กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 990
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 990
แม้แต่รูปปั้นหินขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเขาก็ยังถูกฝ่ามือของจักรพรรดินีแตกเป็นเสี่ยง
จักรพรรดินีทำไม่สำเร็จและได้ประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน จากนั้นก็มีกระแสอากาศโปร่งใสถาโถมเข้าใส่เหวินเส่าอี๋
ร่างกายของเหวินเส่าอี๋เสมือนนกนางแอ่นที่บินอยู่ ราวกับดวงวิญญาณที่ล่องลอยในอากาศและหมุนไปรอบๆ แท่นพิธีขนาดใหญ่
ใบหน้าของเขาไร้ที่ติและการเคลื่อนไหวของเขาก็สง่างามราวกับกำลังเต้นรำกับกลุ่มนางฟ้า
ทว่ากลับไม่มีใครมีอารมณ์ไปชื่นชมกับการร่ายรำของเขา
เพราะหลังจากที่เหวินเส่าอี๋กระเด็นออกไป ทำให้เกิดมีหลุมลึกขนาดใหญ่และทำให้ทหารองครักษ์และขันทีจำนวนหนึ่งต้องจบชีวิตลง รวมไปถึงขุนนางข้าราชบริพารด้วย
บรรยากาศเป็นไปอย่างโกลาหล
เสียงร้องไห้ฟูมฟาย เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เสียงวิงวอนขอร้องดังระงมไปทั่วทุกพื้นที่
รองหัวหน้าเผ่าตบโต๊ะและรู้สึกโมโหขึ้นมา
บรรดาขุนนางข้าราชบริพารอาจไม่รู้ว่ากระแสอากาศโปร่งแสงเหล่านี้คืออะไร ทว่าพวกเขาเป็นผู้มีความสามารถด้านการต่อสู้ ทำให้พวกเขารู้เป็นอย่างดี
กระแสอากาศเหล่านี้เปรียบเสมือนใบมีดที่แหลมคมที่สุด หากสัมผัสไปโดนเข้า ไม่ตายก็คงต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
พวกเขามาเพื่อจะแต่งงานด้วยใจจริง ทว่าจักรพรรดินีกลับลงมืออย่างเกรี้ยวกราดเช่นนี้
ผู้อาวุโสฉีกล่าว “รองหัวหน้า เราต้องลงมือหรือไม่?”
แม้แต่ผู้อาวุโสหงก็อดไม่ได้และกล่าวอย่างโกรธเคือง “รองหัวหน้าเผ่า ครั้งที่แล้วนางเกือบทำให้หัวหน้าเผ่าต้องตายทั้งเป็น และตอนนี้นางกลับกล้าลงมือฆ่าหัวหน้าเผ่าของเราอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าคนอื่นและต่อหน้าเราด้วย หากคิดจะแต่งงานจริง ไม่รู้ว่าในอนาคตจะลงมือทำเรื่องเลวร้ายอะไรไปบ้าง ข้าคิดว่ายกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ไปก็คงไม่เป็นไร”
“ปัดโธ่ พวกเจ้ายังมัวพูดอะไรกันอยู่ที่นี่ จักรพรรดินีมีวรยุทธ์ระดับเจ็ด แต่หัวหน้าเผ่าของเรามีวรยุทธ์เพียงแค่ระดับหกขั้นสูงสุดเท่านั้น หากเราไม่ยื่นมือเข้าช่วยเกรงว่าชีวิตของหัวหน้าเผ่าคงต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ รองหัวหน้าเผ่า พูดอะไรหน่อยเถอะ เราจะยื่นมือไปจัดการดีหรือไม่”
รองหัวหน้าเผ่าเม้มริมฝีปากแน่นและแววตาของเขาก็จับจ้องไปยังแท่นสูงที่กำลังต่อสู้กัน เพียงแค่หัวหน้าเผ่าของพวกเขากำลังเผชิญอันตราย พวกเขาทั้งหมดก็จำเป็นต้องเข้าไปปกป้องคุ้มครองหัวหน้าเผ่า
“หัวหน้าเผ่า…..”
บรรดาผู้อาวุโสต่างพากันร้องตะโกนออกมา
วรยุทธ์ความสามารถของจักรพรรดินีแข็งแกร่งอย่างมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หัวหน้าเผ่าของเขาคงเสียเปรียบแน่
“ใจเย็นเข้าไว้ แม้ว่านางจะลงมืออย่างไร้ความปรานีและโหดเหี้ยม ทว่าก็ยังพอมีทางรอด หัวหน้าเผ่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตแน่นอน”
“ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องว่าหัวหน้าเผ่าจะมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่ เจ้าดูที่นางไม่เห็นแก่ประชาชน ขุนนางและเหล่าข้าราชบริพารที่อยู่ข้างหลังนางเลย คนเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ…..”
“หุบปาก….”
มีหรือเขาจะไม่รู้
ทว่าคำสั่งของบรรพบุรุษก็ไม่อาจคัดค้านทำลายได้
นอกจากการแต่งงานแล้ว พวกเขาไม่มีทางเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการบริหารปกครองรัฐปิงได้ และไม่มีทางไปประท้วงรัฐปิง ไม่มีทางเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการขึ้นครองราชย์ของรัฐปิงได้เลย
หากสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวการบริหารปกครองรัฐปิงละก็ พวกเขาคงคิดหาวิธีกำจัดจักรพรรดิไปนานแล้ว
“ตุ่บ…..”
“ตุ่บ…..”
“ตุ่บ……”
“ใต้เท้ามู่หรง ฟื้นขึ้นสิ…..”
“ฝ่าบาท หยุดเถอะพ่ะย่ะค่ะ…..”
ผู้คนล้มลงมากขึ้นเรื่อยๆ และบางคนก็ถูกทำร้ายจนร่างกายแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ แทบไม่เหลือซากศพที่สมบูรณ์
บรรดาขุนนางข้าราชบริพารต่างพากันโกรธโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ
ฝ่าบาทไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว และเห็นความสุขของตัวเองเป็นสำคัญเท่านั้น คนแบบนี้ พวกเขาจะยังจงรักภักดีอยู่อีกทำไม
วินาทีนี้ แทบทุกคนต่างคาดหวังว่าท่านอ๋องเสวี่ยจะบุกเข้ามา
หากไม่ใช่เพราะหยางโม่ดึงหยางม่านเอาไว้ทัน เกรงว่าหยางม่านคงต้องตายอย่างอนาถเพราะกระแสอากาศของจักรพรรดินีแน่
หยางโม่กล่าวอย่างร้อนรน “เสด็จน้อง ที่นี่อันตรายมาก เจ้ารีบหนีออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”
“ไม่ ข้าไม่ไปไหน เสด็จพี่ ฝ่าบาทอาจพอรับฟังคำพูดของเสด็จพี่อยู่บ้าง เสด็จพี่ช่วยพูดให้ตระกูลเหวินได้หรือไม่ บอกให้ฝ่าบาทหยุดทำร้ายพวกเขาทีเถอะ”
“เจ้าพูดเรื่องตลกอะไรกัน ฝ่าบาทจะฟังที่ข้าพูดงั้นหรือ เร็วเข้า รีบหนีออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
“ตุ่บ…..”
มีนางกำนัลที่อยู่ข้างหลังของเหวินเส่าอี๋ตายลงอีกจำนวนหนึ่ง
เมื่อเห็นว่ามีคนต้องตายลงเป็นศพของพะเนิน เหวินเส่าอี๋เขย่งปลายเท้าและกระโดดไปที่นักดีดฉินคนหนึ่งและนำฉินออกไป
เจิง เจิง เจิง…..
และเมื่อเห็นว่ากระแสอากาศกำลังจะถาโถมไปที่เหล่าข้าราชบริพาร ทันใดนั้นเสียงฉินก็ดังขึ้น ทำให้มีพลังทำลายร้ายขนาดใหญ่ปะทะเข้ากับกระแสอากาศของจักรพรรดินี และทำให้เกิดเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว
แท่นพิธีถูกระเบิดจนเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่กว่าหนึ่งเมตร
จากนั้นก็เห็นว่าบรรดาขุนนางราชสำนักต่างพากันตกใจจนเหงื่อไหล
หากถูกตัวของพวกเขาละก็ มีหรือจะยังมีศพที่สมบูรณ์ของพวกเขาหลงเหลืออยู่
เจิง เจิง เจิง……
ตู้ม ตู้ม ตู้ม……
หลังจากเสียงดีดฉินแล้วก็เป็นเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
แท่นพิธีขนาดใหญ่กลับเต็มไปด้วยหลุมลึกและร่องรอยของการถูกจู่โจมทำลาย
จักรพรรดินีหัวเราะเยาะ ราวกับเพลิดเพลินและมีความสุขกับการทำลายล้างและความโหดร้ายเช่นนี้ “ไม่เจอกันนาน คิดไม่ถึงเลยว่าวรยุทธ์ของเจ้าจะพัฒนาไปมากเช่นนี้”
“พวกเขาล้วนเป็นขุนนางในราชสำนักของเจ้า เจ้าฆ่าพวกเขาลง เช่นนั้นใครจะเป็นแบ่งเบาปัญหาให้กับเจ้า”
“ก็แค่มดเท่านั้น ฆ่าไปแล้วจะทำไม ข้ามีเจ้าคอยแบ่งเบาปัญหาอยู่ทั้งคน”
“หากข้าเป็นขุนนางของเจ้า ข้าคงยอมตายทั้งเป็น”
บรรดาขุนนางที่หลบอยู่ต่างพากันถอนหายใจและรู้สึกมีความรู้สึกในใจที่พูดไม่ออก
“ซี๊ด…..”
กระแสอากาศมีพลังการทำลายล้างเป็นวงกว้างและหนาแน่นที่กำลังถาโถมไปที่เหวินเส่าอี๋
แม้ว่าเหวินเส่าอี๋จะมีวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาและมีฉินอยู่ในมือ ทว่าก็ได้รับบาดเจ็บจากกระแสอากาศเช่นกัน
จักรพรรดินีเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะชอบใจ แววตาของนางเต็มไปด้วยความเยือกเย็น และทันใดนั้นก็ชี้ไปที่เหล่าขุนนางและข้าราชบริพาร
“เหวินเส่าอี๋ นี่เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น หากเจ้ายังไม่ยอมจำนน ข้าไม่เพียงแต่จะฆ่าทำลายล้างเผ่าเพลิงฟ้าของเจ้า แต่ข้าจะฆ่าพวกเขาให้หมดทุกคน ไม่ให้มีเหลือรอดพ้นไปแม้แต่คนเดียว”
“ฝ่อว…..”
เหล่าอสูรร้ายได้ทำลายประตูวังหลวง และต่างพากันบุกเข้าไป
บรรดาทหารองครักษ์เห็นเข้าก็รีบหยิบยกอาวุธขึ้นมาเพื่อโจมตี ทว่าบรรดาอสูรร้ายต่างโหดร้าย และทหารองครักษ์ที่นี่ก็ถูกจักรพรรดินีอาละวาดจนพังพินาศและล้มตายเป็นจำนวนมาก
ทำให้เหล่าทหารองครักษ์ไม่มีทางทำอะไรอสูรร้ายได้เลย
นักธนูที่แอบอยู่ใต้หลังคาก็ต่างได้รับผลกระทบจากการต่อสู้กันระหว่างจักรพรรดินีและเหวินเส่าอี๋จนบาดเจ็บสาหัสและล้มตายเป็นจำนวนมาก
และนักธนูที่เหลืออยู่ก็ไม่อาจทำอะไรเหล่าอสูรร้ายได้เลย
ตลอดระยะทางที่เหล่าอสูรร้ายผ่านไป ไม่มีใครกล้าเข้ามาขัดขวางเลยแม้แต่คนเดียว
อสูรร้ายแต่ละตัวที่เข้าไปก็จะกัดทหารองครักษ์ตายลงคนหนึ่ง
ผู้นำคือเด็กสาวที่มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม มีความสามารถและองอาจ
นางนั่งอยู่บนหลังของกระทิงเก้าเขาตัวหนึ่ง
หลังจากที่นางนำกำลังของอสูรร้ายบุกเข้ามา เสียงที่คมชัดราวกับระฆังเงินก็ดังก้องไปทั่วพิธี
“ผู้หญิงโง่ ฆ่าคนไปทั้งหมดเช่นนี้ ใครจะคอยช่วยเจ้า”
“เจ้าเองหรือ”
จักรพรรดินีไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่านางจะมาเร็วเช่นนี้
มุมปากของเหวินเส่าอี๋ยกขึ้นเล็กน้อย และมองไปยังกู้ชูหน่วนด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ จากนั้นก็รู้สึกว่าท้องฟ้ากลับมาสวยงามอีกครั้ง
นางยังไม่ตายจริงๆ ด้วย
เขารู้ว่านางไม่มีทางตายลงง่ายๆ ในวังใต้ดินอย่างแน่นอน
ทว่าเมื่อนึกถึงที่นางหลอกล่อให้เขาเข้าไปยังวังหลวงเพื่อจุดประสงค์อื่นที่แอบแฝง และจากนั้นก็แอบหลบหนีเอาตัวรอดออกไป ทำให้รอยยิ้มของเหวินเส่าอี๋ค่อยๆ หายไป มีเพียงแววตาที่อบอุ่นของเขายังคงจับจ้องไปยังรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ของกู้ชูหน่วน
“ใช่แล้ว ข้ายังไม่ตาย เจ้าคงผิดหวังมากสินะ”
“ปรมาจารย์ควบคุมอสูรร้าย” จักรพรรดินีตะโกนออกมาและจากนั้นปรมาจารย์ที่เดินออกมาก็มีเพียงไม่กี่คน
รวมถึงฝูกวงและลั่วอิ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาและยกมีดขึ้นแทง ปรมาจารย์ควบคุมอสูรร้ายไม่ทันระวังตัวทำให้พวกเขาถูกบาดคอลงทุกคน
ผู้คนจำนวนมากต่างพากันตกตะลึง
ผู้ชายสองคนนี้ดูแล้วอายุยังน้อย ทว่าวรยุทธ์ของพวกเขากลับแข็งแกร่งอย่างมาก
พวกเขาแทบดูไม่ทัน ทว่าปรมาจารย์ควบคุมอสูรร้ายก็กลับถูกฆ่าตายลงจำนวนมาก
เหล่าบรรดาอสูรร้ายต่างพากันปิดล้อมพิธีทั้งหมดไว้ และถึงขั้นควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ได้
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองแท่นพิธีที่โกลาหลวุ่นวายด้วยท่าทางเกียจคร้าน