กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 983
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 983
เมื่ออยู่กับกู้ชูหน่วนนาน เยี่ยจิ่งหานก็เริ่มควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
แต่ทุกครั้งก็ถูกทำให้โมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา
“หากข้าเป็นสามีของเจ้า ข้าก็จะเตะเจ้าเช่นกัน เจ้าทั้งทึ่มทั้งซื่อบื้อ แถมยังยอมแห้ง จับไปแทบไม่มีเนื้อเลยสักนิด”
“ฮึ ข้าว่าเจ้าปากเก่งขึ้นมากเชียวนะ หากเจ้าเก่งเหมือนปากของเจ้า เจ้าคงไม่ถูกคนอื่นรังแกหรอก”
“ข้าถูกคนอื่นรังแกอย่างไร?”
“เหวินเส่าอี๋คิดทำร้ายเจ้า จักรพรรดินีก็รังแกเจ้า แถมยังปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเจ้าเพื่อเชยชมบนเตียง ฮี่ฮี่ฮี่……”
“ฟลึ่บ……”
ลมแรงพัดผ่านไป กู้ชูหน่วนเกือบถูกฝ่ามือตบ
จากนั้นนางตบลูบหน้าอก ส่วนอีกฝ่ายจ้องมองกู้ชูหน่วนด้วยแววตาโกรธเคือง
“ฮึ สู้พวกเขาไม่ได้ก็พูดถึงเรื่องหนี้บุญคุณ ความสามารถของเจ้าแข็งแกร่งอย่างมาก ข้าไม่อาจสู้ได้”
“หากพูดมากอีก ระวังข้าจะฉีกปากของเจ้า”
“ก็ได้ อย่างไรเสียทุกคนก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อเจ้าไม่อยากให้ข้าพูด เช่นนั้นข้าไม่พูดก็ได้”
“……”
“หยุด”
เยี่ยจิ่งหานยื่นมือออกไปจับเถาวัลย์ เพื่อบังคับให้กู้ชูหน่วนหยุด
แววตาของเขาเยือกเย็นเผยให้เห็นความโกรธโมโห
“ข้าจะพูดอีกครั้งว่าข้าและจักรพรรดินีชั่วร้ายนั่นไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“อ้อ……”
กู้ชูหน่วนพยักหน้า แต่ทำอย่างไรแววตาคู่นั้นก็ดูไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
แต่กลับทำให้นางรู้สึกว่าเยี่ยจิ่งหานพยายามปกปิด แต่กลับกลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้
เยี่ยจิ่งหานมโหขึ้นอีกครั้งและสามารถระเบิดอารมณ์ได้ทุกขณะ
จากนั้นกู้ชูหน่วนจึงพูดขึ้นมา “เจ้าจะอธิบายกับข้าเพื่ออะไรให้มากมาย”
เยี่ยจิ่งหานตกตะลึง
ใช่ เขาจะอธิบายให้นางฟังไปเพื่ออะไร?
นางเองก็รู้ดีว่าเขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับจักรพรรดินี นางก็แค่หยอกล้อเขาเท่านั้นเอง
เหตุใดเขาถึงกลัวว่านางจะเข้าใจผิด
เยี่ยจิ่งหานควบคุมอารมณ์ในทันทีและกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “ชื่อเสียงของข้าเป็นสิ่งที่เจ้าควรทำให้เสื่อมเสียอย่างนั้นหรือ? หากอาหน่วนของเจ้ามาได้ยินเข้าจะทำเช่นไร”
กู้ชูหน่วนหัวเราะชอบใจและชี้ไปที่ถ้ำที่อยู่ข้างหน้า
“เจ้าอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน รอให้อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีก่อนแล้วค่อยออกมารับมือกับจักรพรรดินี ส่วนอาหารการกินข้าได้สั่งให้สัตว์ป่าทั้งหลายจัดการให้เจ้าแล้ว วางใจได้ ที่นี่ปลอดภัยมาก จักรพรรดินีไม่มีทางหาเจ้าเจออย่างแน่นอน”
บริเวณปากถ้ำไม่ใหญ่และถูกเถาวัลย์ปิดไว้ หากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็ไม่มีทางรู้ได้เลย อีกทั้งที่นี่ยังห่างไกลและเป็นที่รกร้าง คนธรรมดาไม่มีทางหาที่นี่เจออย่างแน่นอน
และยิ่งไม่มีใครรู้ได้ว่าพวกเขาได้มาถึงภูเขาในหมู่บ้านนี้แล้ว
เยี่ยจิ่งหานถาม “เช่นนั้นแล้วเจ้าล่ะ?”
“ข้าจะไปทำธุระสักเล็กน้อย”
“ให้เวลาข้าสักหน่อย แล้วข้าจะไปกับเจ้า”
“เวลามีจำกัด ข้ารอได้ แต่เขาอาจรอไม่ได้” ไม่พูดเปล่า กู้ชูหน่วนหันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว และเดินหายไปจากสายตาของเยี่ยจิ่งหาน
เยี่ยจิ่งหานรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
อยู่กับผู้หญิงคนนี้ แม้ว่ารู้สึกโมโหบ่อยครั้ง แต่เขากลับรู้สึกดีและไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือเหงาเลย
แต่วันนี้นางเดินออกไป โลกของเขาก็เหมือนกลับไปตอนที่อาหน่วนเพิ่งจะจากไปตอนนั้น
เงียบเหงาเหมือนบ่อน้ำร้าง
เขาที่นางพูดคงเป็นเซี่ยวอวี่เซวียน
ความน้อยใจจู่ๆ ก็ถาโถมเข้ามา
เยี่ยจิ่งหานกัดฟันกรอด
เขากำลังเป็นอะไร
เขาเองชอบอาหน่วนต่างหาก
เหตุใดถึงให้ความสนใจมู่หน่วนมากเช่นนี้
เขาไม่มีทางเห็นพวกนางเป็นคนคนเดียวกัน สองคนนี้เป็นคนละคนกัน
กู้ชูหน่วนมองไปยังสามแยกและกัดฟันเดินเลี้ยวไปทางซ้าย
นางเดินทางมุ่งหน้าอย่างเร็วและสุดท้ายก็มาถึงตระกูลเหวิน
ตระกูลเหวินเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เมื่อมองเข้าไปยังคฤหาสน์ที่ยิ่งใหญ่ ทำให้นางไม่รู้ว่าจะบุกเข้าไปอย่างไร