ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 88
ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 88 อวี๋กานกาน แมงดาที่เธอเลี้ยง?
“จำไว้ด้วยล่ะ ชั่วชีวิตนี้ของคุณนอนกับผู้ชายได้เพียงคนเดียวเท่านั้น” ฟังจือหันเดินมาข้างๆ ยื่นมือมาโอบเอวของเธอ
สัมผัสแนบชิดที่มาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้อวี๋กานกานตระหนกตกใจ รีบถาม “นายทำอะไรของนาย”
เธอต่อต้าน ยื่นมือออกไปหวังจะแกะมือของฟังจือหันออก ฟังจือหันแรงเยอะมาก ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย อวี๋กานกานทำได้เพียงถลึงตาใส่เขา ขู่เป็นลูกแมว “ปล่อยสิ”
ฟังจือหันโน้มตัวลงมาประชิดเธอ “เป็นสามีภรรยากัน ก็ต้องมาดที่สามีภรรยาควรมี”
ในตอนนี้ทั้งคู่หน้าหันเข้าหากัน ระยะห่างของริมฝีปากใกล้กันมาก ลมหายใจรดผสานกัน
บรรยากาศกรุ้มกริ่มแบบนี้ ทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจของอวี๋กานกานเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างฉับพลัน
ริมฝีปากสีแดงเชอรี่งามหยดย้อย ดวงตาของฟังจือหันหรี่ลงเล็กน้อย เขาโน้มศีรษะลงมาอีกนิด อวี๋กานกานตกใจจนร่างกายหงายไปด้านหลัง
มือที่อยู่ตรงเอวกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย ฟังจือหันโอบเธอให้ยืนดีๆ จากนั้นย่างเท้าเดินไปยังที่นั่งวีไอพี
ถึงห้องวีไอพีอวี๋กานกานเพิ่งรู้สึกว่าจังวะการเต้นของหัวใจฟื้นคืนสู่สภาพปกติแล้ว แต่ใบหน้าจิ้มลิ้มยังคงร้อนผ่าวอยู่เล็กน้อย
เมื่อลุงใหญ่เห็นพวกเขาก็รีบลุกขึ้นทักทายอย่างอบอุ่นทันที “กานกานมาแล้ว”
เหอหว่านซินเห็นใบหน้านั้นของฟังจือหัน ยิ่งมองก็ยิ่งอิจฉาริษยา อวี๋กานกานไปหาผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีขนาดนี้มาจากไหนกันแน่
ป้าสะใภ้ใหญ่พูดจาแฝงความนัย “กานกาน ในเมื่อพวกเธอข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก[1]แล้ว งั้นก็ช่วยแนะนำสามีคนนี้ของเธอให้พวกเราได้รู้จักเขาสักหน่อย”
อวี๋กานกานยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตอนอยู่โรงพยาบาล ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ใช่รู้จักเขาแล้วหรือคะ”
ป้าสะใภ้ใหญ่แค่นเสียงขึ้นจมูกดังหึ “นั้นจะเรียกรู้จักได้ยังไง บุกเข้ามาในห้องจู่ๆ ก็อ้างว่าเป็นสามีของเธอ ทั้งยังไล่พวกเราออกมา ไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไร้มารยาทขนาดนี้มาก่อน”
“เอาเถอะ จากนี้ไปก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ส่วนปากคุณน่ะก็พูดให้มันน้อยๆ หน่อย” ลุงใหญ่ถลึงตาใส่ป้าสะใภ้ใหญ่ จากนั้นหันไปมองฟังจือหัน ยิ้มให้อย่างมีเมตตา “เธออย่าไปใส่ใจ ป้าสะใภ้ของเธอเป็นพวกปากเสีย แต่ไม่ได้เป็นคนที่มีจิตใจเลวทรามอะไร”
ฟังจือหันมองลุงใหญ่แวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร “…”
ลุงใหญ่พูดกับฟังจือหันอีก “ดื่มเหล้าไหม”
อวี๋กานกานตอบแทนฟังจือหัน “เขาไม่ดื่มค่ะ”
“ผู้ชายอกสามศอกไม่ดื่มเหล้าได้ยังไง มาๆ วันนี้วันฉลอง ต้องดื่มสักอึกสองอึก” ลุงใหญ่เรียกพนักงงานบริการให้เอาเหล้ามาทันที ไม่สนใจว่าฟังจือหันต้องการจะดื่มหรือไม่
นอกจากเหล้าแล้ว อาหารก็ทยอยเสิร์ฟออกมา
อวี๋กานกานมองอาหารทั้งโต๊ะ ปลาแซลมอน ปลาตะลุมพุก ปลาปักเป้า หอยกูอีดั๊ก รังนก หอยเป๋าฮื้อ อาหารเลิศรสทั้งโต๊ะนี้ อย่างต่ำก็น่าจะเกินหมื่นหยวนแล้ว อีกทั้งนี้ยังไม่รวมเหล้า
เหล้าขวดนั้นที่ลุงใหญ่เพิ่งสั่งไปเป็นเหล้าตระกูลต่ง[2] น่าจะสองถึงสามหมื่นหยวน
แม้ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่ามื้อนี้ใครเป็นคนเชิญ แต่อวี๋กานกานไม่รู้สึกว่าอาหารมื้อนี้พวกลุงใหญ่จะเป็นฝ่ายจ่าย
เข้าใจแล้ว นี่ต้องการขุดหลุมพรางดักเธอ
ช่วงนี้แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขัดสนจนเหลือไม่กี่ร้อยหยวนเหมือนกับที่พูดกับฟังจือหัน แต่ก็เหลือไม่มากเท่าไรแล้วจริงๆ มื้อนี้หากให้เธอเป็นคนจ่ายจริงๆ เธอจ่ายไม่ไหวแน่
เธอจำได้ว่าฟังจือหันเคยพูดไว้ กินข้าวกับเขาราคาแพงมากนะ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้เขาจะทำอย่างไร
อวี๋กานกานหันไปมองฟังจือหันแวบหนึ่ง ฟังจือหันยังมีท่าทีเหมือนเดิมกับตอนที่มาถึง
ลุงใหญ่ถามเขาทำงานที่ไหน เขาตอบว่าไม่ได้ทำงาน
ป้าสะใภ้ใหญ่ได้ยินเช่นนั้น แสยะยิ้มทันที “งั้นก็เป็นพวกว่างงานเร่ร่อนไปทั่วนะสิ”
เหอหว่านซินที่หน้าบึ้งตึง ก็อารมณ์ดีขึ้นโดยพลัน “อวี๋กานกาน เธอเลี้ยงเขาเหรอ”
ที่แท้ก็เป็นพวกไม่มีงาน เป็นแมงดาที่เกาะผู้หญิงกิน ยังมีหน้ามากล้าดูถูกเธออีก?!
——
[1] ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก หมายถึง แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วต้องปล่อยเลยตามเลย
[2] เหล้าตระกูลต่ง เป็นเหล้าที่มีชื่อเสียงของเมืองกุ้ยโจว มีราคาสูง