กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 969
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 969
“เหวินเส่าอี๋ยังบอกอีกว่า เจ้าเป็นเพียงแค่ตัวสำรองเท่านั้น อย่างดีที่สุดก็เป็นได้เพียงเงา ให้เขาแต่งงานกับเจ้า ให้เขาไปกินขี้จะดีเสียกว่า”
ฮวาอิ่งเกลียดที่คนอื่นเรียกนางว่าเงาและตัวสำรองที่สุด ทว่ากู้ชูหน่วนกลับพูดแทงใจดำออกไป และบอกว่านางคือตัวสำรอง ทำให้นางรู้สึกโกรธอย่างมาก
และสิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าก็คือ กู้ชูหน่วนโบกมือและคิดต้องการทำลายดวงวิญญาณดวงนั้นลง ฮวาอิ่งและเหวินเส่าอี๋จะปล่อยให้ดวงวิญญาณถูกทำลายไปได้อย่างไร จากนั้นทั้งสองจึงยื่นมือออกไปแย่งชิงดวงวิญญาณกลับมาพร้อมกัน
เมื่อความแข็งแกร่งทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน ห้องลับในวังใต้ดินก็เกิดสั่นสะเทือนขึ้นอย่างแรง
กู้ชูหน่วนใช้โอกาสขณะที่พวกเขาสองคนต่อสู้กันหลบหนีออกไป
ฮวาอิ่งและเหวินเส่าอี๋ต้องการจะไล่ตาม ทว่าเส้นทางลับภายในวังใต้ดินนี้มีความสลับซับซ้อนอย่างมาก อีกทั้งอีกฝ่ายก็ตามล่าไม่เลิกรา จึงทำได้เพียงจัดการสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้จบเสียก่อน
กู้ชูหน่วนอาศัยความจำอันยอดเยี่ยมของนางวิ่งอย่างต่อเนื่อง นางคิดจะช่วยเซี่ยวอวี่เซวียนและชิงเฟิง เจี้ยงเสวี่ยออกไปจากวังใต้ดิน
และหลังจากที่นางวิ่งหาอยู่นาน สุดท้ายนางก็เจอห้องลับห้องนั้นที่กักขังเซี่ยวอวี่เซวียนในขณะนั้น ทว่านางกลับพบว่าในห้องไร้ผู้คน และไม่รู้ว่าเซี่ยวอวี่เซวียน ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยถูกพาตัวย้ายไปที่ไหนแล้ว
หากคิดจะหาพวกเขาทั้งสามคนให้เจอในวังใต้ดินที่มีความสลับซับซ้อนและคดเคี้ยวเช่นนี้นั้นนับเป็นเรื่องยากอย่างมาก
นางเดินวนไปมาอยู่นานก็ไม่เจอใคร
การเคลื่อนไหวสั่นสะเทือนภายในเส้นทางลับยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนนางแทบอดคิดไม่ได้ว่ามันจะถล่มลงมาหรือไม่ และนางก็ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเหวินเส่าอี๋และจักรพรรดินีตัวปลอมจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดมากเพียงใด
“ตู้ม……”
หินขนาดใหญ่จำนวนมากถล่มลงมา จนทำให้เส้นทางลับพังลงมุมหนึ่ง
และกู้ชูหน่วนเกือบจะถูกหินทับตาย
เมื่อเห็นว่าเวลายิ่งน้อยลงและการตามหาเซี่ยวอวี่เซวียนก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่งขึ้น
กู้ชูหน่วนเป็นกังวลว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป และหากเหวินเส่าอี๋พ่ายแพ้ให้กับจักรพรรดินีตัวปลอมและถูกจักรพรรดินีตัวปลอมดูดพลังวรยุทธ์ไปหมด เช่นนั้นแล้วโลกนี้คงยากที่จะหาใครมาจัดการจักรพรรดินีตัวปลอมคนนี้ได้อีก
กู้ชูหน่วนกระทืบเท้า จากนั้นจึงเดินย้อนกลับไปช่วยเหลือเหวินเส่าอี๋
“ตึ่ง ตู้มๆ……”
มีเสียงดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง และเส้นทางที่กำลังจะเดินไปก็ถูกหินขนาดใหญ่ลงมาปิดทางเอาไว้
การเคลื่อนไหวของที่นี่เป็นที่สังเกตอย่างมาก ทำให้ดึงดูดทหารรักษาพระองค์เข้ามาเป็นจำนวนมาก
กู้ชูหน่วนจนปัญญาและสุดท้ายก็ทำได้เพียงออกไปจากที่นี่ก่อน
ไม่ง่ายเลยที่นางจะหลอกล่อเหวินเส่าอี๋ให้เข้ามาดึงดูดความสนใจของจักรพรรดินีตัวปลอม นางไม่อยากเสียโอกาสดีๆ นี้ไป
แววตาของกู้ชูหน่วนคมกริบและรีบวิ่งไปยังหอดาบอย่างรวดเร็ว
นางรู้ดีว่าหอดาบมีจำนวนยอดฝีมือมากน้อยเพียงใด
ทว่านางจำเป็นต้องลองเสี่ยงดูสักครั้ง
“วิ่งไปไหนน่ะ”
กู้ชูหน่วนรีบหยุดลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างๆ หู
เพราะนางวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ทำให้นางเกือบจะล้มลง
“เยี่ยจิ่งหาน”
กู้ชูหน่วนร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
เขาควรจะถูกกักขังอยู่ภายในหอดาบไม่ใช่หรือ?
เหตุใดถึงปรากฏตัวขึ้นที่อุทยานหลวงได้ล่ะ?
และเมื่อเห็นว่าเขาสามารถนั่งอยู่บนรถเข็นและเข็นเองเพียงลำพัง กู้ชูหน่วนก็รู้ได้ว่าขาของเขายังไม่หายดี
“เดินไปทางนี้”
เยี่ยจิ่งหานนำทางนางเดินเข้าไปยังทางเดินภูเขาจำลอง
“ฉึก……”
ไม่รู้ว่าเขากดไปที่ใดทำให้แผงควบคุมของภูเขาจำลองเปิดออก จากนั้นก็ได้มาปรากฏตัวขึ้นที่เส้นทางลับแห่งหนึ่ง
ภายในวังใต้ดินยังคงมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอย่างต่อเนื่อง และมีหินถล่มลงมาหลายแห่ง
ตอนนี้วังหลวงกำลังอลหม่านวุ่นวายและทุกพื้นที่ก็เต็มไปด้วยทหารองครักษ์ หากไม่ระมัดระวังก็อาจถูกพวกเขาตามตัวเจอได้
เยี่ยจิ่งหานกล่าว “จากตรงนี้เดินตรงไปข้างหน้า จากนั้นเดินเลี้ยวไปมาอีกไม่กี่ครั้งก็สามารถออกไปจากวังหลวงได้ เรารีบไปกันเถอะ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่มีเส้นทางลับ?”
“เจ้าคิดว่าข้าอยู่ในวังหลวงมาตั้งนานเพื่ออะไรกัน”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าคิดทำอะไร เพราะทุกครั้งที่ข้าเจอเจ้า เจ้าก็ถูกมัดแขนมัดขาเอาไว้อยู่บนเตียงให้คนอื่นชื่นชม”
“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะควักดวงตาของเจ้าออกมาตอนนี้เลย”
“เชื่อ เจ้ามีความสามารถในการข่มขู่คนอื่น หากเจ้ากล้าออกมา นั่นก็แสดงว่าไม่มีใครสามารถขัดขวางเจ้าได้”
“……”
เมื่อเห็นว่าเยี่ยจิ่งหานกำลังโกรธ กู้ชูหน่วนจึงชิงพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าที่นี่มีเส้นทางลับ เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าเซี่ยวอวี่เซวียนอยู่ที่ใด?”
“ไม่รู้”
“งั้นเอาเช่นนี้ เจ้าออกไปก่อน ข้าจะกลับเข้าไปหาอีกครั้ง ไม่แน่อาจจะพบเบาะแสของเสี่ยวเซวียนเซวียนก็เป็นได้”
“ตึ่ง ตู้มๆ……”
วังใต้ดินถล่มลงมาอีกครั้ง และที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ก็ได้รับผลกระทบด้วย ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยหินที่ตกลงมา ซึ่งสถานการณ์อันตรายอย่างมาก
เยี่ยจิ่งหานกล่าว “ไปก่อนเถอะ หากยังไม่ออกไป อย่าว่าแต่เซี่ยวอวี่เซวียนเลย แม้แต่เราสองคนก็ต้องตายลงที่นี่”