการแสดงออกนั้นกลับปรองดองซึ่งกันและกัน
ทุกตระกูลล้วนต่างคาดหวังว่าอยากจะไปให้ถึงระดับหก
แต่ระดับหกที่ว่านั้นก็ไม่ง่ายเลยที่จะไปถึง
และในขณะที่ทุกคนต่างไม่เชื่อนั้น
เพราะความที่ผู้นำตระกูลไป๋หลี่เบี่ยงเบนความสนใจ ทำให้เส้นใยแมงมุมถูกกู้ชูหน่วนทำลายลง
“ครื้น……”
จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น จากนั้นก็มีเลือดกระอักออกมาที่มุมปากของกู้ชูหน่วน เห็นได้ชัดว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัส
นางรีบวิ่งไปทางจอมมารในทันที จากนั้นรีบตรวจสอบร่างกายของเขาด้วยความเป็นห่วง
“ได้รับบาดเจ็บหรือไม่”
จอมมารทำอะไรไม่ถูก เขาส่ายหน้าอย่างมึนงง
จากนั้นกู้ชูหน่วนจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และกอดจอมมารเอาไว้แน่น
จากนั้นจอมมารจึงรู้สึกได้และร้องไห้ออกมาในทันที
“พี่หญิง อาม่อคิดว่าจะไม่ได้อยู่กับพี่หญิงอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัว”
จากนั้นทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็กลับมีสติขึ้นมาอีกครั้ง
กู้ชูหน่วนช่างทำให้พวกเขาประหลาดใจ
แต่เหวินเส่าอี๋กลับทำให้พวกเขาตกตะลึงมากกว่าเสียอีก
เป็นเวลานาน จากนั้นท่านผู้เฒ่าหนิงจึงค่อยๆ กล่าวออกมา “คลื่นลูกใหม่แม่น้ำแยงซีซัดคลื่นลูกเก่า คิดไม่ถึงเลยว่าผู้นำตระกูลเหวินที่อายุน้อยเพียงเท่านี้ แต่วรยุทธ์ความสามารถกลับไปถึงระดับหกขั้นสูงสุดเสียแล้ว ช่างทำให้คนแก่อย่างพวกข้ารู้สึกละอายใจเหลือเกิน”
อะไร……
อะไรนะ……
ระดับหกขั้นสูงสุด?
พวกเขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่?
หยางมั่นเพิ่งจะมาถึง แต่ก็ได้เห็นตอนที่เหวินเส่าอี๋สะบัดแขนเสื้อและทำให้ผู้อาวุโสระดับห้าของตระกูลไป๋หลี่กระเด็นออกไป และตอนนี้ก็ยังไม่หายจากอาการตกตะลึง
จากนั้นก็ได้ยินคำพูดของท่านผู้เฒ่าหนิง
หัวใจของนางรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก
คนที่โดดเด่นไร้คู่แข่งอย่างเหวินเส่าอี๋เช่นนี้ วรยุทธ์ความสามารถของเขาจะอ่อนด้อยได้อย่างไร
เพียงแต่ นางคิดไม่ถึงเคยว่า วรยุทธ์ความสามารถของเขาจะไปถึงระดับหกขั้นสูงสุด
นั่นนับว่าเป็นการมีอยู่ของเทพเทวดาเลยด้วยซ้ำ
ต่อไปใครจะกล้ามีเรื่องกับตระกูลเหวินอีก
และจะมีใครมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะแต่งงานกับเขา
เหวินเส่าอี๋ยังคงอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นเคย เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่าหนิงพูดเกินไปแล้ว ข้าจะกล้าไปเทียบกับท่านผู้อาวุโสอย่างพวกท่านได้อย่างไร หากจะพูดถึงวิชาการ ประสบการณ์ คนที่อยู่ที่นี่คงไม่มีใครที่ด้อยไปกว่าข้า”
“ไม่ทราบว่าเหตุใดผู้นำตระกูลเหวินถึงต้องช่วยเหลือเขาด้วย”
ท่านผู้เฒ่าหนิงชี้ไปที่จอมมาร
ทุกคนต่างเฝ้ารอคำตอบของเหวินเส่าอี๋
พวกเขาเห็นว่า คนที่มีดวงตาสีต่างกันนั้นเป็นปีศาจร้าย
ในฐานะที่เขาเป็นถึงหนึ่งในผู้นำของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ เช่นนั้นก็ควรเรื่องให้เป็นตัวเอย่างที่ดี เหตุใดถึงช่วยเขา
และคำพูดของเหวินเส่าอี๋ต่อจากนั้น ทำให้พวกเขารู้สึกสับสนอย่างมาก
“เขาน่ะหรือ เป็นเพื่อนเก่าแก่ของข้าคนหนึ่ง เป็นเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่รู้จักกันมาหลายปี”