กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 991
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 991
“เรียกเจ้าว่าคนโง่มันยังน้อยไป ฆ่าคนของตัวเองไปจนหมดแบบนี้ก็เท่ากับรอให้เราบุกเข้ามาโจมตีไม่ใช่หรือ? อ้อไม่ใช่สิ เจ้าคงคิดอยากอยากจะต้อนรับข้าและคงไม่กล้าเอ่ยปากออกมา ก็เลยฆ่าคนของตัวเองลงหมดเช่นนี้”
สำหรับจักรพรรดินีนั้น กู้ชูหน่วนมีเพียงคำว่าคำว่าโรคจิตวิปริตในการอธิบายถึงตัวนาง
ผู้หญิงชั่วร้ายจอมปลอมคนนี้ ที่จริงแล้วนางได้วางกำลังซุ่มโจมตีเอาไว้จำนวนมากเพื่อเตรียมวางแผนฆ่าท่านอ๋องเสวี่ย
ทว่านางกลับบ้าคลั่งจนฆ่าคนของตัวเองไปหมด เพียงเพื่อสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น
แถมยังฆ่าเหล่าขุนนางที่จงรักภักดีไปเกือบหมด แบบนี้จะไม่ทำให้พวกเขาคิดทำการกบฏได้อย่างไร?
ไม่รู้จริงๆ ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว เพื่อจะได้ไม่เกิดการนองเลือดจากการศึกสงคราม
จากนั้นจักรพรรดินีก็เพิ่งค้นพบว่า คนที่นางวางกำลังซุ่มโจมตีต่างตายลงเพราะกระแสอากาศของตัวเองตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
จักรพรรดินีโกรธมากและเดินเข้าไปช้าๆ “ข้ารอเจ้ามานานมากแล้ว มู่หน่วน”
“เซี่ยวอวี่เซวียนอยู่ที่ไหน?”
แม้ว่านางจะมีวรยุทธ์ระดับเจ็ด กู้ชูหน่วนก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิดและเตรียมพร้อมจะทำการรบอยู่ตลอดเวลา
“ตายไปแล้ว”
แววตาที่เยือกเย็นของกู้ชูหน่วนเผยให้เห็นแสงที่เย็นยะเยือกและจับจ้องไปที่จักรพรรดินี เพื่อรอให้นางพูด
จักรพรรดินีหยิบพัดเสวียนกู่ พัดเสวียนกู่นั้นเต็มไปด้วยเลือดแห้งที่เกาะแน่น
กู้ชูหน่วนและเหวินเส่าอี๋ต่างจำได้ว่านั่นคือพัดประจำตัวของเซี่ยวอวี่เซวียน และถือเป็นพัดประจำตระกูลของเขา ซึ่งไม่เคยห่างตัวเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“กลิ่นของเขาช่างหอมเย้ายวนเหลือเกิน ข้าชิมรสผู้ชายมาแล้วนับไม่ถ้วน ทว่ากลับไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติที่ตราตรึงเช่นนี้มาก่อน รวมไปถึง…..ลั่วอิ่ง”
ลั่วอิ่งเดิมทีก็รังเกียจจักรพรรดินีอยู่แล้ว
และเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทำให้มือที่จับมีดอยู่ยิ่งกำแน่นขึ้นจนทำให้มีเสียงกระดูกกระทบกัน
แววตาอาฆาตในดวงตาที่เย็นชาก็ไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป
เขากำลังฝืนความคิดของตัวเองไม่ให้วิ่งพุ่งเข้าไป
ฝูกวงเข้ามาใกล้ตัวเขาและกล่าวกระซิบ “อย่าไปสนใจนาง นางจงใจทำให้เจ้าโมโห จักรพรรดินีทรราชคนนี้ ยังไงไม่ช้าก็เร็วเราก็จะได้กำจัดนางลง”
มือที่กุมมีดแน่นของลั่วอิ่งค่อยๆ ผ่อนคลายลง ทว่าความโกรธที่ถาโถมเข้ามายังคงไม่ลดลง เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธแค้นอย่างมาก
จักรพรรดินีคิดว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธและทำอะไรโดยไม่คิด
ทว่ากู้ชูหน่วนยังคงนั่งอยู่บนหลังของกระทิงเก้าเขาและเอามือกอดอกด้วยท่าทางเกียจคร้าน ราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของนางเลยสักนิด
รอยยิ้มอันชั่วร้ายของจักรพรรดินีค่อยๆ หายไปช้าๆ
“เจ้าไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ก็แค่พัดอันเดียวเท่านั้น มันจะสามารถบอกอะไรได้ ส่วนเลือดแห้งน่ะหรือ? เลือดของใครก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
“แล้วสิ่งนี้ล่ะ”
จักรพรรดินีหยิบแผ่นผิวหนังออกมาหนึ่งชิ้น เป็นผิวหนังของมนุษย์ และจากนั้นก็โยนมาให้กู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนแทบหยุดหายใจ
นางกำผิวหนังมนุษย์ที่ไร้อุณหภูมิแน่น
ผิวหนังมนุษย์นี้เหมือนกับผิวหนังของเซี่ยวอวี่เซวียนอย่างมาก
กู้ชูหน่วนคาดหวังว่าผิวหนังมนุษย์นั้นจะเป็นผิวหนังปลอมที่สร้างขึ้นมา
ทว่ายิ่งมองสังเกตมองอย่างละเอียด ความคาดหวังของนางก็ดูเหมือนถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี
และสองมือของนางก็สั่นแรงยิ่งขึ้น
ไม่ใช่เทคนิคการปลอมแปลงขึ้นมา
ไม่ใช่การประดิษฐ์สร้างขึ้นมา
แต่เป็นแผ่นผิวหนังของมนุษย์จริงๆ
และนี่เป็นการกรีดเอาผิวหนังบริเวณใบหน้าของเขามาทั้งเป็น
กู้ชูหน่วนเก็บกลั้นความโกรธที่เดือดพล่านในใจ และกล่าวออกมา “เซี่ยวอวี่เซวียนอยู่ที่ไหน เจ้าทำอะไรกับเขา”
“จะทำอะไรได้ ก็แค่ปรนเปรอเขาเหมือนที่ปรนเปรอลั่วอิ่งยังไงล่ะ แต่เขาปากร้ายเหลือเกิน ข้าไม่ชอบ ข้าก็เลยดูดกลืนวรยุทธ์ของเขาทั้งหมด และจากนั้นก็กรีดผิวหนังตรงใบหน้าของเขาออกมา เดิมทีข้าก็ไม่อยากกรีดหรอก เพราะเขาออกจะหล่อเหลาสง่างามเช่นนั้น”
“รู้สึกเจ็บปวดใช่ไหม ฮ่าๆๆ ยิ่งเจ้าเจ็บปวดเท่าไรข้าก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น เซี่ยวอวี่เซวียนเป็นเพียงคนแรกเท่านั้น หลังจากนี้ทุกคนที่เจ้ารักและอสูรร้ายของเจ้าทั้งหมด ข้าจะไม่มีวันปล่อยไปอย่างแน่นอน”
“ผู้หญิงชั่วร้ายคนนี้ฆ่าพี่เซี่ยวของเรา เราแก้แค้นแทนพี่เซี่ยวกันเถอะ ฉีกหนังของผู้หญิงชั่วร้ายคนนี้เถอะ”
“ชู่ว……”
จักรพรรดินีโบกมือ ทำให้มีกระแสลมอันทรงพลังพุ่งไปยังกระทิงเก้าเขา กู้ชูหน่วนประสานมือเข้าด้วยกันเพื่อขัดขวางพลังนั้น
“ตู้ม…..”
พลังทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง
กู้ชูหน่วนและกระทิงเก้าเขากระเด็นจนถอยหลังออกไปสองสามก้าว ทว่ากลับไม่ล้มลง
เหวินเส่าอี๋ คนของเผ่าเพลิงฟ้าและจักรพรรดินีต่างประหลาดใจ
ภายในระยะเวลาอันสั้นแค่นี้ ทว่าวรยุทธ์ของนางกลับพัฒนาไปถึงระดับห้าขั้นสูงสุด
พัฒนาไปถึงระดับห้าขั้นสูงสุดเชียวนะ
แม้แต่ยอดฝีมือไร้เทียมทานก็ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตกว่าจะพัฒนาไปถึงระดับห้าขั้นสูงสุดได้
และโลกนี้ก็ไม่ได้มีคนที่มีพรสวรรค์มากมายเช่นนั้น
ทว่านางอายุยังน้อยและไม่มีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงคอยแนะนำ กลับพัฒนาไปถึงระดับห้าขั้นสูงสุดได้
หากให้เวลานางอีกหน่อย ไม่แน่นางอาจพัฒนาไปถึงระดับเจ็ดและกลายเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์สูงสุดในโลกใบนี้ก็ได้
จักรพรรดินีหัวเราะ “ต่อให้ตายไปแล้ว เจ้าก็ยังคงน่ารังเกียจเหมือนเมื่อก่อน”
คำนี้ทุกคนต่างพากันประหลาดใจ
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่านางกำลังพูดถึงดวงวิญญาณที่อยู่ในร่างของกู้ชูหน่วน
แม้แต่กู้ชูหน่วนเองก็คิดแบบนั้น ทว่าไม่รู้ทำไมนางกลับรู้สึกว่านางกำลังพูดถึงตัวเอง
กระทิงเก้าเขาคำราม “แม่นาง ให้ข้าพ่นไฟออกมาเผานางเลยเถอะ”
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง”
ต่อให้นางและรวมทั้งเหล่าอสูรร้ายทั้งหมดก็ยากที่จะกำจัดนางได้อย่างสิ้นซาก ต่อให้ทำได้ ราคาที่ต้องจ่ายไปก็เจ็บปวดสาหัสอย่างมาก
ในใจของนางรู้สึกโกรธโมโหอย่างมาก แต่นางรู้ดีว่ายิ่งโกรธก็ต้องยิ่งนิ่งเข้าไว้
นางจำเป็นต้องใช้เวลา
ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
กู้ชูหน่วนกล่าว “เจ้าช่างเป็นจักรพรรดินีที่ไม่เอาไหนเอาเสียเลย พิธีบวงสรวงสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่และมีการคุ้มกันที่หนาแน่น ทว่าพวกข้าจะเข้ามาเมื่อไรก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นท่านอ๋องเสวี่ยแห่งรัฐปิงจะนำกองกำลังทหารบุกเข้ามาเมื่อไรก็ได้”
จักรพรรดินีจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วน “ข้ากำลังพูดกับเจ้าเรื่องเซี่ยวอวี่เซวียน”
“ก็แค่แผ่นผิวหนังแผ่นเดียว แค่ใช้ยาน้ำหยดเดียวข้าก็ทำขึ้นมาได้ อีกอย่างข้ายังทำออกมาได้เสมือนจริงกว่าเจ้าอีก”
ขณะพูดกู้ชูหน่วนก็โยนแผ่นผิวหนังมนุษย์ไปที่เหล่าอสูรร้ายด้วยท่าทางเย็นชาและไม่เชื่อ
ความชั่วร้ายบนใบหน้าของจักรพรรดินียิ่งปรากฏชัดขึ้นและจากนั้นก็เงยหน้ามองท้องฟ้าและหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่าๆๆๆ…..คนของเผ่าอวี้ยกย่องชื่นชมเจ้าเสียยิ่งกว่าอะไร ทว่าเจ้ากลับไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ บนโลกนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่เจ้าไม่รู้จัก”
การตายของเซี่ยวอวี่เซวียนไม่ได้ทำให้เหวินเส่าอี๋รู้สึกเสียดายเลยสักนิด
ทว่ากลับรู้สึกว่าตายลงก็ดีแล้ว
แต่เมื่อเห็นความสงบนิ่งของกู้ชูหน่วน เขาก็รู้สึกสงสารขึ้นมาในใจเล็กน้อย
แผ่นผิวหนังมนุษย์แผ่นนั้นไม่มีทางเป็นของปลอมอย่างแน่นอน
หากเป็นของปลอม เมื่อสักครู่นางคงไม่หายใจเร็วและมือสั่นเช่นนั้นหรอก
อย่างอื่นอาจสามารถโกหกได้ แต่การเต้นของหัวใจและสายตาไม่อาจโกหกได้
กู้ชูหน่วนไม่กล้าบอกให้นางเอาศพออกมา
นางไม่อยากเชื่อว่าเซี่ยวอวี่เซวียนได้ตายลงแล้ว
จากนั้นก็ทำให้เพียงนั่งไขว่ห้างและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เฮ้ เจ้ามัวพูดมากอะไร คิดอยากยื้อเวลาเพื่อจะได้เป็นจักรพรรดินีต่อไปงั้นหรือ? ข้าจะบอกอะไรเจ้า วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายของการเป็นจักรพรรดินีของเจ้าแล้ว”
“นังโง่”
จักรพรรดินีได้หยิบพลุส่งสัญญาณออกมาและยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อรอกองกำลังของนางปรากฏตัวออกมา
ทว่ารออยู่นานกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กู้ชูหน่วนส่งเสียง
“สมองของเจ้าไม่ดีหรืออย่างไร เจ้าฆ่าคนไม่เลือกหน้า ฆ่าขุนนางผู้บริสุทธิ์ตายลงอย่างน่าอนาถ เช่นนี้ทหารลูกน้องของเจ้ายังจะจงรักภักดีต่อเจ้างั้นหรือ?”
จักรพรรดินีเอียงศีรษะมองไปยังกู้ชูหน่วนและแววตาของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ
“พวกเขาไม่มีทางทรยศหักหลังข้า”
“เช่นนั้นเจ้าบอกมาสิว่าเหตุใดพวกเขาถึงไม่ปรากฏตัวขึ้นมา”
“เจ้าคิดว่าข้าโง่อย่างนั้นหรือ?”