ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 188.1
บทที่ 188 เป้าหมายเล็กๆ 3 (1)
เป็นเพราะคาร์ลกำลังอารมณ์ดีอยู่ก็เลยยังไม่ขยับตัวไปไหน สายตาของเขากวาดไปมองรอบๆคาสิโนสินต้นไม้ทองคำอีกครั้ง
การประมูลระดับวีไอพีในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ มันถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับปีใหม่แต่ก็เลยเวลาไปนานพอสมควร สถานที่การจัดประมูลในครั้งนี้คือชั้นบนสุดของคาสิโนต้นไม้ทองคำ
อย่างไรก็ตามมันยากที่จะถูกเรียกว่า‘การประมูลลับ’ได้เพราะทั้งวัน เวลา สถานที่และผู้เข้าร่วมประมูลสามารถถูกค้นพบได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าทุกคนที่เข้าร่วมจะสวมหน้ากากเพื่อปิดบังใบหน้าแต่ก็สามารถเดาออกได้จากเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลโดยอิงตามรายชื่อแขกที่เข้าพักในโรงแรมต่างๆของเมืองเวกัสในตอนนี้
เหตุผลที่มันยังคงถูกเรียกว่า‘การประมูลลับ’ก็เพราะไม่มีใครทราบถึงสิ่งของที่จะนำมาประมูลในครั้งนี้ พวกเขาจะรู้ก็ต่อเมื่อการประมูลเริ่มขึ้นเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ในคาสิโนต้นไม้ทองคำไม่มีใครปริปากพูดถึงสิ่งของที่จะใช้ประมูลมาก่อนเป็นเพราะพวกเขายึดมั่นในคำสาบานแห่งความตายที่ทำไว้ต่อหน้านักบวชจากวิหารพระเจ้าแห่งความตาย นั่นทำให้พวกเขาปิดปากของตนจนแน่นสนิท
‘แต่ก็พอจะมีข่าวลือออกมาเช่นกัน’
หากมีการค้นพบสิ่งของที่หาได้ยากในทวีปตะวันตกก่อนที่จะมีการจัดการประมูลขึ้นและของชิ้นนั้นไม่สามารถหาเจ้าของได้ สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่จะคิดคือของชิ้นนั้นจะถูกนำมาประมูลแบบลับๆนั่นเอง
ต้องขอบคุณข่าวลือต่างๆที่มักแพร่กระจายไปยังแขกระดับวีไอพีและประชาชนทั่วไป นั่นคือเหตุผลที่คาร์ลสั่งให้บิลอสส่งข้อมูลบางอย่างไปให้หัวหน้าสมาคมการค้าซิงเท็นและหัวหน้านักบวชแห่งวิหารพระเจ้าแสงตะวัน
“ฮิลส์แมน”
ห๊ะ? ตึก!ตึกตึก
ฮิลส์แมนรีบขยับตัวเดินทันทีเมื่อเห็นคาร์ลเริ่มออกเดินอีกครั้ง
’30,000ล้าน..30,000ล้าน…..!!!’
แม้ว่าเขาจะเดินเร็วเพียงใดแต่จำนวนตัวเลขที่คาร์ลเพิ่งพูดออกมาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา
‘ข้าต้องรายงานเรื่องนี้ให้ท่านเคานต์ทราบหรือไม่?’
ฮิลส์แมนกำลังลังเลว่าตัวเองควรรายงานเรื่องนี้ให้เคานต์เดอรัชทราบดีหรือไม่?เพราะมันมีเรื่องของเงินจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นเงินจำนวนมากขนาดนี้ แม้ว่าอาเขตเฮนิตัสจะร่ำรวยเพียงใดแต่เงินจำนวนมากขนาดนี้ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน
คาร์ลเอ่ยเรียกฮิลส์แมนอีกครั้ง
“ฮิลส์แมน”
“ข..ขอ..ขอรับ?!!”
ปฏิกิริยาของฮิลส์แมนทำให้คาร์ลรู้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ใช่เจ้านายที่จะมาใส่ใจกับปฏิกิริยาของลูกน้องที่ไม่ใส่ใจในสิ่งที่ตนพูดจนทำตัวหัวเสียใส่ แน่นอนว่าฮิลส์แมนยังคงปฏิบัติหน้าที่องครักษ์ของตนได้เป็นอย่างดีทำให้คาร์ลเลือกที่จะพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไปเท่านั้น
“อย่าบอกเรื่องนี้ให้ท่านพ่อทราบ..ข้ากำลังเตรียมหาทุนสำรองสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่”
‘หาทุนสำรองสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน?…แต่เงินจำนวนนี้มันมากเกินไป! มันมากเกินกว่าที่จะใช้แค่รองรับสถานการณ์ฉุกเฉินนี่นา?’
ฮิลส์แมนไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้าไม่รู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้เลยหรือ?”
“อ่า….”
ฮิลส์แมนอ้าปากค้าง
สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้?
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ทุกเรื่องที่คาร์ลทำแต่เขาก็พอจะทราบคร่าวๆเมื่อได้ติดตามคาร์ลอย่างใกล้ชิด ข้อมูลที่คาร์ลรวบรวมส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับจักรวรรดิและพันธมิตรทางตอนเหนือรวมถึงพวกอาร์มนั่นด้วย
ในที่สุดฮิลส์แมนก็ตระหนักได้ว่าเงินสำรองฉุกเฉินมีไว้เพื่อทำอะไร? ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเข้าใจในสิ่งที่คาร์ลกำลังคิด
‘นายน้อยคาร์ลกำลังรวบรวมเงินให้ได้มากที่สุดในกรณีที่อาณาเขตเฮนิตัสหรืออาณาจักรโรมันได้รับผลกระทบจากสงคราม!’
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคาร์ลถึงต้องการเงินจำนวนมาก
มันเป็นเงินสำหรับอาณาเขตเฮนิตัสและอาณาจักรโรมัน หากเป็นเงินจำนวนเพียงเล็กน้อยจะไม่เพียงพอสำหรับการแก้ปัญหาดังกล่าว
ฮิลส์แมนรู้สึกว่าคาร์ลเหมาะสมกับฉายานายน้อยแสงสีเงินยิ่งนัก นอกจากนี้ประสบการณ์ต่างๆที่เขาได้รับจากคาร์ลคงไม่มีทางเกิดขึ้นหากเขาเลือกเส้นทางการเป็นหัวหน้าองครักษ์
‘ข้าตัดสินใจถูกแล้ว!’
เขาพอใจที่เลือกติดตามคาร์ลและรู้สึกว่าตัวเองจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
“ขอรับนายน้อย!..กระผมจะไม่แจ้งเรื่องนี้ให้ท่านเคานต์ทราบ!”
ออนส่ายศีรษะของตนเบาๆเมื่อเห็นฮิลส์แมนตอบรับคาร์ลอย่างแข็งขัน ออนหันกลับมามองคาร์ลเมื่อเห็นว่าเขาพอใจกับปฏิกิริยาตอบรับของฮิลส์แมนเป็นอย่างมาก
ในขณะที่ฮิลส์แมนคิดว่าท่าทางเช่นนี้ของคาร์ลคือการเชื่อมั่นในตัวเขาแต่ออนกลับคิดว่าเงินสำรองฉุกเฉินที่คาร์ลพูดถึงนั้นมีไว้เพื่อการอื่น แน่นอนว่าสิ่งที่ออนคิดเป็นความจริง
‘ฉันต้องหาเงินให้ได้มากที่สุดก่อนสงครามจะเกิดขึ้นเพื่อที่ตัวฉันเองจะได้อยู่อย่างสงบสุขโดยไม่เดือนร้อนเรื่องเงิน’
หากสงครามสิ้นสุดลงเขาวางแผนที่จะลบคำว่า‘งาน’ออกจากชีวิตและแทนมันด้วยคำว่า‘คนขี้เกียจ’ เขาต้องการหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อความฝันจะได้กลายเป็นจริง
คาร์ลตั้งใจอย่างแรงกล้าเพื่อให้อนาคตดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไว
ในทางกลับกันบิลอสกลับรู้สึกแปลกๆเมื่อฟังบทสนทนาระหว่างฮิลส์แมนและคาร์ล
‘…ไม่ใช่ว่านายน้อยคาร์ลชอบเงินหรอกหรือถึงได้คิดหาเงินจำนวนมากขนาดนั้น?’
ดูเหมือนการสนทนาของคนทั้งคู่จะพูดถึงอนาคตที่ยิ่งใหญ่กว่าที่บิลอสคิดเอาไว้
‘ข้ารู้เกี่ยวกับจักรวรรดิแต่มันยังมีเรื่องอื่นอีกมั้ย?’
สัญชาตญาณของเขาในฐานะพ่อค้าเอ่ยเตือนเขาว่ามีโอกาสสูงที่จะเกิดเรื่องดีหรือเรื่องร้ายในไม่ช้านี้
จากนั้นบิลอสก็สบตาเข้ากับคาร์ลพอดีส่งผลให้ร่างของเขาสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆคาร์ลก็หันมามองตน
“บิลอส..เจ้าคิดว่าข้าเดินทางไปเหนือทำไม? ลองหาคำตอบเรื่องนี้ดูแล้วเจ้าจะพบขุมทรัพย์ก้อนใหญ่”
บิลอสรู้สึกว่าไฟที่มอดดับอยู่ในหัวพลันสว่างขึ้นมาเมื่อได้ยินคำใบ้จากคาร์ล มันเป็นเพียงแค่แสงรางๆแต่มันก็เพียงพอให้เขาตระหนักได้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
“นายน้อย..โปรดเรียกใช้กระผมได้ทุกเมื่อหากท่านต้องการ”
รอยยิ้มประจบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบิลอสบ่งบอกได้ถึงการตัดสินใจของเขา อย่างไรก็ตามคาร์ลเลือกปัดมันทิ้งและหันไปมองออนและฮงแทน
ลูกแมวทั้งสองตัวโตขึ้นมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา มันกำลังแยกเขี้ยวยิ้มส่งมาให้คาร์ลราวกับรู้ว่าเขาจะใช้ให้มันทำอะไร
“ออน..ฮง..ไปตามรอนมาพบข้าที”
“เมี้ยวว!!”
มุมปากของฮงยกสูงขึ้นเมื่อมันร้องออกมาเบาๆ เป็นเพราะมันรู้ว่าคาร์ลกำลังจะให้มันทำบางอย่างที่น่าสนใจ
แน่นอนว่ามันคิดถูก
.
. .
ตกดึกคืนต่อมา
ฮงซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของคาร์ลก้มมองหลังคาบ้านเรือนที่อยู่ด้านล่าง คาร์ลลูบขนอันอ่อนนุ่มของฮงเบาๆ ขนของมันดูสุขภาพดีขึ้นหลังจากได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากคาร์ล เอ่อ..ไม่ใช่สิ? รองพ่อบ้านฮันส์ต่างหาก
“อืม..ดูท่าหัวหน้าสมาคมการค้าซิงเท็นจะร้อนรนผิดปกติ..เจ้าคิดแบบข้าหรือไม่บิลอส?”
“ใช่..ใช่ขอรับนายน้อย!”
บิลอสตอบกลับคาร์ลอย่างรวดเร็วพร้อมกับเงยหน้ารับลมเย็นที่พัดเข้ามา เขามองตามสายตาคาร์ลไปยังบ้านพักที่อยู่ด้านล่าง ตอนนี้เขากำลังนั่งบนเชือกอาคมขนาดใหญ่ที่ลอยคว้างบนอากาศ
ออนนั่งอยู่ข้างๆบิลอส ในขณะที่คาร์ลใช้เสียงเรียกของวายุทรงตัวอยู่เหนือหลังคาไม่ไกลจากพวกเขาเท่าไหร่
‘…นายน้อยคาร์ลซ่อนความความแข็งแกร่งของตัวเองเอาไว้’
โล่ไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณเพียงอย่างเดียวที่นายน้อยผู้นี้มี หากเป็นคนธรรมดาทั่วๆไปคงยากที่จะสามารถขึ้นมาบนหลังคาที่สูงและน่าหวาดเสียวเช่นนี้ได้ ขนาดเขายังต้องให้ฮันส์ช่วยจึงสามารถขึ้นมาบนนี้ได้
‘ข้าไม่รู้ข้อมูลของนายน้อยมากนัก’
บิลอสเริ่มนึกถึงอดีตของคาร์ล
‘คาร์ล เฮนิตัส’ขยะไร้ค่าแห่งตระกูลเคานต์ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าคาร์ลแกล้งทำตัวเป็นขยะไร้ค่าแต่ความจริงดังกล่าวยิ่งปรากฏให้เห็นเด่นชัดในเวลานี้
‘ใช่แล้ว!เขาจะรู้ความเป็นไปของทวีปตะวันตกได้อย่างไรหากเขาเป็นเพียงขยะไร้ค่า’
คาร์ลรู้ข้อมูลของอาณาจักรต่างๆในทวีปตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ดังๆหรือบุคคลผู้มีอิทธิพลคาร์ลก็ล้วนมีข้อมูลนี้อยู่ในมือ
เป็นไปได้ว่าคาร์ลแอบไปศึกษาตำราและเล่าเรียนวิชาต่างๆในพื้นที่ที่ห่างไกลที่สุดเพื่อไม่ให้คนจากอาณาจักรโรมันรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของเขา
‘เขาต้องแอบไปเรียนมาอย่างแน่นอน’