กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 957
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 957
เหมือนจะเป็น……ดวงวิญญาณของผู้หญิงคนนั้น……?
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าควรดีใจหรือควรกังวลดี?
นางทำเพื่อต้องการตามหาเซี่ยวอวี่เซวียน ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่าจะสัมผัสได้ถึงพลังงานของดวงวิญญาณนั้น
ดวงวิญญาณอ่อนแออย่างมาก และที่นี่ก็มีทางแยกจำนวนมาก กู้ชูหน่วนจึงทำได้เพียงใช้ใจเพื่อสัมผัสถึงสถานที่อยู่ของดวงวิญญาณดวงนั้น นางระมัดระวังในการค้นหาและหวังว่าจะหาเซี่ยวอวี่เซวียนเจอที่นั่น
เดินไปอย่างไม่หยุดหย่อนและไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าไร ทว่ายังคงหาดวงวิญญาณดวงนั้นไม่เจอ แต่นางกลับรู้สึกได้ว่าดวงวิญญาณนั้นอยู่ข้างหน้าของหน้า
“ปัดโธ่ เหตุใดที่นี่ถึงใหญ่มากเช่นนี้นะ”
กู้ชูหน่วนเกิดความสงสัยอย่างมากว่าตำแหน่งบนพื้นนั้นจะเป็นวังหลวง
บนพื้นก็เป็นวังหลวงเช่นกัน
ใต้ดินของวังหลวงทั้งหมดควรจะถูกขุดไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะเดินอยู่ที่นี่ได้นานเช่นนี้ได้อย่างไรโดยที่ยังเดินไม่สุด
เพราะเดินมาไกลมากแล้ว ทั้งวกไปวนมา แม้ว่าจะทำสัญลักษณ์เอาไว้ เกรงว่าตอนเดินกลับออกไปตรงทางเข้าจะกายเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์
นางมีเวลาเพียงแค่สองชั่วยามเท่านั้น
และตอนนี้อย่างน้อยก็ใช้เวลาไปแล้วประมาณหนึ่งชั่วยาม
เวลาช่างจำกัดอย่างมาก
นางทำได้เพียงยอมแพ้
ทว่านางกลับรู้สึกไม่ยินยอม
หลังจากเดินผ่านแยกหนึ่งไป วิสัยทัศน์ที่อยู่ตรงหน้ากลับรู้สึกกว้างขึ้น
กู้ชูหน่วนรู้สึกตกตะลึงอย่างมากกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ที่นี่มีขนาดอย่างน้อยประมาณพันตารางเมตรขึ้น และมีสระเงินทรงกลมขนาดกว่าร้อยตารางเมตรอยู่ตรงกลาง
ภายในสระเงินเต็มไปด้วยสารปรอท สารปรอทราวกับคลื่นทะเลที่ซัดเป็นครั้งคราว ราวกับต้องการผุดขึ้นจากสระเงินและพุ่งทะยานออกไปทั่วทุกทิศทาง
ผนังทั้งสี่ด้านของสระเงินสลักไปด้วยอัญมณีต่างๆ ทั้งไข่มุกราตรี ไข่มุกโมราและต่างๆ อีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหนก็มีมูลค่าสูงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ที่นี่ตั้งอยู่ใต้ดินที่มืดมิดและไร้แสง ทว่าเป็นเพราะแสงจากอัญมณีเหล่านั้นที่เปล่งประกายออกมา ทำให้ทั่วทั้งบริเวณสว่างจ้าราวกับกลางวัน
ดวงวิญญาณบนหน้าผากส่งสัญญาณเป็นครั้งคราว ราวกับกำลังเรียกหาดวงวิญญาณอีกดวงที่อยู่ในสระเงินนั้น
น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าดวงวิญญาณดวงนั้นถูกผูกมัดด้วยอะไรบางสิ่ง แม้ว่ามันจะอยากกลับเข้าสู่ร่างกายของนางมากเพียงใด ก็ไม่สามารถกลับไปได้
กู้ชูหน่วนเชื่อมั่นว่า
ภายใต้สระเงินนี้ จะต้องมีดวงวิญญาณดวงหนึ่งของกู้ชูหน่วนอย่างแน่นอน
สารปรอทมีพิษและไม่รู้ว่ามีความลึกมากเพียงใด ทำให้นางไม่กล้าเสี่ยงและทำได้เพียงเดินไปข้างหน้าต่อไป และหวังเพียงว่าจะสามารถหาเซี่ยวอวี่เซวียนเจอภายในระยะเวลาอันสั้นนี้
หลังจากที่เดินต่อไปอยู่นาน นางได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น
กู้ชูหน่วนเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง และจากแสงอันมืดสลัวนั้น ทำให้นางมองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคย
กู้ชูหน่วนตัวสั่นไหวอย่างรุนแรงและแทบไม่กล้าหายใจ จากนั้นจึงแอบหลบซ่อนอย่างดี
คนนั้นคือจักรพรรดินีตัวปลอมผู้หลอกลวง
นางไม่ได้กำลังพบเจอกับเยี่ยจิ่งหานหรอกหรือ?
เหตุใดถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้?
เป็นเพราะเยี่ยจิ่งหานไม่ได้ยื้อนางไว้อย่างนั้นหรือ?
ไม่……
จากความสามารถของเยี่ยจิ่งหานแล้วนั้น เขาไม่มีทางทำไม่สำเร็จอย่างแน่นอน
นอกเสียจาก……
คนที่เข้าพบเยี่ยจิ่งหานคือตัวแทนของจักรพรรดินีตัวปลอม
“เป็นอย่างไรบ้าง เตรียมพร้อมหรือยัง? วันนี้พวกเจ้าต้องหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับข้าแล้ว ฮ่าๆๆ……”
“จักรพรรดินีชั่วช้า ฝันไปเถอะ”
ชิงเฟิง……
เป็นเสียงของชิงเฟิง
ชิงเฟิงอยู่ที่นี่ เช่นนั้นแล้วเซี่ยวอวี่เซวียนก็คงอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน?
กู้ชูหน่วนแอบสังเกตมองไปข้างหน้า
และสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกดีใจก็คือ มีคนสามคนนั่งอยู่ถัดไปจากจักรพรรดินีตัวปลอม
คนหนึ่งคือชิงเฟิง อีกคนคือเจี้ยงเสวี่ย
และอีกคนคือเซี่ยวอวี่เซวียน……
กู้ชูหน่วนรู้สึกดีใจอย่างมาก
เสี่ยวเซวียนเซวียนยังมีชีวิตอยู่
เขายังมีชีวิตอยู่
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเซี่ยวอวี่เซวียนและคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถูกควบคุมด้วยอะไร ทุกคนล้วนแนบพิงไปยังกำแพงและไม่สามารถขยับตัวได้
จักรพรรดินีนั่งดื่มเหล้าอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาและยิ้มอย่างชั่วร้าย สายตาของนางราวกับนักล่าเหยื่อที่กำลังจับจ้องไปที่เหยื่อ
“พวกเจ้าสองคนเสียงดังเกินไป ข้าไม่ชอบอย่างมาก”
จักรพรรดินีพูดและยกมือขวาขึ้นมาเบา ทำให้ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยลอยขึ้นไปกลางอากาศ ไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้
จักรพรรดินีจ้องมองพวกเขาอย่างมีเลศนัย
“เลี้ยงดูมานานมากเช่นนี้ เลือดเนื้อของพวกเจ้าจะต้องเอร็ดอร่อยมากแน่นอน”
เซี่ยวอวี่เซวียนตะโกนออกมาก่อนที่จะถูกจักรพรรดินีดูดกินแก่นสารโลหิตของพวกเขา “วรยุทธ์ของเจ้าได้เข้าสู่ระดับเจ็ดแล้ว ใบหน้าของเจ้าก็กลับมาเป็นปกติแล้ว ต่อให้เจ้าดูดพลังงานของพวกเขาไปจนหมดก็ไม่สามารถทำให้เจ้าเพิ่มระดับวรยุทธ์ได้อีก”
ดวงตาของกู้ชูหน่วนเบิกกว้าง
วรยุทธ์ระดับเจ็ด……
วรยุทธ์ของจักรพรรดินีตัวปลอมคนนี้ไปถึงระดับเจ็ดแล้วอย่างนั้นหรือ?
เช่นนั้นก็หมายความว่า แม้แต่เยี่ยจิ่งหานและเสี่ยวหูเตี๋ยล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาอย่างนั้นหรือ?
กู้ชูหน่วนไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าวรยุทธ์ของนางจะไปถึงระดับเจ็ดแล้ว
ระดับเจ็ดถือเป็นระดับสูงสุดบนโลกมนุษย์แล้ว สามารถกล่าวได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่และอยู่ยงคงกระพันที่สุดบนโลกนี้
เช่นนั้น……
ยังมีใครที่สามารถต่อสู้กับนางได้อีก?
เพราะจักรพรรดินีตัวปลอมหันหลังให้นาง นางจึงไม่รู้ว่าที่จริงแล้วจักรพรรดินีมีหน้าตาเช่นไร
จักรพรรดินีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกไปเมื่อได้ยินคำพูดนี้ นางพูดออกไปอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับหัวเราะออกมา “ตัวตนของจักรพรรดินีนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว หากไม่มีสถานะนี้ละก็ เช่นนั้นแล้วข้าจะสามารถดูดพลังของยอดฝีมือจำนวนมากบนโลกนี้ได้อย่างไร เจ้าควรจะขอบคุณข้า วันนี้ข้าอารมณ์ดี เช่นนั้นข้าจะไม่ทำร้ายทรมานพวกเจ้า ขอเพียงแค่พวกเจ้ายอมสังเวยชีวิตและทุกสิ่งของตัวเองแต่โดยดี”
“ภายในระยะเวลาอันน้อยนิด เจ้าได้ดูดพลังและสารแก่นแท้โลหิตไปเป็นจำนวนมาก เจ้าไม่กลัวจะเกิดผลเสียอย่างนั้นหรือ?”
“เกิดผลเสีย? ฮ่าๆ……ในเมื่อข้ากล้าที่จะดูดกลืนพลัง เช่นนั้นข้าก็ไม่กลัวที่จะเกิดผลเสีย อีกอย่าง……สิ่งที่ข้าดูดกลืนเข้าไปจะไม่ใช่เพียงวรยุทธ์ครึ่งหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นทั้งหมด”
อาจเป็นเพราะได้เพิ่มระดับวรยุทธ์ไปถึงระดับเจ็ด ทำให้จักรพรรดินีอารมณ์เป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ได้เหลือเซี่ยวอวี่เซวียนเอาไว้และให้นอนกับลั่วอิ่ง ทว่าลั่วอิ่งกลับถูกเหวินเส่าอี๋ช่วยเหลือออกไปได้ และจนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถจับตัวฝูกวงและลั่วอิ่งได้
จักรพรรดินีค่อยๆ เดินเข้าหาเซี่ยวอวี่เซวียนช้าๆ และก้มมองเขาอย่างชั่วร้าย “เจ้าควรจะขอบคุณข้า เจ้ามีวรยุทธ์ที่เก่งกาจมากเช่นนี้ หากไม่เป็นเช่นนั้น คืนนี้เจ้าก็คงจะต้องจบชีวิตลงเช่นเดียวกับพวกเขาเช่นกัน”
เซี่ยวอวี่เซวียนพิงกำแพงและไม่แม้แต่จะขยับไปมาได้เลย
เขาสังเกตมองจักรพรรดินีอย่างละเอียด ดูเหมือนว่าต้องการจะเห็นอะไรบางสิ่งบนใบหน้าของนาง และดูเหมือนว่ามองไม่เห็นอะไรเลย
“นึกถึงมหาเวทย์ดูดพลังใช่หรือไม่?”
“เจ้าทำอะไรกับนาง?”
“ใจร้อนอะไรกัน แมวจับหนูก็ต้องค่อยๆ จับสิ”
“หากเจ้ากล้าแตะต้องนางแม้เพียงนิดเดียว ต่อให้ข้าต้องตายไปเป็นผี ข้าก็จะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่”
สีหน้าของจักรพรรดินีเปลี่ยนไปอย่างน่าหวาดกลัวและคำรามออกมาด้วยความโกรธ “เด็กสาวคนนั้นมีดีตรงไหนกัน นางทำเรื่องชั่วร้ายมากมาย แต่พวกเจ้ากลับยังคงชอบนาง? เจ้าเป็นเช่นนี้
อี้เฉินเฟยก็เป็นเช่นนี้ เหวินเส่าอี๋ก็เช่นกัน ซือม่อเฟยก็ไม่ต่าง แม้แต่เยี่ยจิ่งหานก็เป็นด้วยอีกคน”
“นางดีกว่าเจ้าแน่นอน ความดีของนางไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้”
“ควับ……”
จักรพรรดินีบีบไปที่คอของเซี่ยวอวี่เซวียน ความแรงของกำลังทำให้นางอดไม่ได้ที่จะบีบคอเขาให้ตายไป
กู้ชูหน่วนรู้สึกร้อนใจอย่างมาก
ทว่านางกลับทำได้เพียงอดทนอดกลั้นเอาไว้
วรยุทธ์ระดับเจ็ด……
นางมีวรยุทธ์ถึงระดับเจ็ด……
ขอเพียงแค่นางต้องการฆ่า ไม่ว่าใครก็ไม่อาจหลุดพ้นเงื้อมมือนางไปได้
แม้แต่เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ก็ไม่มีทาง
หากออกไปอย่างหุนหันพลันแล่น มีแต่จะทำให้เซี่ยวอวี่เซวียนต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ลง
เซี่ยวอวี่เซวียนหายใจอย่างยากลำบาก ทว่าใบหน้าของเขากลับมีรอยยิ้ม “เจ้าเป็นได้เพียง……เป็นได้เพียงเงาเท่านั้น……เงาของท่านแม่ของนางไปตลอด……”
“เพี๊ยะ……”
“ตุ่บ……”
จักรพรรดินีโยนเจี้ยงเสวี่ยและชิงเฟิงลง จากนั้นตบลงที่ใบหน้าของเซี่ยวอวี่เซวียนอย่างแรง ความแรงนั้นทำให้ฟันของเซี่ยวอวี่เซวียนหลุดออกมาถึงสองซี่ กู้ชูหน่วนโมโหอย่างมากแต่ทำได้เพียงกัดฟันกรอด
“ข้าเตือนเจ้า ห้ามเจ้าพูดว่าข้าคือเงาอีกเป็นอันขาด”
เซี่ยวอวี่เซวียนไม่เกรงกลัวนาง แม้ว่าปากของเขาจะเต็มไปด้วยเลือด เขายังคงหัวเราะและกล่าวว่า “เงา……เจ้าก็เป็นเพียงเงาเท่านั้น”
กู้ชูหน่วนแทบอยากเตอะเซี่ยวอวี่เซวียนให้ตายลงเสียตรงนั้น
เจ้าหมอนี่ ไม่รู้จักปกป้องชีวิตของตัวเองเลยหรืออย่างไร?