ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 321-322
ตอนที่ 321 เก๋งใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน
ซ่งฉาไป๋ส่งตะกร้าผลไม้ในมือให้อวี๋กานกาน พิจารณามองไปที่รูปแบบและการตกแต่งของบ้านที่มีความประณีตและสง่างามแบบตะวันออกผสมผสานเข้ากับแฟชั่นแบบตะวันตก
เรียบง่าย ทว่าประณีต แปลกใหม่และแหวกแนว
เธอยิ้มและพูดว่า “อวี๋กานกาน ห้องเธอนี่ไม่เลวเลยนะ ดูท่าว่าสามีที่เหมือนตกลงมาจากฟ้าจะรักเธอมาก”
อวี๋กานกานแย้ง “ฉันแค่ยืมอาศัยเท่านั้น ไม่ใช่ห้องของฉันสักหน่อย”
“เป็นเรื่องที่ไม่เร็วก็ช้าก็ต้องเกิดขึ้นน่า” ซ่งฉาไป๋เดินตามเธอไป เอียงศีรษะพร้อมยิ้มและถามว่า “ถ้าฉันผ่านการประเมินแล้วต้องอยู่ในปักกิ่งสามเดือน ถึงตอนนั้นมาเช้าห้องที่นี่อยู่ดีไหม อยู่ใกล้เธอพอดีด้วย จะได้มาหาเธอเมือ่ไหร่ก็ได้”
อวี๋กานกานหันมองและยิ้มมุมปาก “เธอจะบ้าหรือไง ผลการประเมินต้องรอตั้งหนึ่งเดือนถึงจะประกาศ ถึงตอนนั้นฉันก็กลับไปไป๋หยางแล้ว”
“งั้นถ้าเธอกลับไปไป๋หยาง สามีเธอก็ต้องกลับไปด้วย พวกเธอจะปล่อยเช่าห้องนี้มั้ยล่ะ”
“ไม่รู้สิ”
“ช่วยฉันถามสามีเธอหน่อยสิ”
อวี๋กานกานรู้สึกว่าเธอไม่ต้องถามก็รู้ว่าฟางจือหันไม่มีทางปล่อยเช่าอย่างแน่นอน
ซ่งฉาไป๋ใช้แขนของเธอถูไปที่อวี๋กานกานและเขย่าแขนเหมือนเด็กน้อยใส่เธอ “ถามให้หน่อยน่า ฉันเต็มใจเช่าเลยนะ”
อวี๋กานกานพยักหน้าอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
เธอวิ่งไปที่บันได เงยหน้าขึ้นและตะโกนเรียก “ฟางจือหัน”
ไม่นานฟางจือหันก็เดินลงมาอย่างสงบนิ่งและสง่างาม เขาสวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำและกางเกงสแล็คสีเบจยืนสู้แสงแดด คิ้วและสายตาที่เย็นชาช่างสวยงามเหมือนภาพวาดน้ำหมึก
ซ่งฉาไป๋หัวเราะเหอะๆ โบกมือทักทายให้เขา “สวัสดีค่ะ”
ฟางจือหันพยักหน้าให้ซ่งฉาไป๋เป็นการทักทาย ม่านตาสีเข้มสำรวจไปทั่วใบหน้าของเธอ จากนั้นจับจ้องไปที่อวี๋กานกานและถามเธอว่าทำไมเธอถึงเรียกให้เขาลงมา
อวี๋กานกานชี้ไปที่ห้องอาหาร แม่บ้านหูได้เตรียมหม้อไฟเสร็จแล้ว ควันปกคลุมไปทั่วโต๊ะและกลิ่นพริกไทยก็หอมฟุ้งไปทั่ว
“คุยไปกินไปเถอะ”
ทั้งสามคนนั่งลงในห้องอาหาร
อวี๋กานกานคีบเนื้อหลายชิ้นให้ซ่งฉาไป๋และยังเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เธอ จากนั้นก็ถามฟางจือหันว่า “คุณรู้ไหมว่าถ้าจะเช่าห้องที่นี่ราคาแพงไหม”
“ไม่รู้สิ”
“แล้วห้องคุณนี่จะปล่อยเช่าไหม”
“ปล่อยเช่าแล้วจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ” ฟางจือหันถามกลับ
อวี๋กานกานสำลักและก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
ซ่งฉาไป๋กดตะเกียบลงบนริมฝีปากและพูดอย่างไม่ทันคิด “ก็ไปอยู่บ้านกานกานสิ กานกานหลับไป๋หยางทั้งทีหรือว่าคุณจะไม่ตามเธอไปด้วย”
ฟางจือหันพยักหน้าอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
ซ่งฉาไป๋ถามต่อ “ถ้าปล่อยให้ห้องนี้ว่างก็เสียเปล่า สู้ปล่อยให้เช่าดีกว่า ไม่รู้ว่าราคาเช่าต่อเดือนจะเท่าไหร่”
ฟางจือหันตอบราคาทันที “หนึ่งแสน”
อวี๋กานกาน “……”
ซ่งฉาไป๋ “……”
แพงมาก เงินเดือนทั้งปียังไม่ได้เยอะขนาดนั้นเลย
เธอหมดอามรมณ์ทันที ห่อไหล่ด้วยท่าทางหงุดหงิด “ช่างเถอะ ดูเหมือนฉันจะไม่ใช่เก๋งใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน”
อวี๋กานกานรู้ว่าฟางจือหันไม่อยากปล่อยเช่าถึงได้บอกราคาแพงขนาดนี้
เธอหันหน้ามองซ่งฉาไป๋ เก๋งใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อนงั้นเหรอ งั้นเธอหมายตาใครไว้ล่ะ”
ซ่งฉาไป๋แสร้งทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง “ไม่มีนี่ ฉันไม่ได้หมายตาใครไว้”
“บอกความจริงมา”
“ไม่มีจริงๆ แค่เมื่อวานเจอพี่ทหารคนหนึ่ง จางซ่าบอกว่าเขาเป็นหนึ่งในสี่
ของดีของเมืองปักกิ่ง เอาเป็นว่าดูดีมาก ฉันไม่รู้ว่าเขามีแฟนหรือยังถ้ายังไม่มีฉันก็อยากจะทำความรู้จักเขาถึงยังไงเขาก็เป็นสเป็คที่ฉันชอบเลย”
นอกจากสามคำแรกแล้ว คำพูดที่เหลือเธอลดเสียงลงกระซิบที่ข้างหูของอวี๋กานกานแทน
ตอนที่ 322 ขายกานกานกันอย่างนี้เลย
อวี๋กานกานแปลกใจ “สี่หนุ่มเมืองหลวง ฉันเหมือนเคยได้ยินมาบ้างว่าสี่หนุ่มทั้งหมดนั้น…เป็นพวกชอบผู้ชาย”
ฟังจือหันซึ่งกำลังเตรียมจะคีบอาหารอยู่นั้นมือหยุดชะงักในทันที
อวี๋กานกานกับซ่งฉาไป๋ต่างไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติเลย อวี๋กานกานยังคงพูดต่อ “ดูเหมือนว่าสองคนในนั้นเป็นคู่กันอีกด้วย แซ่อะไรสักอย่าง ลืมไปเสียแล้ว…”
ซ่งฉาไป๋เอ่ยด้วยความแปลกใจ “จะเป็นไปได้อย่างไร เขาดูแมนออก”
เธอพูดไปพร้อมกับเบ้หน้า “แต่ว่าเคยได้ยินว่ารุกกับชายแท้ก็ไม่มีอะไรต่างกันนี่”
อวี๋กานกาน “…”
เธอมองไปทางฟังจือหัน “คุณเป็นคนเมืองหลวง คุณรู้จักสี่หนุ่มไหม พวกเขาชอบผู้ชายหรือว่าชอบผู้หญิง”
ฟังจือหันมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง เพราะบางอย่างก็ยากที่จะพูดออกไป “…”
ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากเขา อวี๋กานกานจึงถอนหายใจออกมา “ดูเหมือนว่าจะใช่แล้วล่ะ”
ฟังจือหันหลุดหัวเราะ “ผมยังไม่ได้ตอบคุณเลยด้วยซ้ำ เพราะอะไรคุณถึงได้มั่นใจนัก”
อวี๋กานกานเอ่ยตอบ “เพราะว่าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบซุบซิบนินทา โดยสถานการณ์ปกติแล้วหากไม่ใช่ คุณจะต้องตอบปฏิเสธทันที แต่นี่ไม่พูดจาอยู่นานแสดงว่าคุณไม่อยากพูดลับหลังคนอื่นแน่”
ฟังจือหันขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงเอ่ยออกมาเป็นนัย “งั้น…คุณก็เป็นคนชอบขี้นินทา”
“ฉันขี้นินทาเหรอ”
อวี๋กานกานสงสัยในตัวเอง ยกมือมาวางไว้แนบอกพร้อมกับมองไปที่ซ่งฉาไป๋อย่างไม่เข้าใจ
ซ่งฉาไป๋หัวเราะ “ฉันขี้นินทากว่า หากคุณปล่อยห้องให้ฉันเช่าถูกๆ…”
หยุดชะงักไปแล้วจึงพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “ฉันจะขายเรื่องสมัยก่อนของกานกานให้หมดเลย”
อวี๋กานกานเบิกตาโตมองไปที่เธออย่างตื่นตระหนกพร้อมกับไม่อยากจะเชื่อ “ซ่งฉาไป๋ ไม่นับเธอเป็นเพื่อนแล้วแบบนี้”
ฟังจือหันมองเธอพลางยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “คุณมีเรื่องน่าขายหน้าอะไรที่กลัวจะให้ผมรู้เหรอ”
อวี๋กานกานตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ “ไม่มีแน่นอน”
“แล้วคุณกลัวอะไร” ฟังจือหันเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ท่าทางใจเย็นพร้อมฟังเรื่องในอดีต
อวี๋กานกาน “…”
ซ่งฉาไป๋ยังไม่ทันพูดก็หัวเราะออกมาเสียแล้ว
เธอครุ่นคิดแล้วเอ่ย “เคยมีเพื่อนนักเรียนชายคนหนึ่งตามจีบอวี๋กานน้อยของเรา เขารู้ว่าเธอชอบการแพทย์แผนจีนก็เลยไปคัดกลอนบอกรักบทหนึ่งจากในอินเทอร์เน็ต ใช้ชื่อยาจีนแต่งด้วย ‘ไข่มุกเปิดแย้ม ตู๋หัวเศร้าโศก ปั้นเซี่ยตัดกับดอกทิวลิป หัวใจของจือหมู่ มิคงต้องรอจนหัวอีกา (อูโถว) เป็นสีขาว หากรู้ก่อนหยุดยั้ง (ต้วนซวี่) มิได้[1]’ เพื่อสารภาพรักกับเธอ แต่คุณรู้ไหมว่ากานกานตอบเขาไปว่าอะไร”
อวี๋กานกานหน้าแดงเล็กน้อยพลางพูดห้ามซ่งฉาไป๋ “ซ่งฉาไป๋ ถ้าเธอกล้าพูดล่ะก็ฉันจะเลิกคบเธอ”
ซ่งฉาไป๋กระแอมเบาๆ พลางมองไปทางอวี๋กานกานอย่างหวาดกลัว พลันพูดต่อด้วยสีหน้างุนงง “นี่เป็นใบสั่งยาอะไร รักษาโรคอะไร”
พอพูดจบเธอก็หัวเราะออกมา “อีกฝ่ายได้ยินก็อึ้งไปเลย จากนั้นก็ตอบกลับมาหนึ่งประโยคลึกซึ้ง ไข้ใจ”
ฟังจือหันเอ่ยถาม “หลังจากนั้นล่ะ”
ซ่งฉาไป๋เอ่ยตอบพร้อมกลั้นขำ “เธอก็ทำหน้าประหลาดใจ ไข้ใจเป็นโรคทางจิต คิดมากนานเกินไป ป่วยนานรักษาไม่หาย ส่งผลเสียต่อหัวใจทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่เพียงพอ ไม่มีเรี่ยวแรง ผงไข่มุกนี่แก้อาการนอนไม่หลับ แต่ตู๋หัวช่วยขับลมขับความเย็นชื้นในร่างกาย ปั้นเซี่ยขับเสมหะ แก้อาเจียน…ถึงยังไงก็ไม่ควรเอามาใช้รักษาไข้ใจ นี่นาย ฉันจะบอกนายให้นะ ไข้ใจควรจะรักษาแบบนี้ บลาๆ…เธอลากเขามาจากนั้นก็เริ่มพูดว่าไข้ใจควรจะใช้ยาอะไรรักษา ตู๋หัวใช้ยังไง ปั้นเซี่ยควรจะใช้แบบไหน ทำเอาเขาตกใจจนหนีไปเลย…ฮ่าๆๆ”
อวี๋กานกานหน้าบึ้งพร้อมกับคิดว่าไม่เห็นจะน่าขำเลยสักนิด
แต่ซ่งฉาไป๋กลับหัวเราะเสียยกใหญ่จนน้ำตาแทบจะไหลอยู่แล้ว
——
[1] ไข่มุก ตู่หัว ปั้นเซี่ย ดอกทิวลิป จือหมู่ ต้นหัวอีกา ต้วนซวี่ (อีกความหมายคือหยุดยั้งหรือหยุดชะงัก) ล้วนเป็นชื่อยาสมุนไพรจีนทั้งสิ้น บทกลอนนี้หวังเจิ่นในสมัยราชวงศ์ถังนำชื่อยาจีนมาประพันธ์กลอน เพื่อแสดงถึงความรักต่อหญิงสาวเก็บยาสมุนไพรใกล้ๆบ้าน