ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 277-278
ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 277 กลิ่นน้ำส้มสายชูพุ่งทะลุฟ้า / ตอนที่ 278 เจียงฉี่ น้องสาวของคุณฟัง
ตอนที่ 277 กลิ่นน้ำส้มสายชูพุ่งทะลุฟ้า
อวี๋กานกานเลื่อนสายตาขึ้น ใบหน้าจิ้มลิ้มงงงัน ท่าทางช็อกถึงขีดสุดจากภายใน “จะเป็นไปได้ยังไง นายคิดมากแล้ว ฉันเข้าไปตรวจคนไข้นะ หงหึงอะไรกัน”
เธอดันมือฟังจือหันออก หยิบกระเป๋าอุปกรณ์เดินลงบันได เธอไม่ได้หึงสักหน่อย เธอแค่ไม่ชอบที่เขามาหยอกเธอ บอกว่าเป็นภรรยา สร้างความสัมพันธ์คลุมเครือ ผลปรากฏว่าแค่เดี๋ยวเดียวก็ไปเอาอกเอาใจเป็นห่วงผู้หญิงคนอื่น
เขาสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่แน่ชัดแบบนี้กับผู้หญิงกี่คนกันแน่ อวี๋กานกานไม่สบอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ เธอหันศีรษะเอียงศีรษะกลับหลัง เบ้ปากใส่ฟังจือหันที่อยู่ด้านหลัง
มุมปากของฟังจือหันยกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบาหนึ่งประโยค “ไม่ได้หึง แต่กลิ่นน้ำส้มสายชู[1]พุ่งขึ้นไปชั้นบรรยากาศแล้ว”
อวี๋กานกานชะงักไปเล็กน้อย หันไปขู่ฟ่อๆ ถลึงตาใส่ฟังจือหัน “นายนั่นแหละกลิ่นน้ำสายชูพุ่งขึ้นชั้นบรรยากาศ ทะเลน้ำส้มสายชูสาดซัด[2] อะซีโตเฮกซาไมด์[3]”
หึงจนคิดสำนวนที่มีน้ำส้มสายชูไม่ออก สุดท้ายจึงใช้ชื่อยาซะเลย
ฟังจือหันไม่โกรธแม้แต่น้อย ทำเพียงยกยิ้มมุมปาก
เจียงฉี่ออกมาเห็นดวงตาของพี่ชายตนเองไม่เย็นเยือกเหมือนอย่างปกติ ดูอบอุ่นขึ้นหลายส่วน เธอเอ่ยปากเรียกเบาๆ “พี่คะ”
ตอนที่ฟังจือหันเลื่อนสายตามามองเธอ เขาก็กลับไปเป็นผู้ชายเย็นชาห่างเหินเหมือนในความทรงจำของเธอ ทำให้เจียงฉี่รู้สึกว่าเธอคงมองผิดไปเอง
–
เจียงฉี่เดินลงมาเห็นอวี๋กานกานและผู้อาวุโสหวงกำลังพูดคุยกันอยู่ เมื่อได้ยินว่ากำลังคุยเกี่ยวกับอาการป่วย จึงรีบเดินเข้าไป ถามด้วยความเป็นกังวล “อาการป่วยของคุณปู่หนักมากเลยเหรอคะ”
ผู้อาวุโสหวงมองเจียงฉี่ กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณหนูเจียง เมื่อวานก็แจ้งไปแล้วนี่ ผู้เฒ่ามีอาการชี่ในกระเพาะอาหารพร่อง ความสามารถในการย่อยอาหารถดถอย ชี่ในกระเพาะสูญเสียสมดุล ชี่ที่จงเจียว[4]ติดขัด ไม่อยากอาหาร…”
ไม่รอให้ผู้อาวุโสหวงพูดจนจบ แพทย์อีกคนที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นมา “วันนี้ผู้เฒ่าทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง สมรรถนะของกระเพาะอาหารจัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ผมว่าผู้เฒ่าอายุก็มากแล้ว น่าจะเป็นอาการไม่อยากอาหารหลังผ่าตัด”
คนผู้นี้คือแพทย์ประจำตระกูลเจียงนายแพทย์หยวน จบดุษฎีบัณฑิตแพทยศาสตร์จากอเมริกา
ผู้อาวุโสหวงมองนายแพทย์หยวนแล้วกล่าว “หน้าที่หลักของกระเพาะคือรองรับอาหารและบดย่อย ส่วนม้ามมีหน้าที่ลำเลียงพลังงานที่ผ่านการแปรสภาพไปยังร่างกายทุกส่วน กระเพาะและม้ามเป็นธาตุดิน อยู่ในจุดจงเจียว ม้ามเป็นอิน กระเพาะเป็นหยาง ชี่กระเพาะพร่อง ไม่รับอาหาร พอทานก็อาเจียน เป็นภาวะพลังชี่ในกระเพาะไม่เพียงพอ ม้ามเองก็พลอยมีปัญหา”
แพทย์แผนปัจจุบันแยกสาขาละเอียดยิบย่อย เวลาไปตรวจจึงต้องหาแผนกที่สอดคล้องกับอาการป่วย ส่วนแพทย์แผนจีนจะให้ความสำคัญกับความสมดุล
กระเพาะทำงานได้ไม่ดี นอกจากรักษากระเพาะแล้ว มีอะไรที่เป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะทำงานได้ไม่ดี หรือกระเพาะส่งผลกระทบต่ออวัยวะใดบ้าง แพทย์แผนจีนจะทำการรักษาไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นในปัจจุบัน ผู้คนชอบใช้แพทย์แผนจีนปรับสมดุลทั่วร่างกาย หลังการรักษาโรคเฉพาะทางด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน
มีหลักการและเหตุผล จนทำให้นายแพทย์หยวนนิ่งค้าง อ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาโดยพลัน
ผู้อาวุโสหวงมองหน้าเจียงฉี่แล้วกล่าว “ยาเมื่อวานที่จ่ายไป ได้ทานแล้วหรือยัง”
เจียงฉี่ส่ายหน้า “ยังค่ะ อาเจียนออกมาหมด ไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันแล้ว มีแต่ให้สารอาหารผ่านทางน้ำเกลือประคับประคองไปเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเกรงว่า…”
พูดไปพูดมา น้ำตาเริ่มคลอเบ้า หันไปมองฟังจือหันอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา หันไปชำเลืองมาเจียงฉี่ด้วยสายตาราบเรียบแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปถามอวี๋กานกาน “คุณมีความเห็นว่ายังไง”
อวี๋กานกานระบายยิ้มบางเบาอย่างเป็นธรรมชาติ ทว่าในใจกำลังก่อเกิดคลื่นระลอกใหญ่ เมื่อครู่นี้ฟังจือหันเอาแต่ยืนฟังอยู่ข้างๆ เงียบเฉียบ ในมือถือแก้วชา แต่กลับไม่ดื่มทว่าก็ไม่ปริปากพูดอะไร
เจียงฉี่ส่งสายตาให้แค่ทีเดียวก็สามารถทำให้เขาปริปากพูดได้ทันที ถ้าพูดว่าทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือลึกซึ้ง ตีเธอให้ตายเธอก็ไม่มีทางเชื่อ
——
[1] กลิ่นน้ำส้มสายชู อุปมาถึง แรงหึง รังสีหึง คำนี้มาจากคำว่าหึงในภาษาจีน ที่ใช้คำว่า 吃醋 กินน้ำส้มสายชู มีที่มาจากสมัยราชวงศ์ถัง ฮ่องเต้ถังไท่ถงต้องการมีสนม แต่ทำอย่างไรฮ่องเฮาก็ไม่ยอม เขาจึงให้ฮ่องเฮาเลือกว่าจะดื่มยาพิษ หรือยอมให้เขามีสนม คาดไม่ถึงว่าฮ่องเฮาจะเลือกดื่มยาพิษ ทว่าในถ้วยนั้นกลับเป็นน้ำส้มสายชู จนเป็นที่มาของคำว่าหึงในปัจจุบัน
[2] ทะเลน้ำส้มสายชูสาดซัด อุปมาถึง หึง
[3] อะซีโตเฮกซาไมด์ คือ ยารักษาโรคเบาหวาน โดยภาษาจีนใช้คำว่า醋磺己脲 โดยมีคำว่า 醋 ที่แปลว่าหึงอยู่ แต่ในชื่อยานี้เป็นเพียงคำเลียนเสียงภาษาอังกฤษเท่านั้น นางเอกเพียงแค่ต้องการสาดสำนวนหรือคำพูดที่มีตัวอักษร 醋 เพื่อต่อล้อต่อเถียงกับพระเอก
[4] จงเจียว คือ ส่วนกลางลำตัว จุดที่ม้ามและกระเพาะอาหารอยู่
ตอนที่ 278 เจียงฉี่ น้องสาวของคุณฟัง
อวี๋กานกานลุกขึ้นยืน ประสานมือทำความเคารพผู้อาวุโสหวง “ผู้อาวุโสหวงจับชีพจรแม่นยำ วินิจฉัยได้เฉียบขาด”
สัมผัสได้ถึงจิตใจที่แสดงออกถึงความเคารพนับถือ ผู้อาวุโสหวงพยักหน้าน้อยๆ เชิงให้อวี๋กานกานกล่าวต่อ
อวี๋กานกานพูดต่อ “กระเพาะเป็นมารดาของอวัยวะภายใน ที่อวัยวะภายในทำงานได้ก็มาจากพลังชี่ในกระเกราะ ในขณะเดียวกันอวัยวะภายในก็ช่วยส่งเสริมล่อเลี้ยงชี่กระเพาะควบคู่กัน หากต้องการรักษาโรคให้หายจำเป็นต้องทานยา มียามีเทียบแต่กลับลงไปไม่ถึงท้องผู้ป่วย แล้วจะรักษาโรคให้หายได้อย่างไร”
ครั้งนี่เจียงฉี่เข้าใจอวี๋กานกานแล้วว่าทำไมเมื่อครู่อวี๋กานกานถึงบอกกับคุณปู่ว่าโรคของเขารักษาไม่หาย ไม่ใช่ไม่มีหนทางรักษา แบบนี้เท่ากับมีวิธีรักษาแต่ก็เหมือนไม่ได้รักษา
สีหน้าของเจียงฉี่แปรเปลี่ยนเป็นร้อนใจ ดวงตาเอ่อไปด้วยม่านน้ำตาหนึ่งชั้น “ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคะ เช่นฝั่งเข็ม ผ่าตัด ผู้อาวุโสหวงได้โปรดคิดหาวิธีด้วยค่ะ…”
ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีน ย่อมต้องเป็นห่วงชื่อเสียงของตัวเอง อาการป่วยนี้พูดว่ายากก็ไม่ยาก พูดว่าง่ายกลับยากมาก ผู้อาวุโสหวงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฉันจะจ่ายยาให้อีกสองชุด แล้วรอดูผลอีกที”
อวี๋กานกานพูดด้วยน้ำเสียงบางเบา “หรือให้คนไปเก็บผักป่ามาต้มเป็นน้ำลองให้ผู้เฒ่าทานดู”
สีหน้าของเจียงฉี่ทั้งมึนงงและตกตะลึง
น้ำผักป่า? ขนาดยายังไม่ได้ผล น้ำผักป่าจะช่วยอะไรได้
นายแพทย์หยวนสีหน้าถมึงทึงทันที ปรายตามองอวี๋กานกานด้วยสายตาเย็นชาหนึ่งครั้ง จากนั้นหันไปพูดกับผู้อาวุโสหวง “ผู้อาวุโสหวงทุ่มเทความรู้ทั้งหมด ฟูมฝักแพทย์แผนจีนรุ่นหลังให้มีทักษะความสามารถ แต่การให้ท้ายสนับสนุนรุ่นหลังก็ควรจะดูกาลเทศะบ้าง”
เล่นมุกตลกอะไรกัน ต้มน้ำผักป่ารักษาโรค คิดว่าเล่นพ่อแม่ลูกอยู่หรือไง
นายแพทย์หยวนไม่เห็นว่าอวี๋กานกานจะมีความรู้ความเชี่ยวชาญอะไร การที่ผู้อาวุโสหวงให้อวี๋กานกานไปตรวจชีพจรแล้วค่อยลงมาวินิจฉัยพร้อมกัน เขารู้สึกว่าเป็นเพียงการให้ท้ายเท่านั้น แต่การให้ท้ายก็ควรมีขอบเขต
ผู้อาวุโสหวงไม่เห็นด้วยกับนายแพทย์หยวน ถามอวี๋กานกานด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หนูนึกถึงต้มน้ำผักป่าได้ยังไง หรือว่ามีกรณีการป่วยแบบนี้ในคัมภีร์โบราณเล่มไหน”
อวี๋กานกานส่ายหน้า “หนูไม่เคยเจอกรณีแบบนี้ค่ะ เพียงแต่จู่ๆ ก็นึกถึงประเพณีหนึ่ง ซานเย่ว์ซาน[1] ทานไข่ไก่ต้มน้ำผักป่า หัวไม่ปวดตลอดทั้งปี น้ำผักป่ามีสามารถขับพิษได้ ป้องกันอวัยวะตันทั้งห้ากลวงทั้งหก ผักป่าในชนบทมีความเป็นธรรมชาติมาก เป็นอาหารที่มีสรรพคุณขับไขมัน หลังทานลงท้องสามารถกระตุ้นความอยากอาหาร กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไม่ได้กินหนึ่งมื้อหิวจนตาลาย การที่ความอยากอาหารลดนั่นหมายถึงชี่กระเพาะลด ผู้เฒ่าไม่ทานอะไรแต่กลับไม่มีความรู้สึกอยากอาหาร แสดงให้เห็นว่าชี่กระเพาะพร่องขั้นรุนแรง จำเป็นต้องเพิ่มชี่กระเพาะสร้างความแข็งแรงให้ฐานหลังกำเนิด[2] แม้ว่าผักป่าจะเกิดในหุบเขา แต่มีโภชนาการสูงมาก มีผักป่าหลายชนิดที่มีสรรพคุณเพิ่มพลังชี่ดีต่อกระเพาะ รสของยาขมและแรงเกินไป ขนาดอาหารยังลงท้องไปไม่ได้ ยาผู้เฒ่าก็ย่อมทานไม่ลงเช่นเดียวกัน เทียบกันกับน้ำผักป่าทานได้ง่ายกว่ามาก”
ผู้อาวุโสหวงไม่พูดอะไร กำลังคำนึงถึงความเป็นไปได้
นายแพทย์หยวนเอ่ยปากถาม “ถ้าใช้น้ำผักป่าผู้เฒ่าจะทานอาหารได้แน่?”
อวี๋กานกานส่ายศีรษะ “ไม่แน่ใจค่ะ ถึงได้บอกว่าลองดู”
นายแพทย์หยวนสีหน้าถมึงทึง ตำหนิเสียงดังลั่น “เหลวไหล เป็นหมอถ้าไม่มั่นใจจะจ่ายยาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาจะทำยังไง”
เจียงฉี่เป็นห่วงคุณปู่มาก ตอนนี้เธอสับสนไร้ทิศทาง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จึงหันไปมองฟังจือหัน กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น เจือแววจนปัญญา “พี่ ทำยังไงกันดีคะ”
น้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาแดงก่ำ
พี่? อวี๋กานกานตกอยู่ในภาวะงงงวย…เมื่อกี้เจียงฉี่เรียกฟังจือหันว่าอะไรนะ พวกเขาเป็นพี่น้องกัน? พี่น้องแท้ๆ ?
——
[1] ซานเย่ว์ซาน เป็นประเพณีที่จัดขึ้นวันที่สามเดือนสาม จะมีการร้องรำทำเพลงและกินไข่ไก่ต้มในน้ำผัก โดยคนเฒ่าคนแก่มีความเชื่อว่าการกินไข่ไก่ต้มในน้ำผักจะช่วยให้ทั้งปีไม่เจ็บเอว ปวดหัว
[2] ฐานหลังกำเนิด หมายถึง ม้าม ม้ามมีหน้าที่ลำเลียงสารอาหารเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตหลังมนุษย์เกิด