ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 125 คำขอของจี้เยียนหรัน
ชายหนุ่มที่ถือกล่องกระดาษแข็งที่พยายามจะหลบหนีไม่ได้สนใจสถานการณ์ที่อยู่ข้างหลังเขาเลย เมื่อมองเห็นทางแยกที่อยู่ไม่ไกลจากเขา ใบหน้าของเขาก็ดูตื่นเต้นและดูได้ใจมาก
เพราะตรงหน้ามีรถคันหนึ่งรอเขามานานแล้ว ขอเพียงเขาขึ้นไปบนรถนั้นได้ เงินจำนวนแปดล้านก็จะโอนเข้าที่บัญชีเขาทันที!
ถูกต้อง!
นี่คือเงินแปดล้านอันมหาศาลที่เจ้าของโรงพนันหินจ่ายให้พวกเขา! ซึ่งเป็นเงินที่ไม่รู้ต้องใช้การโกงกี่รอบพวกเขาถึงจะหามาได้!
แน่นอน ชายหนุ่มรู้ดีว่าหยกในกล่องมีมูลค่าสูงกว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คิดจะได้มัน ดังนั้นเขาเลือกที่จะรับเงินค่าจ้างแปดล้านจึงจะคุ้มกว่า
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังฝันถึงชีวิตอันงดงามในอนาคตของเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นชาของผู้ชายดังขึ้นจากด้านหลัง กล้าหนีอีกเหรอ? เชื่อไหมว่าผมจะหักขาคุณ!
ชายหนุ่มสะดุ้งตกใจจนวิญญาณแทนหลุดออกจากร่าง เขาค่อยๆ หันกลับไปมอง และคนที่เขามองเห็นนั้นถ้าไม่ใช่เย่เทียนแล้วจะเป็นใครได้?
นาย……นี่มัน…… ชายหนุ่มตกตะลึงอย่างสุดขีด
เมื่อกี้ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองอย่างน้อย 10 เมตรขึ้นไป ระหว่างนั้นยังมีผู้คนที่ยืนขวางอยู่ เขานึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเย่เทียนกับเฉินหวั่นชิงไล่ตามมาติดๆ ได้อย่างไร
เอากล่องคืนมานะ! สีหน้าของเย่เทียนเคร่งขรึมอย่างที่สุด
เมื่อนึกถึงสถานะตัวตนของเขา แต่วันนี้กลับถูกโจรกระจอกเล่นลิงชิงบอล ซึ่งมันก็ทำให้เขาเหลือทนมาก
เมื่อชายหนุ่มได้ยินคำพูดนั้น เขาก็แสดงท่าทีที่ดุร้าย จากนั้นหันกลับไปแล้วใช้เท้าเตะไปที่เย่เทียน
ดวงตาสีเข้มของเย่เทียนเปล่งประกายความเย็นเยือกออกมา และเขาก็สวนกลับด้วยเท้าของเขาอย่างไม่ลังเล
ผ๊วะ!
เสียงกระแทกอย่างรุนแรงและเสียงคร่ำครวญดังขึ้นพร้อมๆ กัน ขาขวาของชายหนุ่มคนนั้นหักและหันไปอีกข้างอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งทำให้คนมองแล้วคลื่นไส้มาก
ในขณะที่เขามีความคิดว่าจะลงมือทำร้ายเย่เทียน เขาก็ถูกลิขิตให้มีจุดจบที่น่าเศร้านี้แล้ว
เมื่อชายหนุ่มล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เย่เทียนก็รีบเอื้อมมือออกไปคว้ากล่องกระดาษแข็งในมือของคนร้ายและนัยน์ยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา
ฉากที่รุนแรงนี้ทำให้ผู้คนที่กำลังโกรธอยู่ตกตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่เฉินหวั่นชิงในตอนนี้ก็รู้สึกผิดหวังมาก
ชายผู้เป็นสามีของเธอคนนี้เคยเป็นคนไร้ประโยชน์มาก่อน แต่หลังจากมีทักษะความสามารถในการต่อสู้แล้วเขาก็สร้างปัญหาไปทั่ว เธอจนปัญญาแล้วจริงๆ!
หวี้หว่อ! หวี้หว่อ!
ในเวลานี้ เสียงไซเรนอันเป็นเอกลักษณ์ของรถตำรวจก็มาถึงในที่สุด
เมื่อมั่นใจว่าตำรวจได้เข้าควบคุมสถานการณ์แล้ว เฉินหวั่นชิงไม่แม้แต่จะมองหน้าเย่เทียน ได้แต่หันหน้าแล้วเดินจากไปเหมือนกับเย่เทียนเป็นสิ่งแปดเปื้อนสำหรับเธอ
เย่เทียนถึงกับแปลกใจ เขาได้แต่อ้าปากแต่ไม่ได้ร้องเรียกให้เธอหยุดลง
เหตุผลคือจี้เยียนหรันน่าจะมากันแล้ว มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ทักทายเธอ และที่สำคัญคือเขาอยากรู้จริงๆ ว่าใครที่ช่างกล้าขนาดนี้ ถึงได้มาเล่นโชว์ละครสัตว์กับเขา!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่เทียนเก็บสายตาและรอยยิ้มอันขมขื่นกลับมาจากเฉินหวั่นชิง จากนั้นหันมองไปที่ชายหนุ่มที่กำลังจับขาของเขาแล้วร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ผมไม่ชอบความยุ่งยาก บอกผมมาว่าใครสั่งคุณมาที่นี่?
แต่ว่าชายหนุ่มดูเจ็บปวดอย่างมาก และดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของเย่เทียนแล้ว ได้แต่จับขาขวาที่พิการไปแล้วของเขาแล้วร้องคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง
จากนั้นเย่เทียนเลิกคิ้วแล้วเหยียดเท้าไปที่ขาซ้ายที่ยังสมบูรณ์ของชายหนุ่มคนนั้นและพูดอย่างเย็นชาว่า ใครให้คุณมาชิงหยก? ถ้าไม่พูด ขาอีกข้างของคุณก็จะใช้งานไม่ได้อีก!
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะตอบสนอง จี้เยียนหรันวิ่งเข้ามา เย่เทียน!
จี้เยียนหรัน ช่วยด้วยครับ! มันจะฆ่าผม! ชายหนุ่มดูเหมือนจะพบกับฟางเส้นสุดท้ายในชีวิตของเขา
ลู่เฟิง? จี้เยียนหรันเหลือบมองชายหนุ่มคนนั้นและขมวดคิ้วขึ้นทันที
เย่เทียนที่เห็นสิ่งนี้ก็ปล่อยขาของชายหนุ่มและหันไปถามจี้เยียนหรันอย่างสงสัย คุณรู้จักเขา?
หมอนี่เป็นสมาชิกของแก๊งมิจฉาชีพ เคยถูกขับเข้าคุกหลายรอบแล้ว
จี้เยียนหรันพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่นแล้วพูดต่ออย่างสงสัยว่า คุณโดนแก๊งมิจฉาชีพนี้เล่นงานเหรอ? แก๊งของพวกเขาแบ่งงานได้อย่างชัดเจนเลยนะ ไม่ได้มีแค่คนที่ถูกรถชนเท่านั้น ยังมีญาติ และยังกล้ามีบทตำรวจจราจรอีกด้วยนะ แล้วคุณรู้ทันพวกเขาได้ยังไง?
ไม่น่าล่ะ ผมถึงว่าทำไมทักษะการแสดงยอดเยี่ยมขนาดนี้ ที่แท้ก็มืออาชีพที่จริงนี่เอง!
เย่เทียนตาสว่างและพยักหน้าพูดต่อ ที่ผมจับผิดพวกเขาได้ ก็เพราะครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะเอาเงินเท่านั้น แต่จะเอาของของผมด้วย
อีกอย่าง ถ้าผมเดาไม่ผิด ผมว่าพวกเขาถูกจ้างมานะ!
จี้เยียนหรันขมวดคิ้วขึ้นทันที เป็นไปได้เหรอ?
พวกเขามุ่งเน้นที่กล่องกระดาษแข็งของผมอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว
เย่เทียนยกกล่องในมือขึ้น ถ้าไม่มีคนสั่งพวกเขามา แล้วพวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ถ้าของในนั้นมันไม่มีค่าล่ะ?
โอ้ว ฟังจากคำพูดของคุณแล้ว ของในนี้ต้องเป็นของที่มีค่ามากเลยสินะ? ให้ฉันดูหน่อยว่ามันคือสมบัติอะไรกัน?
สำหรับจี้เยียนหรันแล้ว เย่เทียนไม่มีอะไรต้องปิดบัง เขาจึงเปิดกล่องอย่างใจเย็นและเปิดให้เห็นถึงหยกที่มีมูลค่าหลายสิบล้านที่อยู่ในนั้น
ชิ้นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?
เมื่อมองแวบแรก แม้แต่จี้เยียนหรันที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ต้องตกใจ นี่มันมูลค่าคงหลายสิบล้านเลยสิ? คุณได้มาจากไหน?
ขอบตาของเย่เทียนกระตุกเบาๆ คุณโฟกัสผิดเรื่องรึเปล่า?
จี้เยียนหรันตั้งสติได้และเตะไปที่ลู่เฟิงอย่างไม่เกรงใจ นี่นายก็เข้าคุกมาหลายรอบแล้ว นายน่าจะรู้กฎดีนะ อย่าโทษฉันไม่เตือนนายก่อนล่ะ ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ นะ
ราคาของชิ้นนี้อย่างน้อย 10 ล้านหยวน ถ้านายจะแบกโทษคนเดียว อย่างน้อยนายต้องรับโทษจำคุก 20 ปีขึ้นไปนะ
แต่ถ้านายบอกความจริงมา ฉันอาจจะพิจารณาเปลี่ยนสำนวนให้นายว่าพยานไม่เพียงพอ มันจะช่วยให้นายไม่ต้องติดคุกนานขนาดนั้นก็ได้
ลู่เฟิงจะกล้าทำตัวแข็งกร้าวอีกได้อย่างไร เมื่อเหลือบเห็นเพื่อนสองคนของเขาก็ถูกควบคุมเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเหมือนกลัวพลาดโอกาสและรีบสารภาพออกมา หยูฉิ่ง เถ้าแก่หยู เจ้าของโรงพนันหินจ้างเรามาครับ!
โรงพนันหิน?! เย่เทียนพึมพำเบาๆ และสายตาก็เย็นชาลงอีกครั้ง
จี้เยียนหรันที่สังเกตเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของเย่เทียน เธอก็กลอกตาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า เย่เทียน เราต้องคุยกันหน่อยแล้วใช่ไหม?
ไงนะ? เย่เทียนทำท่าสงสัย ไม่รู้ว่าจี้เยียนหรันเกิดไอเดียแย่ๆ อะไรอีก
จี้เยียนหรันพูดด้วยรอยยิ้มว่า หยกชิ้นนี้คุณน่าจะเอาไปทำเป็นเครื่องประดับใช่ไหม? ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องของหยูฉิ่งให้นะ แต่คุณทำเครื่องประดับให้ฉันสักชิ้นก็พอ
สำหรับผู้หญิงนั้น เพชรพลอยหรือเครื่องประดับต่างๆ จะทำให้ภูมิคุ้มกันของพวกเธอลดลงอยู่แล้ว แม้แต่หญิงแกร่งอย่างจี้เยียนหรันก็ไม่มีข้อยกเว้น
เย่เทียนถึงกับตะลึง แต่ก็พยักหน้าตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
เขาไม่ใช่คนตระหนี่อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาสนใจแค่หินทิพย์ที่อยู่ด้านในสุดเท่านั้น ส่วนที่เหลือยังไงเขาก็ต้องมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้กับนายท่านเฉินอยู่แล้ว
แต่คงเป็นไปไม่ได้ว่าเขาจะใช้หินหยกก้อนใหญ่นี้เป็นของขวัญวันเกิดใครหรอกนะ?
อย่างน้อยต้องผ่านการแปรรูปให้เป็นเครื่องประดับที่วิจิตรบรรจงก่อน ส่วนที่เหลือเอามาประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับก็ไม่ใช่ปัญหา
ที่สำคัญ ทั้งจี้เยียนหรันและตระกูลจี้ของเธอก็ดีกับเย่เทียนมาก แล้วเย่เทียนจะคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาได้อย่างไร?
หลังจากกลุ่มตำรวจของจี้เยียนหรันมาถึง สถานการณ์ที่วุ่นวายก็ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่รวมตัวกันก็ค่อยๆ แยกย้ายกันไป ส่วนลู่เฟิงกับสมาชิกแก๊งอีกสองคนของเขาก็ถูกส่งตัวไปที่สำนักงานตำรวจ
สำหรับเย่เทียนนั้น แน่นอนว่าเขาต้องขับรถออกไปอย่างสง่างามอยู่แล้ว…..