ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 92 ทำธุรกิจแบบนี้ก็ได้
น้องเย่ใช่มั้ย ไม่ทราบว่าคุณดูออกได้ยังไงว่าถังซานฉ่ายนั่นเป็นของปลอม?
เย่เทียนเพิ่งเดินเข้าไปข้างใน ชายชราที่ชื่อมู่หยุนเทียนก็รีบเข้ามาต้อนรับและถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
มู่หยุนเทียนท่องโลกมาเป็นเวลาหลายปี นอกจากการหาโอกาสที่เหมาะสมในการบรรลุบูโด สิ่งที่เขาชอบสุดก็คือวัตถุโบราณแบบนี้
เขาอยู่ในแวดวงนี้มานานหลายปี แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะโบราณวัตถุทั้งหมดได้ว่าชิ้นไหนเป็นของจริง ชิ้นไหนเป็นของปลอม แต่ เย่เทียนแค่มองไกลๆก็สามารถประเมินได้ว่าถังซานฉ่ายนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม!
แม้ว่าเย่เทียนยังเด็กอยู่มาก แต่ด้วยสายตาของเขา เป็นคนระดับตำนานในวงการของโบราณได้อย่างแน่นอน!
เอ่อ……
เย่เทียนชะงักไป คิดไม่ถึงว่ามู่หยุนเทียนจะกระตือรือร้นเช่นนี้จ
ไอ้มู่ แกอย่าไปทำให้คุณเย่กลัวสิ วันนี้ใช่เวลาพูดถึงเรื่องนี้มั้ย!
จี้เจิ้งโก๋เห็นท่ารีบก้าวยาวๆเข้ามา มองมู่หยุนเทียนและพูดอย่างอ่อนใจ
มู่หยุนเทียนทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ตาเป็นประกาย ไม่ใช่เวลาคุยเรื่องนี้จริงๆแหละ น้องเย่ ถ้ามีเวลาเรามาคุยกันส่วนตัวหน่อยนะ
ระหว่างที่พูดเขาขยิบตาให้เย่เทียนอย่างสื่อความหมาย
เย่เทียนขนลุกขึ้นมาทันที ตาแก่นี่คงไม่ได้มีความชอบประหลาดอะไรใช่มั้ย
คุณเย่ ความจริงที่วันนี้ชวนคุณมาก็เพราะมีบางอย่างอยากจะถามคุณ
หลังจากที่ทั้งสามคนนั่งลงแล้ว จี้เจิ้งโก๋ถึงกล่าวขึ้น
เย่เทียนกระตุกยิ้มที่มุมปาก มองจี้เจิ้งโก๋ด้วยรอยยิ้มบางๆ คุณชวนผมมาเพราะเรื่องที่ผมช่วยหาซื้อสมุนไพรและเตาทองแดงให้ตระกูลจี้ของคุณใช่มั้ย
พอเขาพูดแบบนี้ จี้เจิ้งโก๋ก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นคนในกองทัพมาก่อน ตรงไปตรงมาจนชินแล้ว จึงพยักหน้าแต่โดยดี
ใช่แล้ว!
ฉันจะไม่ปิดบัง ตั้งแต่ที่หลานสาวฉันเอารายการยามาให้ฉัน ฉันก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ จึงส่งให้ไอ้มู่ แต่ไอ้มู่ก็มองไม่ออก บวกกับคุณต้องการเตาทองแดงด้วย ฉันจึงคิดว่าคุณเย่รู้จักวิธี ‘ปรุงยา’ ใช่หรือไม่?
เย่เทียนได้ยินแล้วมีความประหลาดใจฉายอยู่ในแววตา
เขาปรุงยาเป็นจริงๆ แต่คิดไม่ถึงว่าจี้เจิ้งโก๋จะรู้เรื่องพวกนี้ด้วย
มู่หยุนเทียนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเย่เทียน เขายิ้มอย่างไม่คิดมากพร้อมกล่าว น้องเย่ ฉันท่องโลกมาหลายปี เคยข้องแวะกับคนในวงการนั้นอยู่บ้าง ถ้าน้องเย่เป็นคนในวงการนั้นบอกมาตรงๆเลยก็ได้ พวกเราจะรักษาความลับของคุณให้แน่นอน!
พูดถึง คนในวงการนั้น สายตาของมู่หยุนเทียนฉายแววเร่าร้อน
เจ้าพวกนั้นเป็นกลุ่มที่ลึกลับมาก เป็นพวกหลบซ่อนอยู่ในหลืบโลก ตามหาตัวยากสุดๆ แต่เขาโชคดีที่เคยได้รับการชี้แนะจากหนึ่งในคนพวกนั้น ถึงได้มีระดับบูโดที่สูงอย่างปัจจุบัน!
ทว่าพรสวรรค์ของเขามีจำกัด ทั้งชีวิตนี้ก็เข้าถึงได้แค่ระดับดำเท่านั้น เนิ่นนานไม่อาจพัฒนาขึ้นอีกแม้ครึ่งก้าว! ถึงได้เดินทางท่องโลก จุดประสงค์ก็เพื่อได้พบผู้คนในวงการนั้น ขอโอกาสสักเสี้ยวในการบรรลุ!
ปรากฏว่าพอจี้เจิ้งโก๋บอกเขาเรื่องเย่เทียน ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ถึงได้มีการเดินทางมาเจียงหนันในครั้งนี้
เย่เทียนสับสนหนักกว่าเดิม เขาพูดออกมาตรงๆ ผมไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร
พอเขาพูดแบบนี้ ชายชราทั้งสองสบตาเข้าหากัน ล้วนมีรอยยิ้มอยู่ในแววตา และพยักหน้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เรารู้กฎดี เหอะๆ ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว กลับมาที่หัวข้อหลักกันเถอะ!
เย่เทียนเซ็งนิดหน่อย รู้ว่าพวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองไม่อยากเปิดเผยตัวตนเท่านั้น
แต่เขาไม่รู้จริงๆว่ามู่หยุนเทียนพูดถึงอะไร แต่ด้วยความฉลาดของเขา จึงรู้ว่ามู่หยุนเทียนคงจะไปรู้จักกับพวกคนลึกลับ และคนเหล่านั้นคงจะรู้วิธีปรุงยาเช่นกัน ถึงได้เข้าใจตัวเองผิด
เย่เทียนไม่ได้ถามอะไรอีก แต่ก็ไม่ปิดบัง เขาพยักหน้าพร้อมเอ่ย ผมปรุงยาเป็นจริงๆ และสมุนไพรที่ผมขอให้ท่านจี้หา เม็ดยาที่กลั่นออกมานั้นมีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย และระดับบูโดของผู้อื่น!
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมาแล้ว มู่หยุนเทียนอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้นโดยสิ้นเชิง มีประโยชน์มากมายต่อระดับบูโดด้วยหรอ?
ไม่ใช่แค่บูโดหรอกนะ นี่เป็นยาเม็ดที่ฉันปรุงมาใช้ในการฝึกฝนเชียวนะ!
เย่เทียนคิดในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า สายตาเขาฉายแววพิศวงไปแวบหนึ่ง
จี้เจิ้งโก๋เป็นคนใหญ่คนโตระดับต้นๆของเจียงหนัน และมู่หยุนเทียนที่เกี่ยวข้องกับเขายังไม่ได้เปิดเผยตัวตน คงไม่ธรรมดาแน่ๆ
เขาเย่เทียนได้เกิดใหม่อีกครั้ง นอกจากต้องรักษาตระกูลเฉิน ปกป้องเฉินหวั่นชิงแล้ว ยังมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
หากได้ยืมสายสัมพันธ์จากตระกูลจี้เพื่อเตรียมสมบัติให้ตัวเอง สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่เกิดประโยชน์และไร้ข้อเสีย
พวกคุณเชิญดูเถอะ
คิดมาถึงตรงนี้ เย่เทียนก็หยิบยาเม็ดสุดท้ายออกมาและวางลงบนโต๊ะ
มู่หยุนเทียนหยิบมาและเปิดกล่องไม้ออก ทันใดนั้นกลิ่นหอมสมุนไพรก็ตลบอบอวลออกมา เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันตาเห็น ปลอดโปร่งไปทั้งร่าง
นี่….นี่มันยาเม็ดอะไรกัน แค่ดมครั้งเดียวก็เกิดผลลัพธ์มากขนาดนี้
ชายชราทั้งสองตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ สายตาฉายแววเร่าร้อนทั้งคู่
แม้แต่จี้เยียนหรันยังเข้ามาดูอย่างสนอกสนใจ สีหน้าที่มองเย่เทียนนั้นซับซ้อนขึ้นกว่าเดิมอีกมาก
นี่คือยา กินเพียงเม็ดเดียวก็จะช่วยให้ชีพจรปลอดโปร่ง บรรลุระดับเหลืองได้เลย
ระดับดำที่อยู่เหนือระดับเหลือง กินวันละเม็ดตอนฝึกฝน รับรองว่าเกิดประโยชน์เกินกว่าที่ทุ่มเทลงแรงไปอย่างแน่นอน!
เย่เทียนยิ้มอย่างมีเลศนัย สายตาเป็นประกายแวววาว
ยานี่บำรุงถึงแก่นราก เป็นชื่อที่ดีจริงๆ! มู่หยุนเทียนเอ่ยอย่างตื่นเต้น
จี้เจิ้งโก๋ได้สติกลับมาและถามขึ้น เย่เทียน ยาเม็ดแบบนี้คุณมีอีกเท่าไหร่?
เย่เทียนพูดด้วยท่าทีสบายๆ ไม่มีแล้วครับ เตาหนึ่งได้ทั้งหมดห้าเม็ด ผมใช้ไปแล้วสี่เม็ด นี่เป็นเม็ดสุดท้ายแล้ว แต่ถ้าพวกคุณอยากได้แค่หาสมุนไพรมาให้ผม ผมจะปรุงให้เตาหนึ่งฟรีๆ
ปรุงให้เตาหนึ่งฟรีๆ?
มู่หยุนเทียนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก พูดขึ้นอย่างร้อนรน ฉันเอาห้าเตา เรื่องราคาคุยกันได้
เขาแทบจะไม่เลือกวิธีที่จะช่วยให้ตัวเองได้บรรลุแล้ว!
ไอ้มู่ แกทำแบบนี้ได้ยังไง ฉันเป็นคนรู้จักเย่เทียนก่อนนะ ถ้าจะจองล่วงหน้นาฉันก็ต้องได้จองก่อนสิ
จี้เจิ้งโก๋ด่าในใจว่าตาเฒ่านี่เจ้าเล่ห์นัก เขาร้อนใจสุดๆ
เหอะๆ ทั้งสองไม่ต้องรีบร้อนไปครับ แค่หาสมุนไพรมาให้ผมได้ ยาเม็ดพวกนี้อยากได้เท่าไหร่ก็มีเท่านั้นเลยครับ แน่นอนว่าเรื่องราคา…..
เย่เทียนถูนิ้วไปมา ในที่สุดก็เปิดเผยหางจิ้งจอกแสนเจ้าเล่ห์ออกมา
ชายชราทั้งสองมองหน้ากัน ประเมินมูลค่าของยานี้ สุดท้ายมู่หยุนเทียนเป็นคนกัดฟันและพูดอย่างใจใหญ่ ยาหนึ่งเม็ดขายในราคาห้าแสนหยวน นายคิดว่าไง?
ห้าแสน?
เย่เทียนตาเป็นประกาย ก่อนหน้านี้เขาปรุงออกมาห้าเม็ดเสียไปทั้งหมดหนึ่งล้านห้าแสนเท่านั้น
และนั่นเป็นกรณีที่เขายังไม่ถึงระดับ ไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่
ด้วยระดับของเขาในตอนนี้ เตาหนึ่งอย่างน้อยก็ได้แปดเม็ด หรือก็คือกำไรสูงถึงสองล้านห้าแสนหยวน ไม่ต้องจ่ายภาษีด้วย ใต้หล้านี้มีธุรกิจที่ดีขนาดนี้เชียวหรือนี่
ธุรกิจนี้ทำได้!
เย่เทียนพยักหน้าอย่าพึงพอใจ ชายชราทั้งสองสบตากันและหัวเราะเสียงใส