กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 944
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 944
ใยแมงมุมอันหนาแน่นและมากมายนับไม่ถ้วนได้ทอดยาวไปทางกู้ชูหน่วน
ใยแมงมุมมีพิษร้ายรุนแรงเพียงแค่พบเจอเข้ากู้ชูหน่วนก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
กู้ชูหน่วนใช้กำลังภายในอันคล่องแคล่วหลบเลี่ยงไปทางซ้ายขวาเพื่อหลีกเลี่ยงจากใยแมงมุม
แต่ว่าใยแมงมุมกลับไล่ตามประชิดราวกับว่ามีดวงตา ไม่ว่านางจะแว๊บได้ไวเพียงใดใยแมงมุมก็ตามมาติดๆ
ในไม่ช้าบนพื้นก็ได้ก่อร่างค่ายกลหนึ่งขึ้น ซึ่งค่ายกลนี้กู้ชูหน่วนคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ก็มิใช่ค่ายกลที่เป็นเอกลักษณ์เดียวหนึ่งของไป๋หลี่ป้า แมงมุมสวรรค์เส้นใยพิษ
ใยแมงมุมเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิตและอุณหภูมิของที่ที่ถูกใยแมงมุมปกคลุมนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ร้อนเสียจนทำให้นางอาบเหงื่อต่างน้ำ
กู้ชูหน่วนด่าแช่งว่า “บัดซบ เป็นค่ายกลบ้าบอนี่อีกแล้ว”
“ส่งสิ่งของออกมา ไม่เช่นนั้นวันนี้จะให้เจ้าร้องขอความเป็นไม่อยู่ ร้องขอความตายก็ไม่ได้”
มือของไป๋หลี่ป้าประสานกันและไม่รู้ว่าในปากกำลังร่ายสิ่งใดอยู่ รอบตัวของเหวินเส่าอี๋แมงมุมสวรรค์เส้นใยพิษเส้นสายหนึ่งก็ได้ปกคลุมเลยโดยตรง
ไม่สามารถไม่กล่าวว่าเหวินเส่าอี๋เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับไป๋หลี่ป้า
แม้ว่าเขาจะถูกพิษบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย แต่ค่ายกลของไป๋หลี่ป้าที่สร้างให้เขานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าค่ายกลที่สร้างแก่กู้ชูหน่วนหลายเท่านัก
ก่อนหน้านี้เหวินเส่าอี๋สามารถใช้กระบวนท่าเดียวสลายค่ายกลเส้นใยพิษ
ในตอนนี้เขากลับไร้ความสามารถที่จะทลายออกไปเสียแล้ว
กลับมองดูแมงมุมพิษจำนวนแน่นขนัดไต่ขึ้นที่แขนของเขา และจับตัวเป็นหนึ่งเดียวกับแมลงสีดำบนแขนของเขา
พิษร้ายทั้งสองประสานกันเหวินเส่าอี๋คุกเข่าลงไปด้วยขาข้างหนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าและส่งเสียงตะโกนร้องอันเจ็บปวดเสียงหนึ่งออกมา
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน ทั้งตัวของเขาครู่เดียวดำและครู่เดียวก็แดง
เพียงแค่คนที่มีตาล้วนสามารถมองออกว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสเพียงใด ดังนั้นผู้ที่เห็นศักดิ์ศรีของตนเป็นสำคัญเช่นนั้นเฉกเช่นเขา หากมิได้ทรมานจนถึงขีดสุดจะคุกเข่าขาข้างเดียวลงเช่นนั้นได้อย่างไร
ไป๋หลี่ป้ารื่นรมย์ใจ “ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนแล้วค่อยจัดการกับนังสารเลวผู้นั้น”
ในขณะที่ไป๋หลี่ป้าต้องการที่จะสังหารเหวินเส่าอี๋อย่างสมบูรณ์ ค่ายกลที่ปกคลุมกู้ชูหน่วนจู่ๆก็ย้อนกลับมาและใยแมงมุมอันแน่นขนัดก็ได้ห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้อย่างหนาแน่น
ใยแมงมุมมีพิษร้ายและมีกำลังมากมายใหญ่หลวง
ไป๋หลี่ป้ามิได้สังเกตชั่วขณะว่าถูกใยแมงมุมแทรกเข้าไปในร่างกาย ทำให้เขาเจ็บปวดเสียจนอ้าปากสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งเข้าไป เกือบจะเจ็บปวดแทบตายทั้งเป็น
ไป๋หลี่ป้ามองไปทางกู้ชูหน่วนที่หลุดพ้นออกจากแมงมุมสวรรค์เส้นใยพิษอย่างไม่อยากจะเชื่อ เช่นไรก็คิดไม่ตกว่าใยแมงมุมที่เขาภาคภูมิใจย้อนกลับมาโจมตีเขาได้อย่างไร
ที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นคือไม่ว่าจะขังกู้ชูหน่วนหรือว่าขังเหวินเส่าอี๋ หรือว่าการโจมตีกลับของแมงมุมสวรรค์เส้นใยพิษเขาล้วนไม่สามารถควบคุมได้ จึงทำได้เพียงมองไปยังกู้ชูหน่วนด้วยสายตาที่ตกตะลึง
กู้ชูหน่วนยกริมฝีปากขึ้นยิ้มแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เหลือเชื่อสินะ……เพียงแค่เป็นค่ายกลก็ล้วนมีวิธีทลายค่ายกล ยิ่งกว่านั้นอาม่อก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในการทลายค่ายกล หากว่าวันนี้ท่านไม่ใช้แมงมุมสวรรค์เส้นใยพิษบางทีพวกเราล้วนต้องตายอย่างอนาถอยู่ในเงื้อมมือของท่านกันหมด แต่น่าเสียดายที่ท่านมั่นใจในแมงมุมสวรรค์เส้นใยพิษของท่านมากเกินไป”
“ส่วนข้า ครั้งที่แล้วข้าพ่ายแพ้ยับเยินอยู่ในแมงมุมสวรรค์เส้นใยพิษของท่าน แล้วจะไม่ค้นคว้าแมงมุมสวรรค์เส้นใยพิษของท่านให้ดีได้อย่างไรและจะให้ท่านทำร้ายหมายเอาชีวิตได้อย่างไร”
“พรึ่บ……”
ใยแมงมุมดูเหมือนธรรมดาทั่วไป แต่ว่าแต่ละเส้นนุ่มราวกับนิ้ว ทั้งทนทานและแข็งแกร่ง
ถูกใยแมงมุมทะลวงผ่านเข้าไปนั้นเทียบเท่ากับการถูกมีดอันแหลมคมแทงทะลุผ่าน
ส่วนเขาก็ไม่รู้ว่าถูกใยแมงมุมทะลุผ่านร่างกายของเขาเป็นจำนวนเท่าไหร่
ไป๋หลี่ป้ากระอักเลือดออกมาเต็มๆคำ วิทยายุทธก็ล้วนถูกใยแมงมุมสะทือนจนกระจาย
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแข็งแกร่งก็คงจะไปพบพญายมตั้งนานแล้ว
ในเวลานี้……เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ได้อีกต่อไป
“ไร้ยางอาย……” ไป๋หลี่ป้าก่นด่า
กู้ชูหน่วนเดินไปด้านหน้าทีละก้าวๆแล้วกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ฆาตรกรที่แท้จริงที่ฆ่าล้างตระกูลมู่ทั้งตระกูลของข้าใช่ท่านหรือเปล่า?”
ไป๋หลี่ป้าถูกแมงมุมพิษทะลุทะลวงร่างโดยที่พิษร้ายได้แทรกซึมเข้าไปทั่วทั้งร่างแต่ก็ยังคงรักษาท่วงท่าอันสูงส่งในฐานะผู้นำตระกูลของเขา
“ชั่วชีวิตนี้เจ้าอย่าได้รู้เลยว่าผู้ใดคือฆาตรกรที่แท้จริง”
“ไม่เป็นไร เพียงแค่ข้ารู้ว่าเจ้าก็เป็นหนึ่งในฆาตกรที่ฆ่าล้างสังหารตระกูลมู่ของข้าทั้งตระกูลก็เพียงพอแล้ว
ไป๋หลี่ป้ากุมหน้าอกเอาไว้โดยที่พยายามระงับความเจ็บปวดแสนสาหัส จากนั้นก็มองอย่างเหยียดหยามทีหนึ่งไปที่กู้ชูหน่วนกับเหวินเส่าอี๋และคนอื่นๆพร้อมกับหัวเราะเยาะแล้วกล่าวว่า “เพียงพวกเจ้าสามคนก็ต้องการที่จะฆ่าข้าหรือ?”
“นอกจากอาม่อแล้วพวกเราสามคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งมิได้แตกต่างกันเลย ข้ากับเสี่ยวหูเตี๋ยสองคนหรือว่าจะยังเอาชนะท่านเพียงผู้เดียวไม่ได้หรือ”
“หึ……เจ้าแน่ใจหรือว่าเขายังมีความสามารถในการต่อสู้อยู่อีก?”
“ไป๋หลี่ป้า ท่านลืมไปแล้วหรือว่าแมงมุมพิษของท่านเพียงแค่ยิ่งเคลื่อนไหว ปราณพิษก็จะแพร่กระจายได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและแทรกซึมเข้าไปได้ลึกยิ่งกว่า หากว่าข้าเป็นท่านข้าก็จะนั่งลงอย่างเชื่อฟังโดยไม่เคลื่อนไหวลมปราณและก็ไม่ขยับเขยื้อนเรื่อยเปื่อยพร้อมทั้งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลักเลี่ยงที่จะรักษาชีวิตอันน้อยไว้ไม่อยู่”
“เจ้าเด็กไม่ประสาแมงมุมพิษนั้นข้าสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ต่อให้เจ้าเข้าไปแก้สูตรยาพิษมันก็ยังคงสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษจากข้า อาศัยสิ่งนี้ก็จะปราบข้าช่างไร้เดียงสาเกินไปเสียแล้ว”
ไป๋หลี่ป้าไม่คำนึงถึงชีวิตโดยฝืนบังคับเดินลมปราณ ตั้งใจที่จะบังคับใยแมงมุมทั้งหมดให้ออกจากภายในร่างกาย
คาดไม่ถึงว่าเขาได้กระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง
พิษร้ายยิ่งอยู่ยิ่งแพร่กระจายได้เร็วขึ้น ไม่ว่าเขาจะปิดผนึกสกัดจุดต่างๆในช่วงเวลาสั้นๆก็ไม่มีประโยชน์อันใด ปราณพิษจะแพร่กระจายไปสู่โลหิต แพร่เข้าสู่เอ็นกระดูก แม้กระทั่งว่าจะแพร่กระจายเข้าสู่หัวใจเลยโดยตรง
เขาเข้าใจในพิษแต่กลับไม่เคยสัมผัสพิษที่รุนแรงเช่นนี้และแพร่กระจายได้รวดเร็วเช่นนี้
ไป๋หลี่ป้าโมโหไปถึงหัวใจ “นังหนู ต้องการจะฆ่าข้าเจ้ายังอ่อนหัดไปหน่อย”
“อ๊าก……”
ไป๋หลี่ป้าตะโกนร้องเสียงดัง ร่างกายภายในพุ่งกระจายประกายแสงอันมโหฬารสีแดงสดหนึ่งออกมา
จากนั้นใยแมงมุมเส้นหนึ่งตามด้วยเส้นหนึ่งได้ถูกระเบิดออกจากภายในร่างของเขา
“ข้าได้เข้าสู่ระดับหกแล้ว ไม่ว่าพิษของเจ้าจะร้ายกาจเพียงใด เพียงแค่ให้เวลาข้าสักหน่อยข้าก็ยังสามารถกดเอาไว้ได้ชั่วคราว ต้องการฆ่าข้า ฝันไปเถอะ”
มุมปากของกู้ชูหน่วนยกรอยยิ้มอันเหี้ยมโหดขึ้น
และก็มิได้ตอบคำพูดของไป๋หลี่ป้าแต่ว่าผิวปากครั้งหนึ่ง
เสียงผิวปากดังขึ้น ประกายแสงกระบี่แว๊บผ่านพร้อมกับเงาทั้งสองลำแสงดังชิ่วปรากฏขึ้นราวกับภูตผีเช่นนั้น
ทันทีที่ปรากฏตัว ปราณดาบและกระบี่อันรุนแรงก็สังหารไปทางไป๋หลี่ป้า
ดาบนั้นรวดเร็วกระบี่ว่องไวยิ่งกว่า และที่สำคัญที่สุดคือร่วมมือกันโดยปริยาย
ไป๋หลี่ป้าตื่นตระหนกจากนั้นก็ดีดตัวขึ้น หลบเลี่ยงการสังหารของดาบรวมกระบี่
ไม่รู้ว่าเป็นเนื่องจากถูกพิษรวมทั้งอาการบาดเจ็บสาหัส หรือว่าความไวของดาบกระบี่นั้นรวดเร็วเกินไปซึ่งไป๋หลี่ป้าไม่เข้าใจแล้วบนร่างกายก็ถูกกรีดอยู่หลายแผลโดยที่เลือดอันแดงสดไหลรินลงมา
ดาบกระบี่ช่างว่องไวนัก…… ”
“ท่ามกลางความรววดเร็วดังสายฟ้าแลบและประกายไฟจากหิน หลังจากที่ไป๋หลี่ป้าต่อสู้กับดาบกระบี่หลายสิบเที่ยวถึงได้ค้นพบว่า ผู้ที่ถือดาบกับกระบี่อยู่เป็นเด็กหนุ่มสองคนพวกเดียวกัน
คนที่เย็นชาจนไร้ซึ่งอุณหภูมิราวกับเป็นเครื่องจักรฆ่าคน รู้เพียงแค่ฆ่าฆ่าฆ่าเท่านั้น
เขาเป็นเสมือนนักฆ่าโดยกำเนิด แต่ละดาบๆหมายเอาชีวิตคนทำให้ผู้คนไร้ซึ่งที่หลบเลี่ยง
คนหนึ่งมีหน้าตาดูเด็กน้อยซึ่งดูแล้วอายุไม่มากนักและยังค่อนข้างบริสุทธิ์และไร้พิษภัย แต่พอลงมือก็มิได้เบากว่าผู้ที่เฉยเมยผู้นั้น กลับโหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่า
“ขั้นสูงสุดระดับห้า……”
เป็นขั้นสูงสุดระดับห้าจริงๆ……
เยาว์วัยเช่นนี้ก็ถึงขั้นสูงสุดระดับห้าแล้ว…..
“ฉับฉับฉับ……”
บนตัวถูกฟันอีกสองสามแผล
ไป๋หลี่ป้าตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อก้มลงมองเนื้อน่องขวาของเขาถูกถลกไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่โครงกระดูกเท่านั้นเอง
หากมิใช่เนื่องจากเขาพยุงสิ่งของฝืนทนเอาไว้ เกรงว่าจะคุกเข่าลงไปตั้งนานแล้ว
ดาบกระบี่ของฝูกวงลั่วอิ่งแว๊บผ่านไปและยังต้องการที่จะฆ่าเขาเสีย
กู้ชูหน่วนทำท่าหยุดการเคลื่อนไหวและทั้งสองคนก็ชะงักเท้าในทันใด
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเย็นชาอีกครั้งว่า “คนที่ฆ่าล้างตระกูลมู่ของข้ายังมีผูัใดอีก”
“เจ้าอย่าหวังที่จะได้รู้”
แววตาเหี้ยมโหดของกู้ชูหน่วน
ลั่วอิ่งเข้าใจ ประกายดาบประสานแนวขวางและแนวนอน เนื้อหนังมือซ้ายของไป๋หลี่ป้าก็ถูกเฉือนออกเป็นชิ้นๆและเจ็บปวดเสียจนเขากรีดร้องเสียงดังออกมา
“มู่หน่วน…..เจ้านี่มันนังสารเลว…..ข้าจะฆ่าเจ้าซะ…..อ๊า…..”