กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 938
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 938
กู้ชูหน่วนสะบัดเสื้อผ้า เพื่อทำให้ผงพิษที่หลงเหลือติดตัวนั้นถูกสะบัดออกไป จากนั้นหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ที่แท้เจ้าก็เป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้ผงพิษด้วยเช่นกัน”
หากไม่ใช่เพราะว่านางออมมือไว้ เกรงว่าตอนนี้ผู้ที่ต้องตายก็คงเป็นนาง ไม่ใช่เขา
“เทียบกับผงพิษของเจ้าแล้ว พิษของข้าจะไปสู้อะไรได้”
ไป๋หลี่หมิงเยียนพลิกฝ่ามือของเขา ทำให้กรวดหินก้อนเล็กๆ ในเขตหวงห้ามรวมตัวกันเป็นโครงกะโหลกศีรษะจำนวนมาก
กะโหลกศีรษะมีหน้าตาดุร้าย มันมองไปที่กู้ชูหน่วนและแยกเขี้ยวใส่ แต่ละกะโหลกศีรษะนั้นเต็มไปด้วยรัศมีสังหารที่แผ่ซ่านไปยังกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนทำใจสงบนิ่งเพื่อเตรียมรับมือ จากนั้นหยิบขลุ่ยหยกขึ้นมาเป่า
เสียงขลุ่ยดังอย่างน่าตกใจ ราวกับเสียงกลองที่ดังกึกก้องในสนามรบ จากนั้นมีเสียงอาวุธกระทบกันดังก้องกังวานไปทั่ว
เสียงขลุ่ยที่เป่าออกมานั้นได้พุ่งโจมตีไปที่โครงกะโหลกศีรษะ ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง จากนั้นโครงกะโหลกศีรษะก็มลายหายไป
จากภาพที่ปรากฏตรงหน้า เสียงขลุ่ยและโครงกะโหลกศีรษะนั้นเสมอกัน ต่างฝ่ายต่างไม่สามารถทำอะไรคู่ต่อสู้ได้ ทว่าจอมมารกลับรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก
วรยุทธ์ความสามารถของกู้ชูหน่วนนั้นเทียบเขาไม่ได้เลย เสียงขลุ่ยนั้นจำเป็นต้องใช้กำลังภายในเพื่อควบคุม หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน
ทว่าโครงกะโหลกศีรษะนั้นกลับเพิ่มขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด และเข้าปิดล้อมกู้ชูหน่วนให้จนมุม ไม่ว่าจะทำลายอย่างไร ก็ไม่อาจทำลายไปได้หมด
และในขณะที่จอมมารกำลังวิตกกังวลนั้น เขามองไปยังโครงกระดูกที่ดูเหมือนจะคุ้นเคย จากนั้นเงยหน้าตะโกนออกไปทันที
“พี่หญิง โครงกระดูกเหล่านั้นไม่ได้ถูกกระตุ้นออกมาโดยกำลังภายในของเขา แต่ถูกเขาฆ่า เขาใช้พลังอันชั่วร้ายเพื่อรวบรวมความโกรธแค้นของพวกมันเอาไว้”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
ไม่ได้ออกมาจากการกระตุ้นกำลังภายใน?
แต่กลับรวมตัวกันจากความโกรธแค้น?
ตาแก่คนนี้ ตลอดหลายปีมานี้เขาฆ่าคนไปแล้วจำนวนเท่าไรกันนะ เหตุใดถึงได้รวมตัวกันได้มากเช่นนี้ ช่างเป็นความโกรธแค้นที่มีพลังมหาศาลอย่างมาก
พลังความโกรธแค้นมีความน่าหวาดกลัวกว่ากำลังภายในที่ถูกกระตุ้นออกมาอย่างมาก
หากถูกพลังความโกรธแค้นติดตามเข้า นางก็อาจปนเปื้อนไปกับพวกมันได้ และจากนั้นก็จะกลายเป็นวิญญาณแห่งความโกรธแค้นดวงหนึ่งในมือของไป๋หลี่หมิงเยียน
ทันใดนั้นนางก็เข้าใจได้ทันที
ดวงวิญญาณดวงนั้นที่ไป๋หลี่หมิงเยียนต้องการ คาดว่าน่าจะขาดเพียงแค่ดวงเดียว เช่นนั้นเขาก็สามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ไปถึงระดับเจ็ดได้
ฉะนั้นเขาไม่แม้แต่จะสนใจเรื่องความเป็นความตายของผู้คนตระกูลไป๋หลี่เลยสักนิด
เมื่อเห็นว่าตอนนี้พลังของตัวเองเริ่มลดลง
เสียงขลุ่ยของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไป จากเสียงที่ดุดันเกรี้ยวกราดเป็นเสียงที่อ่อนโยนเอ้อระเหย
เสียงขลุ่ยอ้อยอิ่งราวกับสะพานเล็กๆ ที่มีน้ำไหลผ่าน และเกิดเป็นเสียงหยดน้ำที่ทำให้เกิดความสงบ และชำระล้างจิตใจของดวงวิญญาณที่ดุร้ายเหล่านั้น
รัศมีพลังความดุร้ายยังคงไม่หยุด เพียงแต่เมื่อสัมผัสกับเสียงขลุ่ย ทำให้แม้ว่าเป็นพลังความโกรธแค้นที่หนักหนามากเพียงใดก็ถูกทำลายลงได้ในพริบตา
ไป๋หลี่หมิงเยียนกลับรู้สึกประหลาดใจ
ดวงวิญญาณอันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่เขาควบคุมทั้งหมดนั้นต่างไปจากดวงวิญญาณความโกรธแค้นอื่นๆ โดยปกติแล้วอาคมแห่งความบริสุทธิ์สงบนั้นไม่สามารถทำอะไรได้ และไม่มีทางทำลายได้
แต่นางกลับทำได้
หรือว่าจะเป็นพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากขลุ่ยหยกนั่น?
“บึ้มๆ บึ้มๆ……”
โครงกระดูกเกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่อง และมลายหายไปบนท้องฟ้า
ไป๋หลี่หมิงเยียนรู้สึกเจ็บใจ และในสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความคาดหวังที่อยากจะได้ขลุ่ยหยกมาครอบครองอย่างไม่ปกปิด
หลังจากที่โครงกระดูกสุดท้ายได้ถูกทำให้สงบลง แสงสีดำก็ปรากฏขึ้นที่บริเวณท้องของไป๋หลี่หมิงเยียน
ทันทีที่แสงสีดำปรากฏออกมา พลังแห่งความคับแค้นก็ได้ปกคลุมเกือบทั่วท้องฟ้า และแม้แต่ท้องฟ้าก็เปลี่ยนไป
ทุกคนต่างตกตะลึง
ช่างเป็นความคับแค้นที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน
เป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก
กู้ชูหน่วนเป็นคนแรกที่แบกรับการจู่โจม เพราะพลังความคับแค้นที่ยิ่งใหญ่มหาศาลนั้นได้พุ่งไปที่นาง
พลังความคับแค้นก่อตัวเป็นโครงกระดูกขนาดมหึมา
เพียงแค่ปากของโครงกระดูกหนึ่งอันก็มีขนาดใหญ่เท่าคนกว่าสิบคน
เขาอ้าปากขนาดใหญ่และอยากจะกลืนกินกู้ชูหน่วนเ้ขาไปทั้งเป็น
จอมมารตะโกน “พี่หญิงระวัง พลังนี้แข็งแกร่งอย่างมาก”
นางรู้ว่าแข็งแกร่งมาก
แข็งแกร่งจนหัวใจของนางสั่นไหว
นางกล้ารับประกันได้เลยว่าพลังมหาศาลนี้ จะต้องไม่แพ้ไปกว่าเยี่ยจิ่งหานและเสี่ยวหูเตี๋ย
นางรู้ว่าวรยุทธ์ของเขาระดับหก ทว่าระดับหกก็มีแยกย่อยเป็นระดับเบื้องต้น ระดับกลาง และระดับสูง
และสิ่งที่นางกลัวที่สุดก็คือตาแก่ตายยากคนนี้จะมีวรยุทธ์ระดับหกขั้นสูงสุด
และน่าเสียดายนางกลับได้พบเจอกับสิ่งที่นางหวาดกลัวมากที่สุด
เสียงขลุ่ยของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไป เสียงขลุ่ยอันอ่อนไหวได้เปลี่ยนเป็นใบมีดอันแหลมคมที่พุ่งสะท้อนกลับไปยังโครงกระดูกในทันที เพื่อว่ากะโหลกศีรษะอันใหญ่มหึมานั้นจะล้มลง
“ปังๆๆ……”
ใบมีดอันแหลมคมอันแล้วอันเล่า ซึ่งมีความเร็วและความแม่นยำอย่างมาก พลังความแข็งแกร่งก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายพลังความชั่วร้ายในตัวของกะโหลกศีรษะกลับแข็งแกร่งมากกว่า
ใบมีดอันแหลมคมเหล่านั้นไม่อาจเข้าใกล้กะโหลกศีรษะได้เลยแต่กลับถูกพลังความชั่วร้ายของกะโหลกศีรษะเป่าออกมาจนกระจัดกระจาย
หลังจากที่ใบมีดอันสุดท้ายถูกพัดออกไป พลังความชั่วร้ายขนาดมหึมาได้พุ่งเข้ามากู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะป้องกัน แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ ขลุ่ยหยกได้ถูกพลังความชั่วร้ายโจมตีจนทำให้หลุดมือไป และตัวนางเองก็กระเด็นลอยออกไป
หากไม่ได้ขลุ่ยหยกปกป้องไว้ เกรงว่านางคงแตกละเอียดไปแล้วกับการถูกจู่โจมในครั้งนี้
“ตุ่บ……”
นางกระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดเผือดและเห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก
“พี่หญิง……”
จอมมารพุ่งเข้าไปอย่างเป็นกังวลและต้องการประคองกู้ชูหน่วนขึ้นมา
มีพลังความชั่วร้ายอันแข็งแกร่งพุ่งมาอีก
สีหน้าของจอมมารเปลี่ยนไป
หากพลังความชั่วร้ายนี้ตกลงไป กู้ชูหน่วนจะต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัยอย่างแน่นอน
เขาได้ไปขวางหน้ากู้ชูหน่วนไว้ ภายใต้ความร้อนรนกังวลใจของเขา และตะโกนคำรามไปยังกะโหลกขนาดมหึมานั้น
“อ๊า……”
เขาไม่มีวรยุทธ์ อันที่จริงแล้วการตะโกนคำรามของเขาก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ และสิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ กะโหลกมหึมานั้นกลับหวาดกลัวและหดกลับไปอย่างคาดไม่ถึง
ไป๋หลี่หมิงเยียนมองไปยังจอมมารจอมทึ่มด้วยความตกตะลึง
“เจ้ากลับสามารถสั่งการโครงกระดูกของข้าได้ อีกทั้งยังสามารถควบคุมพลังอันชั่วร้ายได้ เจ้าเป็นใครกันแน่”
จอมมารรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก และเป็นเวลานานกว่าจะเอ่ยปากพูดออกมาได้ “หากเจ้ากล้าทำร้ายพี่หญิงของข้า ข้า……ข้าโกรธเจ้าแน่”
ไป๋หลี่หมิงเยียนยกมือขวาขึ้นมาดูดจอมมารเข้าไป ฝ่ามือนั้นได้จับศีรษะของเขาเอาไว้
กู้ชูหน่วนค่อยๆ ลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก และเมื่อเห็นเหตุการณ์นั้นก็ได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”
ไป๋หลี่หมิงเยียนหรี่ตาลง “ยอดฝีมือระดับหกขั้นสูงสุด วรยุทธ์ของเจ้าเคยถึงระดับหกขั้นสูงสุด อีกนิดเดียวเจ้าก็จะไปถึงระดับเจ็ดแล้ว”
เขายังอ่อนวัยเช่นนั้น แต่กลับสามารถมีวรยุทธ์ถึงระดับหกขั้นสูงสุด
หรือเป็นเพราะเขาบำเพ็ญเพียรนานเกินไปอย่างนั้นหรือ?
หลังจากที่เขาบำเพ็ญเพียรเสร็จเขาเพิ่งจะรู้ว่า ตอนนี้กลับมียอดฝีมือวัยเยาว์มากมายเช่นนี้ในยุทธภพ
มีเพียงเหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานก็มากพอแล้ว ตอนนี้แม้แต่คนโง่เขลาอย่างจอมมารก็เคยมีวรยุทธ์ถึงระดับหกขั้นสูงสุด
“พูดมาเดี๋ยวนี้ เจ้าเป็นถึงยอดฝีมือวรยุทธ์ระดับหกขั้นสูงสุด เหตุใดถึงสูญเสียวรยุทธ์ทั้งหมดไป อายุยังน้อยแต่กลับมีผมหงอก และเกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของเจ้ากันแน่”
ไป๋หลี่หมิงเยียนตรวจสอบศีรษะของเขา ตรวจสอบอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถรู้ถึงความทรงจำในอดีตของเขาได้แม้แต่นิดเดียว
จอมมารพยายามดิ้นรนเพื่อจะหลุดพ้น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เขากล่าวออกไปด้วยความโกรธ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
“ฮ่าๆๆ……เทวดาช่างคุ้มครอง หากข้าไม่เพิ่มระดับวรยุทธ์ อายุก็มากปูนนี้แล้ว แต่สวรรค์กลับส่งพวกเจ้าทั้งสองคนมาให้ข้า นี้แต่สวรรค์ก็ยังไม่อยากให้ข้าตาย”
“แม้ว่าตอนนี้วรยุทธ์ของเจ้าจะหมดสิ้นไปแล้ว แต่รากเหง้าของดวงวิญญาณยังอยู่ในร่างกายของเจ้า วันนี้ข้าจะกินเจ้าเข้าไปก่อน จากนั้นค่อยจัดการเด็กผู้หญิงคนนั้น”
ไป๋หลี่หมิงเยียนพูดจบ จากนั้นมือขวาของเขาก็ออกแรงทุบศีรษะของจอมมารให้แตก หยิบเอาดวงวิญญาณของเขา เพื่อนำไปฝึกฝนวิชาชั่วร้าย เพื่อช่วยให้เขาสามารถบรรลุไปยังระดับเจ็ดได้
หัวใจของกู้ชูหน่วนเต้นแรงมาก
ต่อให้นางต้องตายลง เช่นนั้นก็ไม่สามารถปล่อยให้ไป๋หลี่หมิงเยียนกินจอมมารเข้าไปได้
กู้ชูหน่วนหยิบธงขนาดใหญ่แปดอันออกมาจากวงแหวนอวกาศ จากนั้นโยนออกไป
ธงขนาดใหญ่ทั้งแปดก่อร่างเป็นวงกลมล้อมรอบไป๋หลี่หมิงเยียนไว้
นางเผาผลาญพลังของตัวเอง เพื่อกระตุ้นขลุ่ยหยกและของวิเศษศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่อยู่ในวงแหวนอวกาศ และเพื่อเพิ่มพลังค่ายกลให้แข็งแกร่ง
“บึ้ม……”
แสงวิเศษปรากฏขึ้น
แสงสีเขียวมรกตและสีแดงเพลิงลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้า