ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 125-126
ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 125 เรื่องความรัก คนนอกไม่มีทางเข้าใจ / ตอนที่ 126 แผ่นหลังอันคุ้นตา
ตอนที่ 125 เรื่องความรัก คนนอกไม่มีทางเข้าใจ
ซูจือจิ่งยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน กล่าวช้าๆ “น้ารู้และดูออกด้วยว่าอวี๋กานกานเห็นฟังจือหันเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป แต่น้ารู้สึกว่าการที่เป็นแบบนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย เรื่องการแต่งงานสำหรับตระกูลใหญ่โตอย่างพวกเรา ล้วนแล้วแต่ให้ความสำคัญกับฐานะและวงศ์ตระกูลของคู่สมรสต้องทัดเทียมกัน เพราะฉะนั้นปิดบังไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี”
หลินจยาอวี่ส่ายศีรษะ “อวี๋กานกานไม่ใช่คนแบบ….”
ซูจือจิ่งพูดขัดขึ้นมา “พวกเราทั้งคู่ต่างก็รู้สึกว่าอวี๋กานกานไม่ใช่คนแบบนั้น แต่พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันกับเขาไปตลอดทั้งชีวิต สมัยนี้ไม่รู้มีผู้หญิงตั้งเท่าไรที่ปิดบังสถานะของตนเองเพื่อเงิน เมื่อได้แต่งงานกับเศรษฐีที่พวกเขาหมายปองแล้ว พวกเขาก็จะเผยเนื้อแท้ของผู้หญิงหน้าเงินออกมาหรือหลอกผู้ชายรายใหม่ที่รวยกว่าได้แล้ว จากนั้นพวกเขาก็จะถีบหัวส่งคนก่อนหน้าอย่างไร้เยื่อใย ผู้ชายเองก็มีแบบนี้เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น…”
ซูจือจิ่งนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวออกมาช้าๆ สามพยางค์ “…แฟนเก่าหนู”
หลินจยาอวี่หยุดหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาที่เย็นชาของเธอปิดลง ปกปิดความเจ็บปวดและความเศร้าโศกเสียใจที่อยู่ในแววตา
ซูจือจิ่งกุมมือของเธอ “น้ารู้ว่าหนูไม่ยอมเล่าเรื่องที่เลิกกับผู้ชายคนนั้นและไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าหนูเลิกกับผู้ชายคนนั้นเพราะอะไร ครั้งก่อนน้าเจอเขาที่เมืองจิง เขากำลังคบหาดูใจกับคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลสวี”
หลินจยาอวี่ลืมตาขึ้น แววตาของเธอกลับมาปกติดังเดิม เรียบนิ่งราวกับภาพสเก็ตช์ของคนที่นั่งอยู่บนยอดเขาหิมะโดยลำพัง เธอขยับปาก “วันนี้ที่หนูมา หนูอยากถามแค่เรื่องของอวี๋กานกานเท่านั้น”
ซูจือจิ่งคลี่ยิ้มออกมาบางๆ “ดูท่าหนูจะใส่ใจอวี๋กานกานมาก หนูเห็นเธอเป็นเพื่อนของหนูคนหนึ่งจริงๆ หนูกลัวว่าฟังจือหันจะทำให้เธอเสียใจ แต่ว่าจยาอวี่เท่าที่น้าทราบ ฟังจือหันเป็นคนนอบน้อมมาก แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเล่นกับความรู้สึกของผู้หญิงและไม่เคยได้ยินว่าเขาเคยมีแฟน ในเมื่อเขายอมปิดบังสถานะของตนเองไปเป็นผู้ช่วยของอวี๋กานกาน ยอมอยู่กับเธอในคอนโดเล็กๆ นั้น ถึงขั้นยอมจดทะเบียนด้วย นั้นก็ความหมายว่าเขารักอวี๋กานกานมากจริงๆ ไม่มีทางทำให้อวี๋กานกานต้องเสียใจแน่ เรื่องของสามีภรรยา คนนอกไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่ง ไม่ว่าความรักของพวกเขาจะเป็นแบบไหน จะโศกเศร้าเคล้าน้ำตาหรือราบรื่นหวานแวว รสชาติของการใช้ชีวิตมีเพียงแค่ตัวพวกเขาเท่านั้นที่ลิ้มลองออกมาได้ว่าขมหรือหวาน”
“หนูเข้าใจความหมายของคุณน้าค่ะ”
“เฮ่าเฮ่าเองก็ชอบอวี๋กานกาน จริงๆ น้าก็ชอบเธอนะ ถึงได้พาเฮ่าเฮ่าไปหาเธอบ่อยๆ หนูเองก็ได้คลุกคลีอยู่กับอวี๋กานกานมาระยะหนึ่งแล้ว น่าจะรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงฉลาดคนหนึ่ง ทั้งยังละเอียดรอบคอบ คนคนหนึ่งต่อให้ปลอมตัวมาดีขนาดไหนยังไงก็ไม่สามารถปกปิดนิสัยที่แท้จริงของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การพูดหรือความสามารถในการเก็บอารมณ์ของฟังจือหันล้วนอยู่ในเกณฑ์ดีเลิศ ออร่าสุขุมและสูงส่งล้อมอยู่รอบกาย ผนวกกับอากัปกิริยาสง่างามน่าเกรงขาม สามีของตัวเองทั้งคนหนูคิดว่าอวี๋กานกานจะไม่รู้สึกแปลกใจและสงสัยสักนิดบ้างเลยเหรอ”
หลินจยาอวี่นิ่งเงียบ เป็นไปไม่ได้ อวี๋กานกานต้องสงสัยใคร่รู้อย่างแน่นอน แต่ว่าเธอเคยถามฟังจือหันแล้วหรือยัง หรือว่าถามแล้วแต่ฟังจือหันโกหกเธอ?
ซูจือจิ่งพูดถูก เรื่องระหว่างสามีภรรยา ทางที่ดีที่สุดคนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่งวุ่นวาย
“เอาล่ะจยาอวี่ เรื่องของพวกเขาหนูไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก” ซูจือจิ่งพูดจนคอแห้งผาก จิบชาไปสองสามคำ ทันใดนั้นก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “อ่อใช่ น้ามีข่าวข่าวหนึ่ง หนูช่วยเอาไปบอกอวี๋กานกานหน่อย”
“ข่าวอะไรเหรอคะ”
“เหมือนว่าคนตระกูลเฉียวจะหมายตาคลินิกของอวี๋กานกานเข้าแล้วนะสิ”
หัวคิ้วของหลินจยาอวี่มุ่นเข้าหากันเล็กน้อย ตระกูลเฉียว? ตระกูลของเฉียวพั่นเอ๋อร์เปิดโรงพยาบาลตั้งมากมายหลายแห่งแล้วไม่ใช่เหรอ อีกทั้งได้ยินมาว่าปีหน้าจะให้ความสำคัญกับการขยายกิจการไปยังเมืองจิง ทำไมจู่ๆ ถึงมาถูกใจคลินิกเล็กๆ ของอวี๋กานกาน
หลังจากออกมาจากบ้านซูจือจิ่ง หลินจยาอวี่เรียกรถแท็กซี่กลับไปยังหลินซื่อคอร์ปอเรชั่นเพื่อไปเยี่ยมหลินกั๋วเฟิง ในขณะที่นั่งอยู่ในรถแท็กซี่เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู มีทั้งข้อความและการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันวีแชท[1]หลายร้อยข้อความ ดูเหมือนว่ามีเพื่อนหลายคนกำลังเป็นห่วงเป็นใยถึงสุขภาพของเธอ
——
[1] วีแชท เป็นแอปพลิเคชันคล้ายๆ ไลน์
ตอนที่ 126 แผ่นหลังอันคุ้นตา
วันนี้ตอนก่อนจะออกจากบ้าน ตอนที่ก่อนจะเจอเฉียวพั่นเอ๋อร์ ตอนที่มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าเธอป่วยเป็นโรคประหลาดไม่สามารถออกนอกบ้านได้อีกแล้ว พวกคนที่ส่งข้อความมาในวันนี้ ก่อนหน้านี้ล้วนไม่เคยถามไถ่ถึงเธอสักคำ หรือต่อให้มีคนมาเยี่ยมถึงที่บ้านหรือส่งข้อความมาจริง นั้นเป็นเพียงเพราะว่าพวกเขาแค่อยากรู้ว่าเธอป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ ทั้งยังได้ของแถมเป็นเรื่องให้พวกเขานำเอาไปขบขันกันต่อ
เธอไม่ได้เป็นคนชอบเข้าสังคม อีกทั้งยังเข้าสังคมไม่เก่ง ดังนั้นเพื่อนส่วนใหญ่ที่เธอมีล้วนเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอกทั้งสิ้น เช่น คนหน้าซื่อใจคดอย่างเฉียวพั่นเอ๋อร์ หรือ จากเพื่อนกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตอย่างชิวชิว
เธอไม่สนใจและไม่เอามาใส่ใจ เดิมทีแวดวงไฮโซของพวกเธอนี้ก็ไม่มีมิตรแท้อะไรนั้นอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ทุกอย่างล้วนตั้งอยู่บนผลประโยชน์ ทุกครั้งที่พบปะกันทุกครั้งที่จัดงานเลี้ยงขึ้น ดูเหมือนว่าทั้งหมดก็เพื่อการอวดเบ่งฐานะ พูดจาตลบตะแลง มิตรภาพจอมปลอม
เพื่อนที่นับว่าจริงใจกับเธอจริงๆ มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เธอประทับใจอวี๋กานกานเป็นอย่างมาก อยู่กับอวี๋กานกานแล้วสบายใจ แม้ว่าจะรู้จักกันได้ไม่นานแต่กลับรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนเก่า คุยด้วยแล้วจิตใจเบิกบานมีความสุข
ทุกครั้งที่เธออารมณ์ไม่ดีหรือในตอนที่รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีค่า ได้คุยกับอวี๋กานกานเพียงครู่เดียวก็จะรู้สึกว่าตัวเองเจออะไรเพียงนิดหน่อยก็ร้องโอดครวญ ดูเหมือนว่าอวี๋กานกานจะปลงได้กับทุกๆ เรื่อง เหมือนกับว่าเกิดแก่เจ็บตายไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรสำหรับเธอ อาจเป็นเพราะเธอเป็นแพทย์คงเห็นวัฏจักรของการเกิดแก่เจ็บตายมาเยอะแล้ว…
ข่าวหลินจยาอวี่หายดีแล้วกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุดของวันนี้ มีทั้งคนที่อยากจะนัดเธอไปช้อปปิ้ง มีทั้งคนที่อยากจะนัดเธอไปรับประทานอาหาร มีแม้กระทั่งคนที่ต้องการจะสู่ขอเธอแต่งงาน
คนผู้คนนั้นก็คือตู้ซูเหนียนบุตรชายคนที่สองของตระกูลเศรษฐีผู้มีอิทธิพลทางด้านอสังหาริมทรัพย์แห่งเมืองไป๋หยาง เขาตามจีบเธอมาตลอดตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ กระทั่งมีข่าวลือว่าหลินจยาอวี่ป่วยเป็นโรคประหลาด พอตอนนี้มีข่าวว่าหลินจยาอวี่หายดีแล้วเขาถึงได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง สวมชุดสูทรองเท้าหนัง ในมือถือดอกกุหลาบรอดักอยู่ตรงหน้าโรงแรมหลินซื่อ เมื่อเห็นหลินจยาอวี่ตู้ซูเหนียนก็เดินปราดเข้าไปหาทันที “จยาอวี่ ช่วงก่อนหน้านี้ผมอยู่ต่างประเทศตลอดเลย เพิ่งกลับมาถึงเมื่อวานนี้เองได้ยินว่าคุณหายดีแล้ว วันนี้ผมเลยรีบมาเยี่ยมคุณ”
หลินจยาอวี่ปรายตามองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบแวบหนึ่ง จากนั้นเดินตรงไปที่ลิฟต์ทันที อยู่ต่างประเทศตลอดอะไรกัน ตู้ซูเหนียนคนนี้เป็นผู้ชายไฮโซเพลย์บอย ขับรถหรูไปรับไปส่งสาวสวยทุกวัน ใช้ชีวิตสุดโต่งไม่กลัวตาย ตอนเธอป่วยสาเหตุตู้ซูเหนียนไม่โผล่มาเลย นั้นก็แค่เป็นเพราะว่าเขาได้ข่าวว่าเธอป่วยเป็นโรคประหลาดหมดหนทางรักษาก็แค่นั้น เดิมทีที่เขาตามจีบเธอไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นเพราะฐานะทางสังคมของเธอต่างหาก…
ตู้ซูเหนียนขึ้นลิฟต์มากับหลินจยาอวี่ด้วย ในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดลง ทันใดนั้นก็มีคนกดลิฟต์จากด้านนอกพร้อมกับมีผู้ชายคนหนึ่งแทรกตัวเข้ามา ใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบ ค่อนข้างยากที่จะแยกว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ในตอนที่ตู้ซูเหนียนเห็นแวบแรกเขาถึงกับตะลึงงันไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นเป็นเพศชาย นัยน์ตาของเขาฉายแววความผิดหวังออกมาอย่างรุนแรง
หลินจยาอวี่ชำเลืองมองคนที่ก้าวเข้ามาในลิฟต์ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นลู่เสวี่ยเฉิน พลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ส่วนลู่เสวี่ยเฉินเองก็รู้สึกแปลกใจมากเช่นเดียวกัน นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอหลินจยาอวี่ที่โรงแรมนี้
ตู้ซูเหนียนมองหน้าหลินจยาอวี่ จากนั้นยื่นดอกกุหลาบในมือที่ยังไม่ได้มอบไปตรงหน้าหลินจยาอวี่ พูดอย่างหน้าไม่อาย “จยาอวี่ เย็นนี้เราไปดินเดอร์กันนะ?”
แววตาของหลินจยาอวี่เย็นยะเยือกราวกับน้ำค้างแข็ง ยังคงเมินตู้ซูเหนียน
แต่ตู้ซูเหนียนไม่สนใจแม้แต่น้อย พูดต่อ “คุณชอบกินอะไร อาหารจีนหรืออาหารตะวันตก…”
ลู่เสวี่ยเฉินยกยิ้มน่าสนุกขึ้น เขายืนอยู่ข้างๆ จ้องคอยจะเผือกเรื่องของหลินจยาอวี่ จ้องไปจ้องมาพลันพบว่าแผ่นหลังของหลินจยาอวี่คล้ายกับแผ่นหลังของผู้หญิงที่เจอในผับเมื่อคืนนั้น