กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 975
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 975
กู้ชูหน่วนต้องการดึงมือของเขาออกจากคอ ทว่ายิ่งดึงมากแค่ไหน เขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น ทำให้นางเกือบขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำไม่ได้และเกือบตายลงคามือของเขา
การหายใจเป็นไปอย่างยากลำบากและปวดคอ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ทำให้กู้ชูหน่วนกลอกตา
เมื่อดึงแขนของเยี่ยจิ่งหานไม่ได้ และไม่สามารถแก้ปมเชือกที่รัดเขาไว้แล้วทิ้งเขาอยู่ตรงนั้น กู้ชูหน่วนจึงหยิกน่องของเขาอย่างแรง
นางใช้กำลังแรงกายทั้งหมดที่มี เยี่ยจิ่งหานเจ็บจนก้มลงมองกู้ชูหน่วน
และเห็นว่ากู้ชูหน่วนก็กำลังจ้องมองเขาอย่างโกรธเคือง และยังชี้ไปที่มือของเขาที่กำลังรัดคอนางอยู่
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ทุกข์ทรมานและการหายใจของนาง เยี่ยจิ่งหานก็นึกขึ้นมาได้
เขาปลดมือที่รัดคอของนางออก และจับไปยังเสื้อของนาง เสมือนกับเห็นกู้ชูหน่วนเป็นฟางช่วยชีวิต
หลังจากแขนของเขายกออกไป กู้ชูหน่วนก็รู้สึกดีขึ้นมาก แม้ว่าจะยังไม่สามารถหายใจได้ ทว่านางกลับยิ่งว่ายน้ำเร็วกว่าเดิม
แขนเสื้อถูกดึง ดึงแน่นขึ้นเรื่อยๆ……
แน่นจนกู้ชูหน่วนแทบว่ายน้ำต่อไปไม่ได้
นางแทบอดไม่ได้อยากถีบเยี่ยจิ่งหานกระเด็นออกไป
ช่วยอะไรไม่ได้ แต่กลับยิ่งสร้างปัญหามากกว่าเดิม
ว่ายน้ำกลับไปก็ดูจะไกลเกินไป
ส่วนหนทางข้างหน้านั้นก็ไม่รู้ว่ามีทางออกไหม ตอนนี้ถือว่าเลือกยากทั้งสองทาง
กู้ชูหน่วนแทบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
เรี่ยวแรงของนางลดลงเรื่อยๆ เมื่อหันไปมองเยี่ยจิ่งหาน ทว่ากลับเห็นเยี่ยจิ่งหานก็ไม่ต่างไปจากนางเท่าไรนัก ถึงขั้นที่สติในการรับรู้ก็ลดลงไป
เจ้าหมอนี่ เขามีกำลังภายในที่แข็งแกร่งไม่ใช่หรือ?
เหตุใดถึงดูอ่อนหัดกว่านางเสียอีก?
กู้ชูหน่วนพยายามดึงเยี่ยจิ่งหาน หวังว่าเขาจะตื่น
และร่างกายของเยี่ยจิ่งหานก็เริ่มอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง
ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ กู้ชูหน่วนทำได้เพียงปลดผ้าที่มัดไว้ และลากเขาไปข้างหน้าและประทับริมฝีปากลงไป
ซี๊ด……
ทันใดนั้นเยี่ยจิ่งหานก็เงยหน้าขึ้นมา
ริมฝีปากของเขาเย็นเฉียบและลมหายใจที่หายไปก็กลับมา ในสายตาที่พร่ามัวเขาเห็นกู้ชูหน่วนกำลังกอดเขาไว้ และพยายามผายปอดให้เขา
ร่างกายของเยี่ยจิ่งหานราวกับรูปปั้นหิน ที่ปล่อยให้กู้ชูหน่วนทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้
ในหัวของเขามีภาพของนางและอาหน่วนสลับทับซ้อนกันไปมา
ความรู้สึกเช่นนี้
อุณหภูมินี้
เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าต่างกับกู้ชูหน่วนอย่างไร
เยี่ยจิ่งหานที่ถูกกระทำกลับกลายเป็นผู้กระทำ และดื่มด่ำไปกับความรู้สึกเช่นนี้
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆ ก็มีกระแสน้ำวนเข้ามาและเกือบทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน
ทั้งสองอยู่ในกระแสน้ำวน ราวกับทั้งสองถูกโยนลงไปในเครื่องปั่นและถูกปั่นจนเวียนหัว
กู้ชูหน่วนเวียนหัว
เยี่ยจิ่งหานยิ่งเวียนหัวไปกันใหญ่
รับรู้เพียงอย่างเดียวคือ ไม่ว่ากระแสน้ำจะแรงมากเพียงใด กู้ชูหน่วนยังคงกอดเขาแน่น
ต่อให้ผ้าที่ผูกไว้จะขาดออกไป ทว่ากู้ชูหน่วนยังคงกอดเขาแน่นอย่างนั้นไม่ปล่อยมือ
เยี่ยจิ่งหานค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น
เมื่อถูกนางกอดอยู่เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นกว่าเดิม
เมื่อรอให้เยี่ยจิ่งหานฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ข้างๆ ของเขาก็มีสิ่งหนึ่งที่กำลังกระทบใบหน้าของเขาอยู่ จักกะจี้และลื่นมาก และยังมี……กลิ่นบางอย่าง กลิ่นนี้ไม่ใช่กลิ่นเหม็น ทว่ากลับเป็นกลิ่นที่มีความหวานจางๆ
“ตื่นได้แล้ว ถ้ายังไม่ตื่นข้าจะโยนเจ้าให้ปลากินแล้วนะ”
เยี่ยจิ่งหานค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา และเห็นกู้ชูหน่วนกำลังใช้เท้าเปล่าของนางเตะไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
และเมื่อนึกถึงสิ่งที่กระทบไปที่ใบหน้าของเขาคือเท้าของนาง และเห็นร่างกายของเขาที่เปลือยเปล่า เยี่ยจิ่งหานก็ลุกขึ้นทันที
เขาเจ็บหลังและขามาก
เขาปิดกุมร่างกายของตัวเองและตะโกนออกไป “เจ้าถอดเสื้อผ้าของข้าอีกแล้วหรือ”
กู้ชูหน่วนเกือบทำปลาย่างในมือตก
“เสื้อผ้าของเจ้าเปียกเช่นนั้น และเจ้าก็เป็นไข้ หากไม่ถอดเจ้าคิดจะใส่อยู่เช่นนั้นหรือ? ทำดีกลับไม่ได้ดี ข้าต้องพยายามมากแค่ไหนถึงจะทำให้ไข้ของเจ้าลด ไม่ขอบคุณไม่พอ แถมยังมาด่าข้าอีก”
กระอักเลือด……
เช่นนั้นก็ไม่ถึงขั้นต้องถอดทั้งหมด?
ควรจะเหลือให้เขาปกปิดสักชิ้นก็ยังดี