ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 477 โรงเรื้อรัง อาหารเป็นพิษ (3) / ตอนที่ 478 จากนี้มีผม มีแค่ผม
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 477 โรงเรื้อรัง อาหารเป็นพิษ (3) / ตอนที่ 478 จากนี้มีผม มีแค่ผม
ตอนที่ 477 โรงเรื้อรัง อาหารเป็นพิษ (3)
น้ำเสียงแหบแห้งจริงจังดังขึ้นมา อวี๋กานกานหันไปเห็นผู้อาวุโสหวงกำลังเดินมาพร้อมกับลูบเครา
แพทย์หญิงเห็นผู้อาวุโสหวง ใบหน้าปรากฏความเคารพอย่างแรงและเรียกด้วยความนับถือ “ผู้อาวุโสหวง”
ผู้อาวุโสหวงพยักหน้าให้กับแพทย์หญิงแล้วมองอวี๋กานกานพร้อมรอยยิ้ม “ขอโทษที ให้เธอรอนานเลย”
อวี๋กานกานตอบพร้อมกับยิ้ม “ฉันก็เพิ่งจะมาถึงได้ครู่เดียว นี่ยังคุยกับคนไข้คนเดียวจบคุณก็มาแล้ว”
เห็นทั้งคู่พูดคุยกัน แพทย์หญิงจึงมีสีหน้าประหลาดใจ เด็กสาวคนนี้เป็นใคร เธอเพิ่งจะบอกว่ารอคนอยู่ หรือคนที่เธอรอคือผู้อาวุโสหวง
คนไข้ด้านข้างก็รู้จักผู้อาวุโสหวง กระซิบว่านี่ผู้อาวุโสหวงไม่ใช่หรือ ผู้อาวุโสหวงเป็นผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีนระดับประเทศเชียว ลงชื่อรับคิวไม่เคยทันเลย
สาววัยรุ่นรับรู้ว่าได้ว่าคุณปู่หนวดขาวที่เพิ่งจะมาถึงนี้น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาล และได้ยินผู้ป่วยด้านข้างพูดเช่นนี้จึงรีบเอ่ย “สวัสดีค่ะผู้อาวุโสหวง ผู้หญิงคนนี้ตรวจโรคให้แม่ของฉันและยังสั่งยาให้ก็คือเมล็ดไฉหูเล็ก”
ผู้อาวุโสหวงเพียงแค่ส่งเสียงอ๋อเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่เห็นเขาเชื่ออวี๋กานกานอย่างยิ่ง
สาววัยรุ่นรีบร้อนเอ่ย “แต่ว่าอาการป่วยของแม่ฉันค่อนข้างหนักค่ะ คุณหมอบอกว่าแม่ฉันอาหารเป็นพิษ แต่ว่าตรวจยังไงก็หาไม่เจอว่าถูกพิษอะไร นอนโรงพยาบาลหนึ่งเดือน นี่ก็ไข้ลดแล้วก็ไข้ขึ้นมาอีก เดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่กินเวลามาจนถึงตอนนี้ตลอดเลย”
ผู้อาวุโสหวงมองอวี๋กานกาน อวี๋กานกานยิ้มตาหยีพร้อมกับเอ่ย “ฉันนึกว่าต้องรอคุณอีกครู่หนึ่งจึงได้ลองตรวจเธอดู แต่ว่า…หรือไม่ คุณก็ลองจับชีพจรให้เธอดู”
ความหมายของเธอชัดเจนมาก คือบอกว่าผู้ป่วยไม่ได้เชื่อเธอ คาดว่าต้องการให้คุณมาตรวจซ้ำ
ผู้อาวุโสหวงลูบเคราแล้วพยักหน้าลง
ด้านข้างมีคนหลีกทางให้ผู้อาวุโสหวงทันที ผู้อาวุโสหวงจับชีพจรให้คนไข้ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ชักมือกลับ มองอวี๋กานกานพร้อมกับถาม “ทำไมเธอถึงนึกไปว่าต้องใช้เมล็ดไฉหูเล็กกับเขาล่ะ”
“ผู้ป่วยไม่ได้อาหารเป็นพิษ เธอกับคนในครอบครัวกินข้าวด้วยกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีแค่เธอที่อาหารเป็นพิษ ระหว่างที่พูดคุยกับเธอจึงรู้ว่าวันนั้นเธอยุ่งอยู่ในครัวตลอดทั้งวัน ห้องครัวอบอุ่นแต่อากาศเย็น เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นผู้ป่วยน่าจะเป็นหวัดแล้ว เป็นหวัดคืออาการป่วยผิวเผินจากร่างกาย ขอเพียงค่อยๆ มีเหงื่อออกบ้าง อาการป่วยก็จะดีขึ้น แต่ว่าผู้ป่วยให้น้ำเกลืออยู่ในคลินิกเล็กๆ ลำเลียงน้ำเย็นทีละขวดทีละขวด เป็นหวัดไม่เพียงไม่ได้รับการคุมเอาไว้ แต่กลับกันยิ่งทำให้อาการป่วยที่ร่างกายภายนอกลึกลงไปอีกชั้นหนึ่ง รวมกับหมอสั่งยาให้เธอล้วนเป็นยาจีนสำเร็จรูปบำรุงหยิน ที่สำคัญส่วนประกอบคือแบะตง รากโกศขี้แมว ยาพวกนี้ไม่ถูกต้อง”
ผู้อาวุโสหวงยิ้มอย่างพอใจ “บาดเจ็บจากอากาศเย็นห้าหกวัน คนที่เป็นไข้และอาเจียน น้ำแกงไฉหูนั้นเหมาะสมแล้ว และระหว่างที่ใช้มันเป็นยารักษา ไฉหูยังเหมาะกับคนที่อยู่ ใช้น้ำแกงไฉหูซ้ำ แม้ผลอาจจะหยุดชะงักไปบ้าง แต่จะไม่ผกผัน ต้องต้มและเขย่า จะช่วยขับเหงื่อร้อนและทุเลาลง”
อวี๋กานกานพูดซ้ำ “คนไข้ขมปากคอแห้ง คลื่นไส้เวียนหัว ร่างกายมีไข้ ก็ใช้ผลของน้ำแกงไฉหูได้ เมล็ดไฉหูเล็กแปรรูปเป็นยาจีนสำเร็จรูป ปริมาณยาน่าจะไม่พอ ฉันจึงให้เธอใช้หนึ่งครั้งห้าห่อ”
ผู้อาวุโสหวงลุกขึ้น มองอวี๋กานกานและเอ่ย “ไปเถอะ”
อวี๋กานกานประสานมือด้วยความนับถือ ทำมือเป็นท่าทางเชิญให้คุณไปก่อน มีเสียงคนด้านข้างดังขึ้น “ผู้อาวุโสหวง ลองตรวจให้พวกเราหน่อยได้ไหม”
สาววัยรุ่นรีบตามไปและเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ “คุณหมอคะ คุณยังไม่ได้สั่งยาเลย”
ผู้อาวุโสหวงมองเธอและพูด “ใบสั่งยาไม่ใช่ว่าออกให้เธอแล้วเหรอ”
ออกให้ฉันแล้ว? จนกระทั่งทั้งสองคนหายไป สาววัยรุ่นถึงได้สติ คือเมล็ดไฉหูเล็ก
ตอนที่ 478 จากนี้มีผม มีแค่ผม
อวี๋กานกานเชิญผู้อาวุโสหวงกินข้าว บอกเขาเรื่องที่อยู่เมืองหลวงต่อ ผู้อาวุโสหวงชวนให้เธอมาช่วยเขาในทันที
ตอนบ่ายก็พาเธอไปเดินหอแพทย์หลวงอีกรอบหนึ่ง จัดการเรื่องให้เธอรับเคส สองวันต่อหนึ่งอาทิตย์และยังพาเธอไปคลังยาส่วนตัวเพื่อศึกษาโรคยากๆ บางอย่างกับเขา
จนกระทั่งตอนบ่ายฟังจือหันมารับเธอ
ทั้งสองคนทานมื้อค่ำด้วยกัน และตัดสินใจดูหนัง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา ใส่เสื้อโอเวอร์โค้ตสีดำคู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูเย็นชา สูงส่งและสันโดษ แผ่กระจายเป็นจุดรวมสายตาที่ไม่ยอมให้ใครได้ดูถูกอยู่รอบกาย เดินไปทางไหนต่างก็เป็นที่สนใจของผู้คน ทำให้หัวใจของเด็กสาวเบ่งบานสะพรั่ง
อวี๋กานกานควงแขนฟังจือหัน มองชายหนุ่มท่าทีเคร่งขรึมและเฉยเมยข้างกาย นัยน์ตาฉายรอยยิ้มเย้าแหย่ “แต่ก่อนคุณชอบมาดูหนังกับผู้หญิงคนอื่นบ่อยๆ ใช่ไหม”
ฟังจือหันถูจมูกเธอและตอบ “ผมออกมาดูหนังครั้งแรก”
อวี๋กานกานแปลกใจ หัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่จริงน่า คุณติดบ้านยิ่งกว่าฉันอีก ฉันนึกว่าฉันดูหนังไม่บ่อยแล้วนะ”
“เพราะอย่างนั้นวันนี้คุณพาผมมาดูหนัง”
“เอางั้นก็ได้ งั้นคุณไปซื้อป๊อปคอร์น”
ฟังจือหันมองตามนิ้วชี้ของอวี๋กานกานที่ชี้ไปยังเมล็ดขนมอบกรอบในเคาน์เตอร์ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แค่จูงมือเธอเข้าโรงหนังไป
“ดูหนังก็ต้องกินป๊อปคอร์นทั้งนั้น”
“ของร้อน จะเป็นร้อนใน”
แววตาของอวี๋กานกานเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ ความข้องใจกระจายทั่วใบหน้า “แต่ว่าดูหนังก็ต้องกินป๊อปคอร์น แต่ก่อนฉันไม่เคยลอง วันนี้ก็ให้ฉันลองหน่อยสิ”
ฟังจือหันมองความขุ่นเคืองใจบนใบหน้าหญิงสาว หัวใจดุจเหล็กกล้ากลายเป็นความอ่อนโยน “ซื้อแล้ว คุณก็อย่ากินเยอะ”
“ได้”
อวี๋กานกานยิ้มทั้งตาทั้งปาก แทบจะหวานล้นออกมา
เธอรีบจูงฟังจือหันไปซื้อป๊อปคอร์นชุดหนึ่ง จากนั้นจึงเข้าโรงหนังไปด้วยกัน
ทั้งสองดูหนังเรื่องหนึ่งที่ตลกขบขัน และปวดใจเป็นพิเศษ เล่าถึงเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งกับคนรักที่ห่างไกลกัน หลังจากเวลาผันผ่าน สุดท้ายก็ถึงฤกษ์งามยามดี อยู่ด้วยกันจนแก่ จนมีผมหงอก
ตรงกลางเรื่องยังมีเรื่องราวระหว่างลูกสาวกับพ่อ เรื่องชวนตลกขบขันและโรแมนติก ซึ้งกินใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่นางเอกพาคนรักไปเจอกับพ่อ อวี๋กานกานดูจนนัยน์ตาแดงก่ำเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
ฟังจือหันหันไปมองเธอแวบหนึ่งด้วยความหมายลึกซึ้ง ทั้งสิบนิ้วสอดประสานกันแน่น
ออกมาจากโรงหนัง ค่อยๆ เดินไปที่ลานจอดรถ
“หนังสนุกไหม”
“สนุกค่ะ ตอนลูกสาวกับพ่อซึ้งมาก”
ฟังจือหันพลันหยุดเดิน ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด น้ำเสียงแหบทุ้มต่ำถามเบาๆ ข้างหูเธอ “คุณเคยคิดที่จะตามหาครอบครัวคุณบ้างไหม”
อวี๋กานกานมึนงงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้ยิ้มและตอบกลับ “แต่ก่อนเคยคิด ตอนนี้ไม่คิดแล้ว”
“ทำไม”
“เมื่อก่อนเพราะเป็นเด็ก ตอนนี้ชินแล้ว ทำไมจู่ๆ คุณถึงถามคำถามนี้กับฉันล่ะ”
นัยน์ตาของอวี๋กานกานเต็มไปด้วยความสงสัย ภายใต้แสงไฟ ดวงหน้าของหญิงสาวอ่อนโยนเป็นพิเศษ ชายหนุ่มอดโน้มตัวลงไปจูบบนริมฝีปากของหญิงสาวเสียไม่ได้
จูบใสซื่อและโรแมนติกมากนี้ เขาหลับตาลงกอดเธอที่ซบในอ้อมแขน “จากนี้มีผม”
อวี๋กานกานรู้สึกหัวใจของตนเองอ่อนยวบเหมือนกับว่าถูกห่อหุ้มด้วยความร้อน ความอบอุ่นเป็นริ้ว หวานหอมงดงาม เธอตอบไปอย่างซุกซน “ยังมีอาจารย์ฉัน”
ฟังจือหันแววตาอ่านยากพลางดันตัวเธอออก บีบจมูกเธอแล้วประกาศอย่างหนักแน่น “มีแค่ผม!”
อวี๋กานกานหลุดขำอย่างมีเสน่ห์ “เอาแต่ใจ”