กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 966
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 966
ผู้นำตระกูลซั่งกวนกะพริบตาและกล่าวว่า “ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก แต่พวกเขานั้นมีความลึกลับอย่างมาก และปรากฏตัวให้เห็นน้อยครั้งนัก ข้าก็แค่ได้ยินมาจากผู้อาวุโสสูงสุดในเผ่าเท่านั้น แล้วเจ้าล่ะ เหตุใดเจ้าถึงมีพลุสัญญาณของเผ่าเพลิงฟ้า? เจ้าสนิทกับพวกเขาอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าเคยเห็นเรือนร่างของหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า นับว่าสนิทหรือไม่?”
ทันใดนั้นผู้นำตระกูลซั่งกวนก็หันไปมองกู้ชูหน่วน และสายตาของเขาเผยให้เห็นความไม่เชื่อ
กู้ชูหน่วนหัวเราะขบขัน “นั่นไง เขามาแล้ว”
ลมเย็นพัดผ่าน เงาใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นราวกับเทวดามาโปรด และเผยให้เห็นตัวตนตรงหน้าของพวกเขา
ท่วงท่าของชายผู้นี้เปรียบเสมือนหยก อ่อนโยนและสง่างาม ทว่าจากท่าทางของเขาก็พอดูออกว่าคนคนนี้ไม่ธรรมอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นเหวินเส่าอี๋ปรากฏตัวขึ้น กู้ชูหน่วนก็รีบแนะนำ “ข้าจะแนะนำให้รู้จัก ท่านนี้คือผู้นำตระกูลซั่งกวน ท่านนี้คือหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า และเป็นผู้นำตระกูลเหวินในตอนนี้ เหวินเส่าอี๋”
ผู้นำตระกูลซั่งกวนขมวดคิ้วเล็กน้อย และสังเกตจองเหวินเส่าอี๋อย่างไม่กะพริบตา โดยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
ท่าทางของเหวินเส่าอี๋ดูเย็นชาลง แม้แต่แววตาของเขาก็ดูเยือกเย็น
ทว่ากู้ชูหน่วนยังคงสัมผัสไม่ได้ถึงรัศมีการข่มขู่ของเขา และได้พูดกับตัวเองว่า “อย่าใช้สายตาเช่นนั้นจ้องมองข้า จักรพรรดินีฆ่าสังหารตระกูลหนิงไปแล้ว และดูดพลังของยอดฝีมือทุกคนในตระกูลหนิงและตระกูลไป๋หลี่ไปจนหมด ข้าเกรงว่าลำดับต่อไปนางจะลงมือกับตระกูลซั่งกวนและตระกูลเหวินของพวกเจ้า ข้าก็เลยหวังดีพาให้พวกเจ้ามาทำความรู้จักกัน เพื่อจะได้โค่นล้มและทำลายกรงเล็บของจักรพรรดินี”
เหวินเส่าอี๋หัวเราะอย่างเย็นชา
เขาเป็นหัวหน้าของเผ่าเพลิงฟ้า เรื่องนี้น้อนคนนักที่จะรู้
นางกลับจงใจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาต่อหน้าผู้นำตระกูลซั่งกวน นี่คือการบีบบังคับให้เขาต้องร่วมมือกับตระกูลซั่งกวน หรือ……บีบบังคับให้เขาฆ่าผู้นำตระกูลซั่งกวน
และเผ่าเพลิงฟ้าของเขา……
ไม่ยินดีที่จะร่วมมือกับผู้อื่น
นางกำลังคิดอะไรของนางกันแน่?
ผู้นำตระกูลซั่งกวนพยายามสงบสติอารมณ์ในใจของเขา และค่อยๆ กล่าวขึ้นมาว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าผู้นำตระกูลเหวินจะอายุน้อยเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า ข้าขอโทษด้วยที่เสียมารยาท”
“เผ่าเพลิงฟ้าอาศัยอยู่อย่างสันโดษมาหลายสิบปีแล้ว ผู้นำตระกูลซั่งกวนก็รู้อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่ค่อยรู้เท่าไรนัก รู้เพียงแค่เผ่าที่มั่นคงและยิ่งใหญ่ ผู้นำตระกูลเหวินคือหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า เช่นนั้นก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างมาก การโค่นล้มจักรพรรดินีของเราก็พอจะมีทางชนะขึ้นมาได้บ้าง ไม่ทราบว่าผู้นำตระกูลเหวิน……”
กู้ชูหน่วนได้สติจึงรีบตอบสนอง “จักรพรรดินีฝึกฝนบำเพ็ญเพียรวิชาชั่วร้าย และตั้งใจดูดพลังวรยุทธ์ของคนอื่นเพื่อเพิ่มระดับวรยุทธ์ของตัวเอง ยอดฝีมือของตระกูลหนิงและตระกูลไป๋หลี่ต่างก็ถูกนางดูดพลังวรยุทธ์ภายในไปจนหมด หากไม่เตรียมตัวเสียแต่ตอนนี้ เกรงว่าลำดับถัดไปนางก็จะลงมือกับพวกเจ้า ข้าคิดว่าพวกเจ้าสามารถร่วมมือกันได้ อีกอย่างเจ้าก็ไม่ต้องการแต่งงานกับจักรพรรดินี เช่นนั้นก็โค่นล้มนาง เช่นนี้การแต่งงานก็ถือเป็นโมฆะแล้วไม่ใช่หรือ”
เหวินเส่าอี๋กำลังยิ้ม ทว่ารอยยิ้มของเขากลับว่างเปล่า และทำให้รู้สึกหนาวเหน็บ “เจ้าเรียกข้าออกมา เพื่อเรื่องนี้หรอกหรือ?”
“ใช่น่ะสิ จักรพรรดินีมีวรยุทธ์ที่แท้จริงถึงระดับเจ็ด หากไม่หาคนร่วมมือ เช่นนั้นจะลงมือจัดการได้ง่ายดายอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าว่าอะไรนะ ระดับเจ็ด?”
“ใช่ ระดับเจ็ด นางดูดพลังวรยุทธ์ของคนอื่นตลอดเวลา หากไม่ขัดขวาง เกรงว่านางคงเพิ่มขึ้นเกินระดับของมนุษย์แล้ว”
นี่ถือเป็นข่าวที่น่าตกใจอย่างมากของเหวินเส่าอี๋
เขารู้ว่าจักรพรรดินีไม่ธรรมดา ทว่าอย่างไรเสียเขาก็คาดไม่ถึงว่าวรยุทธ์ของนางจะถึงระดับเจ็ดได้
เขาติดอยู่ที่ระดับหกขั้นสูงสุดนี้มานานมากแล้ว และไม่สามารถขยับเพิ่มไประดับเจ็ดได้เลย
แต่ตอนนี้……
วรยุทธ์ระดับเจ็ดสามารถควบคุมทำทุกอย่างได้ และแน่นอนว่า……ไม่ง่ายเลยที่จะรับมือ
“ต่อให้นางมีวรยุทธ์ระดับเจ็ด แต่กฎของเผ่าเพลิงฟ้ากล่าวว่าไม่สามารถเข้าร่วมการฆ่าสังหารราชวงศ์ได้”
“หากนางเป็นจักรพรรดินีตัวปลอมล่ะ?”
“ตัวปลอม? เช่นนั้นแล้วจักรพรรดินีตัวจริงล่ะ?”
“ตายแล้ว”
เหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นางคือจักรพรรดินีตัวปลอม เพียงแค่เจ้าโค่นล้มนาง เจ้าก็จะไม่ต้องแต่งงานกับนาง”
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเหวินเส่าอี๋ก็รู้สึกเห็นด้วยเล็กน้อย
และไม่นานประกายไฟแห่งการเห็นด้วยนั้นก็ดับลง
“กฎของเผ่าเพลิงฟ้าคือการแต่งงานกับจักรพรรดินี แต่ไม่ได้บอกว่าจักรพรรดินีคนไหน เพียงแค่มีคนก้าวขึ้นมารับตำแหน่งจักรพรรดินี ข้าก็จำเป็นต้องแต่งงานด้วย สิ่งที่ข้าต้องการก็คือ พวกเขาจะต้องเสียใจและยกเลิกการแต่งงานนี้ไป”
“เจ้าช่างโง่เขลา เพียงแค่โค่นล้มจักรพรรดินีตัวปลอมและแต่งตั้งจักรพรรดินีคนใหม่ขึ้นมา และบอกให้นางยกเลิกการแต่งงานลงไม่ดีกว่าอีกหรือ”
“ฮึ เจ้าคิดจะใช้วิธีการนี้ให้จักรพรรดินียกเลิกการแต่งงานอย่างนั้นหรือ?”
แววตาของเหวินเส่าอี๋ช่างเยือกเย็นเหลือเกิน กู้ชูหน่วนรู้ดีว่าหากนางพูดว่าใช่ เหวินเส่าอี๋คงคิดหาวิธีจัดการกับนางอย่างแน่นอน
นางหัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าก็เหมือนกับเยี่ยจิ่งหานที่มีวรยุทธ์ระดับหกขั้นสูงสุด เยี่ยจิ่งหานได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของนางแล้ว นางได้ดูดพลังวรยุทธ์ของเยี่ยจิ่งหานไปหมดแล้ว เช่นนั้นแล้วนางจะยอมปล่อยเนื้อชั้นเลิศอย่างเจ้าไปอย่างนั้นหรือ อีกอย่าง……เจ้าบอกให้ข้าตามหาดวงวิญญาณไม่ใช่หรือ? ข้าสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณดวงนั้นที่เจ้าต้องการ อยู่ที่ห้องลับแห่งหนึ่งในวังใต้ดินของวังหลวง”
“ห้องลับในวังใต้ดิน?”
“ใช่ หนึ่งในนั้นอยู่ในมือของจักรพรรดินีตัวปลอม”
เหวินเส่าอี่หรี่ตาลงและสังเกตมองกู้ชูหน่วน ราวกับไตร่ตรองว่ากู้ชูหน่วนกำลังโกหกหรือไม่
กู้ชูหน่วนปล่อยให้เขาสังเกตและยกมือขึ้นสาบาน “ขอให้ฟ้าเป็นพยาน หากข้าพูดโกหก ขอให้อดีตสามีของข้าตายอย่างไร้ศพและไร้ที่ฝัง”
สีหน้าของผู้นำตระกูลซั่งกวนแย่ลงทันที
สาบานโดยใช้ความเป็นความตายของลูกชายของเขาต่อหน้าเขา ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่ให้เกียรติและไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยจริงๆ
ยังไม่ทันที่ผู้นำตระกูลซั่งกวนจะโมโหขึ้นมา กู้ชูหน่วนก็ได้แลบลิ้นออกมาและหัวเราะออกมา “ที่ข้าพูดออกไปเป็นความจริง ลูกชายของท่านไม่มีทางเป็นอะไรได้”
“เสี่ยวหูเตี๋ย เป็นอย่างไรบ้าง ร่วมมือกันได้หรือไม่?”
“ไม่ได้”
“ขวานผานกู่ก็อยู่ในมือของจักรพรรดินีตัวปลอมด้วยเช่นกัน”
“……”
“รอให้นางดูดพลังวรยุทธ์ของเยี่ยจิ่งหานไปจนหมด ถึงตอนนั้นต่อให้ยอดฝีมือของเผ่าเพลิงฟ้าของเจ้ารวมกัน ก็ยากที่จะทำอะไรนางได้”
“……”
“เจ้าให้ข้าฆ่าจักรพรรดินี วรยุทธ์ระดับเจ็ดเชียวนะ อีกทั้งนางยังเป็นจักรพรรดินีของรัฐ เจ้าฆ่าข้าเสียดีกว่า ถึงอย่างไรเสีย หากข้าเชื่อเจ้าและลงมือจัดการกับนาง ข้าก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น”
“……”
มุมปากของเหวินเส่าอี๋ขยับและหันหลังเดินกลับไป
“ความแค้นที่เผ่าเพลิงฟ้าถูกฆ่าตายไปเกือบหมด เจ้าไม่คิดล้างแค้นแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ฝีเท้าของเหวินเส่าอี๋หยุดชะงัก และแววตาแห่งรัศมีสังหารได้ปรากฏออกมา
แน่นอนว่าจะต้องล้างแค้นให้กับเผ่าเพลิงฟ้า ทว่าพวกเขาไม่สามารถร่วมมือกับตระกูลซั่งกวนได้ หากร่วมมือกัน เช่นนั้นธรรมชาติความเป็นพวกเขาก็จะเปลี่ยนไป
และพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับใครด้วย
“ไม่มีข้า เจ้าไม่มีทางหาทางเข้าเส้นทางลับได้หรอก” กู้ชูหน่วนตะโกนออกไป
ผู้นำตระกูลซั่งกวนเดินก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อจะขัดขวางเหวินเส่าอี๋ “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ท่านผู้นำตระกูลเหวิน ข้าหวังว่าท่านควรพิจารณาไตร่ตรองดูให้ละเอียด”
“ตระกูลเหวินจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในราชวงศ์อย่างแน่นอน”
กู้ชูหน่วนกล่าว “เช่นนั้นเจ้าก็เอาดวงวิญญาณและขวานผานกู่ของเจ้า เราจะไปร่วมกันโค่นล้มจักรพรรดินีตัวปลอมกันเองในช่วงเวลาที่สำคัญ”
“อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ เจ้าต้องการขวานผานกู่ ต้องการดวงวิญญาณ ต้องการให้จักรพรรดินีตัวปลอมนั่นตายไปเสีย และหากร่วมมือกับเราแล้วถือเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก”
“อีกอย่างจักรพรรดินีก็ไร้มนุษยธรรม เข่นฆ่าผู้อื่นอย่างเลือดเย็น ไม่แยกแยะระหว่างผู้จงรักภักดีและผู้ทรยศ ประชาชนอดอยากไร้ที่พึ่งพิง และไม่มีใครใส่ใจดูแลบรรเทาให้พวกเขา จักรพรรดินีกลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่สนใจความเดือดร้อนของผู้คน และไม่รู้เลยว่าประชาชนต้องอดอยากล้มตายลงเท่าไร ข้าเชื่อว่า เจ้าก็คงไม่ต้องการเห็นประชาชนต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากแร้นแค้นถึงเพียงนี้”
ประโยคสุดท้ายนั้นกระทบกระเทือนจิตใจเหวินเส่าอี๋ไม่น้อย
เขาต้องการฆ่าเยี่ยจิ่งหานและเซี่ยวอวี่เซวียน โดยไม่ต้องจำเป็นต้องพึ่งพานาง
ทว่าดวงวิญญาณและประชาชนทุกคนในดินแดนนี้ หากมีนางคอยช่วยเหลือเรื่องนี้ก็สำเร็จอย่างง่ายดาย
จักรพรรดินีคนนั้น เขารู้สึกรังเกียจนางจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาจะแต่งงานกับนางได้อย่างไร?
หากนางยังไม่ตาย ประชาชนและดินแดนนี้ก็จะไม่มีทางสงบสุข และทุกคนจะเดือดร้อนกันอย่างสาหัส
“เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร”
กู้ชูหน่วนดีใจ
เหวินเส่าอี๋พูดออกมาเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าเขาได้ตอบตกลงร่วมมือกับพวกนาง
“ช่วยข้าจับตัวจักรพรรดินี และลงมือฆ่าสังหารนางในจังหวะที่เหมาะสม”
“ช่วยจับตัวน่ะได้ แต่หากให้ข้าฆ่านางด้วยตัวข้าเอง ข้าทำไม่ได้ เผ่าเพลิงฟ้ามีกฎอยู่”
“ได้” กู้ชูหน่วนไม่คิดปฏิเสธอีก
เหวินเส่าอี๋ค่อยๆ กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา “ก่อนถึงตอนนั้น เจ้าต้องพาข้าไปที่เส้นทางลับก่อน ข้าจำเป็นต้องเห็นดวงวิญญาณดวงนั้นว่าอยู่ที่นั่นหรือไม่ด้วยตัวข้าเอง”