ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 219.1
บทที่ 219 พลิกกลับ 5 (1)
ในเวลาเดียวกันคาร์ลก็เริ่มคิดบางอย่างอยู่ในหัว
“มันจะน่ารําคาญเกินไปหรือเปล่า”
คาร์ลก้มมองเสียงเรียกของวายุที่กําลังหมุนวนอยู่บนฝ่ามือของเขา
‘มันคงน่ารําคาญเกินไปหากฉันเปิดเผยพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างอื่นออกไป’
ผู้คนต่างพากันคลั่งไคล้โล่เงินของเขาอยู่แล้ว หากเขาเผยพลังอย่างอื่นออกไปไม่ใช่ว่าคนพวกนั้นจะพยายามบังคับให้เขาทําสิ่งต่างๆมากขึ้นหรอกหรือ?
‘ฉันจะสามารถหยุดอยู่แค่ตําแหน่งผู้บัญชาการได้หรือเปล่า?’
ทันใดนั้นคาร์ลก็รู้สึกกลัว
เขารู้สึกราวกับว่าชีวิตของคนเกียจคร้านกําลังลอยห่างออกไปจากเขาเรื่อยๆ เขาจําได้ว่าชีวิตของเขาเมื่อครั้งที่เป็นคิมร็อกโซต้องยุ่งวุ่นวายขนาดไหน เขาต้องทํางานอย่างหนักทั้งก่อนและหลังที่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าทีม ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความยากลําบากในทุกๆวัน
“แต่ตอนนั้นฉันไม่มีทางเลือกอื่น..แล้วครั้งนี้ล่ะ?.มันไม่มีทางอื่นจริงๆหรือ?”
คาร์ลเริ่มหน้านิ่วในขณะที่เขาและเชวฮันก็ได้ยินเสียงของราอนดังขึ้น มันยังคงล่องหนอยู่เช่นเดิมมีเพียงเสียงเท่านั้นที่ดังให้พวกเขาได้ยิน
“มนุษย์อ่อนแอ! ข้าก็จะทําเช่นกัน! วังน้ําวนของข้าร้ายกาจยิ่งนัก! มา! มาช่วยพวกเขากันเถอะ!”
ร้ายกาจยิ่งนัก!
คํานี้ก้องอยู่ในหัวของคาร์ลราวกับเสียงสะท้อน
เมื่อครั้งที่ทําศึกในมหาสมุทรภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมันนั้น ด้วยหมอกของออนทําให้เขาสามารถซ่อนสิ่งร้ายกาจเช่นนี้จากสายตาของคนในกองทัพเรือไว้ได้ เขาสามารถปัดเรื่องนี้ทิ้งได้ง่ายๆโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะรู้ถึงพลังอย่างอื่นของเขา
“ท่านคาร์ล”
“หืม?”
คาร์ลจึงมองไปข้างหน้าและเห็นเพียงแผ่นหลังของเชวฮัน
“ท่านคงนึกลังเลอยู่สินะขอรับว่าควรจะเปิดเผยพลังอย่างอื่นดีหรือไม่?”
“โอ้โห.หมอนี่ฉลาดจริงๆ”
“กระผมอาจเข้าใจผิดไปเองก็ได้แต่ดูเหมือนว่าท่านจะไม่อยากเปิดเผยพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างอื่นออกไปจริงๆ”
“เจ้าคิดถูกแล้ว..มันเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ”
คาร์ลรู้สึกที่งที่เชวฮันเดาใจเขาถูกก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อไป
“ข้าแค่กลัว..ข้ากลัวที่จะต้องแสดงพลังของตัวเองออกไปมากกว่านี้”
จริงๆแล้วคาร์ลกลัวว่าตนจะไม่ได้พักผ่อนต่างหาก เขากลัวว่าฝันที่ตัวเองจะได้ใช้ชีวิตแบบคนเกียจคร้านจะหลุดลอยหายไป
“…มนุษย์”
“หืม?”
คาร์ลรู้สึกถึงอุ้งมือเล็กๆที่กดหนักๆไปที่ไหล่ของเขา แน่นอนว่าเขาไม่สามารถมองเห็นได้เพราะราอนยังคงล่องหนอยู่เช่นเดิม
แปะแปะแปะ!
“ไม่ต้องกังวลไป.เจ้าไม่ต้องกลัวนะ! เพราะข้ายอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุด!”
“อะไรนะ?”
ความสับสนฉายชัดอยู่บนใบหน้าของคาร์ล อย่างไรก็ตามริมฝีปากของคนที่คาร์ลมองไม่เห็นหน้ากําลังเม้มแน่นสลับกับอ้าออกราวกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่สามารถคิดประโยคจนเอ่ยอะไรออกมาได้กลัว?”
เชวฮันไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ยินคาร์ลพูดสิ่งนี้ออกมา ในขณะเดียวกันเขาก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อนึกถึงเหตุผลที่คาร์ลยอมแสดงความอ่อนแอต่อหน้าราอนและตัวเขาเอง
“อาจเป็นเพราะเราสองคนคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเชวฮันก็ตัดสินใจพูดขึ้น
“มีบางครั้งที่กระผมก็รู้สึกกลัวเช่นกัน”
ถึงแม้ลมในช่วงใกล้สิ้นสุดฤดูหนาวจะไม่ได้หนาวเย็นมากนักแต่เชวฮันก็ยังรู้สึกว่าร่างของเขากําลังสั่นสะท้านเพราะความหนาวเหน็บอยู่
“แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นกระผมก็คิดว่าการที่เราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน..กระผมจะทําทุกวิถีทางเพื่อปกป้องท่านให้ปลอดภัย”
หมอนี่พูดเรื่องอะไรอยู่? ทําไมเขาต้องมาทุ่มเทปกป้องชีวิตของคนขี้เกียจแบบฉันด้วยล่ะ?
คาร์ลไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบอะไรออกไปดี
“อีกอย่างถ้าท่านไม่ต้องการเปิดเผยพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างอื่นออกไปก็ไม่เป็นไรหรอกขอรับกระผมจะเป็นคนหยุดเรือของศัตรูไว้เอง!”
“ข้าไม่มีแผนที่จะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างอื่นเช่นกัน”
“ขอรับ?”
เชวฮันรีบหันหลังกลับมามองคาร์ลทันที มือซ้ายของคาร์ลมีแสงสีเงินพุ่งออกมาแทนที่เสียงเรียกของวายุ อย่างไรก็ตามเสียงเรียกของวายุก็กําลังหมุนวนอยู่รอบๆมือซ้ายของคาร์ลเช่นกัน
เชวฮันมองเห็นรอยยิ้มของคาร์ล
“มนุษย์ทําไมเจ้าถึงยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว?!”
ราอนก็กําลังมองไปที่คาร์ลเช่นกัน ทันทีที่เหาะล้ําหน้าเรือของศัตรูที่กําลังแล่นผ่านมหาสมุทรมาเล็กน้อยไวย์เวิร์นสองตนก็หยุดบินต่อทันที
คาร์ลได้แบ่งปันแผนที่เขาคิดไว้ให้กับเชวฮันและราอนฟังอย่างรวดเร็ว
“ตราบใดที่คนอื่นคิดว่ามันเป็นพลังเดียวกัน…มันก็จะไม่มีปัญหาอะไร”
คาร์ลก้มไปมองด้านล่าง
เขามองเห็นศัตรูกําลังจ้องมายังโครงกระดูกไวย์เวิร์นทั้งสองตัว มีนักเวทย์กลุ่มหนึ่งยืนปักหลักอยู่บนดาดฟ้าเรือ
จากนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่โคลเปย์ได้บอกเอาไว้
‘สําหรับสมาชิกของอาร์มที่อยู่ในระดับดาวแดงหนึ่งดวงนั้นมีอยู่สองคนที่เป็นนักเวทย์…คนแรกเป็นชายชราส่วนอีกคนยังเป็นชายหนุ่มชายหนุ่มคนนี้ดูไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไรและดูเหมือนจะถนัดในการใช้พลังเวทย์เพื่อมุ่งโจมตีเท่านั้น’
เรือค่อยๆมุ่งหน้ามาหาพวกเขา ในขณะเดียวกันนักเวทย์ที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือก็พากันสร้างวงเวทย์ขึ้นสู่อากาศ
วงเวทย์ที่มีรูปร่างหลากหลายรูปแบบแสดงให้เห็นว่านักเวทย์ของกลุ่มพันธมิตรไร้พ่ายเตรียมที่จะโจมตีด้วยพลังที่แตกต่างกันไป
“เชวฮัน”
“ขอรับท่านคาร์ล”
คาร์ลแตะไปที่ลําคอของไวย์เวิร์นก่อนที่มันจะพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จังหวะที่คาร์ลเหาะผ่านหน้าเชวฮันไปเขาก็รีบเอ่ยต่อทันที
“การป้องกันที่ดีที่สุดคือการได้บุกโจมตีก่อน”
ในขณะนั้นคาร์ลก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในอากาศ
มันเป็นแรงที่พุ่งมาจากด้านล่าง
“ยิ่งวงเวทย์ออกไปอีก! เพิ่มพลังเวทย์เข้าไปอีก!”
“การโจมตีระดับหนึ่ง!”
พลังเวทย์ของพวกเขาพุ่งตัวขึ้นสู่อากาศ
“เข้าใจแล้วขอรับ”
ชิ้ง
เชวฮันชักดาบออกจากฝักเมื่อเอ่ยปากว่าตนเข้าใจในสิ่งที่คาร์ลบอก
“แมรี่ไปกันเถอะ”
แมรี่ขยับมือของตนทันที่ที่เชวฮันก้มกระซิบกับโครงกระดูกไวย์เวิร์น ร่างของเชวฮันแนบไปกับโครงกระดูกไวย์เวิร์นพร้อมๆกับออร่าสีดําที่เริ่มเอ่อออกจากปลายดาบของเขา
ปั้งงงงงงง!!!
ในไม่ช้าออร่าสีดําก็ปะทะเข้ากับพลังเวทย์ที่ศัตรูจู่โจมเข้ามา
“โจมตีต่อไป!”
“ยกระดับการโจมตี! อย่าให้พวกเขาเข้ามาใกล้เราได้!”
เชวฮันยังคงขยับเข้าใกล้ศัตรูโดยไม่มีแม้แต่ความลังเลปรากฏให้เห็น พลังโจมตีปะทะเข้ากับปลายดาบอีกครั้งจนเกิดการระเบิดขึ้น ร่างของไวย์เวิร์นเสียหลักไปเล็กน้อยก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ตั้งใจเอาไว้
ปั้งงงงงงงงงงง!!
พลังโจมตีปะทะเข้ากับออร่าสีดําจนเกิดแรงระเบิดขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่เชวฮันก็ยังคงพุ่งเข้าใส่พลังโจมตีต่อไป เขามองเห็นวงเวทย์โจมตีนับสิบรอบๆตัวเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง
มีหินมนตราอยู่บนเรือของศัตรูด้วย แม้ว่าเชวฮันจะไม่รู้ถึงระดับความแข็งแกร่งของหินมนตรา พวกนั้นแต่ความจริงที่ว่าหินมนตราช่วยให้พลังของนักเวทย์แข็งแกร่งขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่พูดเกินจริง
อย่างไรก็ตามเชวฮันกลับยิ้มออกมาช้าๆ
มันไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะฆ่าเขาได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่มีทางตายโดยเด็ดขาด
พรึ่บบบบบบบ!!!
ปีกขนาดใหญ่ของไวย์เวิร์นที่เชวฮันบังคับอยู่กางออกกว้างราวกับจะป้องกันการโจมตีของพลังเวทย์ที่จะพุ่งเข้ามาทําอันตรายต่อตัวเขาซึ่งเชวฮันก็เข้าใจเจตนาของแมรี่ในทันที เขาแตะไปที่ลําคอของไวย์เวิร์นและพูดขึ้นอีกครั้ง
“ไปกันเถอะ”
คู่หูร่วมรบนับตั้งแต่ศึกที่อาณาเขตเฮนิตัสเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกันอีกครั้ง
“โจมตีต่อไป! อย่าให้ขาดตอน!”
“ใช้คลื่นขวางทางเอาไว้..อย่าปล่อยให้มีช่องว่าง!”
“จัดการมันให้ได้! โครงกระดูกนี้จะต้องถูกทําลาย!”
ปลายดาบของเชวฮันยังคงตวัดรับการโจมตีของพลังเวทย์ที่พุ่งมาหาเขาจากทางด้านล่าง
แม้ว่าจะมีวงเวทย์พุ่งมาหาเขาไม่ต่ํากว่าสิบครั้งแต่ปลายดาบของเขาก็ยังสามารถป้องกันได้อย่างแม่นยําช่วงเวลานั้นเอง
มันเป็นช่วงเวลาที่ออร่าสีดําของเขาปะทะเข้ากับเวทย์โจมตีของศัตรู
บู้มมมมมมมมมมมมม!!
เขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
เขารีบหันศีรษะของตนไปมองยังต้นกําเนิดเสียงทันที มหาสมุทรกําลังปั่นปวนและคลื่นก็ถูกยกสูงขึ้นเรื่อยๆ เขามองเห็นบางสิ่งที่ตัดผ่านสายน้ํามาจากทางด้านหลังของเขา
มันดูคล้ายกับกําแพงสีเงินขนาดยักษ์
“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ..”
เชวฮันเริ่มหัวเราะออกมา
‘อย่างที่คิดเอาไว้’
“ใช่แล้ว! นี่สถึงจะสมกับเป็นท่านคาร์ล”
มีสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้น มันเข้าไปขวางทางเรือของศัตรูที่กําลังมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทางตอนเหนือ
โล่สีเงินขนาดใหญ่นี้เคยปกป้องปราสาทลีโอน่ามาก่อนแต่ตอนนี้มันถูกตั้งไว้กลางมหาสมุทรแทน
“ ลดฝีพายลง! รีบเปลี่ยนเส้นทางโดยด่วน! หลบคลื่นให้ได้!”
เกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่เมื่อโล่เงินตัดผ่านสายน้ํา ทหารของพันธมิตรไร้พ่ายรีบคว้าทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัวเมื่อเรือเริ่มโคลงเคลง
พวกเขาไม่อยากตกลงไปในน้ํา
“ทําไมอยู่ๆโล่ก็ปรากฏขึ้นมาล่ะ?”
“นี่มันโล่อะไรกันเนี่ย?!”
เสียงตะโกนด้วยความสับสนดังออกมาจากเรือทุกลํา
“ให้ตายเถอะ! เปลี่ยนเส้นทาง! หลบโลให้ได้!”
“เร่งมือเข้ารีบเปลี่ยนเส้นทาง!”
“บ้าเอ้ย! มันต้องใช้เวลาสักพักถึงจะหักเรือหลบไปได้!”
โล่เงินขนาดใหญ่ขวางทางพวกเขาเอาไว้ กองทัพเรือเริ่มเปลี่ยนเส้นทางเดินเรืออย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับโล่เงินที่เคยปกป้องปราสาทลีโอน่าเมื่อไม่นานมานี้
-เชวฮัน โล่จะไม่ถูกทําลายเพราะโล่ของราอน มิรูผู้นี้ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว!
เสียงของมังกรน้อยวัยหกขวบดังก้องอยู่ในหัวของเชวฮัน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
เชวฮันทําได้แค่หัวเราะต่อไป จากนั้นก็มองลงไปด้านล่าง เรือที่พากันหักหลบเปลี่ยนทิศทางต้องเผชิญหน้ากับอย่างอื่นเช่นกัน
“ห้ะ? เกิดอะไรขึ้น?”
“อะไรกันเนี่ย!”
มหาสมุทรกําลังปั่นปวน