ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 1
ซีเว่ยได้ย้ายมายังต่างโลก
แต่การข้ามโลกครั้งนี้มันช่างตรงข้ามกับเพื่อนร่วมก๊วนไปต่างโลกคนอื่น ๆ ที่โชคร้ายกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นก็อบลินและวินวูล์ฟ
ตัวเขาได้กลายเป็นเทพเจ้า!
แต่ถึงอย่างนั้นซีเว่ยกลับไม่คิดว่าเขาโชคดีขนาดนั้น ความจริงแล้วถ้าเขามีทางเลือก เขาก็อยากจะเปลี่ยนมันกับเหล่าเพื่อนร่วมก๊วนข้ามโลกคนอื่น ๆ ซะจริง ๆ
คุณถามว่าทำไมงั้นเหรอ? เพราะการไปต่างโลกของคนอื่น ๆ จะข้ามไปทั้งตัว ทั้งวิญญาณ และร่างกายเดิม หรืออย่างน้อยพวกเขาก็มีร่างกายใหม่ให้สิง แต่เขากลับกลายเป็นแค่ลูกบอลเรืองแสง!
ไม่ใช่แค่นั้น ตัวตนเทพเจ้าที่เขาได้รับมายังมีฐานะเป็น ‘เทพเจ้าแห่งเกม’ ที่ศรัทธากำลังเข้าสู่จุดวิกฤติ และอีกไม่นาน เขาก็อาจจะไม่สามารถแม้แต่จะคงรูปร่างเป็นลูกบอลเรืองแสงได้อีกต่อไป
ซีเว่ยได้ใช้พลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่เขามีอยู่เล็กน้อย รีบตรวจสอบความทรงจำเก่า ๆ ของเทพเจ้าชั้น 3 ตนนี้ทันที
บอกเลยว่าการค้นพบครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกอึ้งหนักมาก
ในโลกแฟนตาซีที่เขาถูกโยนเข้ามานี้ มีเทพเจ้าต่าง ๆ มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเทพเจ้าโบราณที่อยู่มานาน ต่างจากเขา เทพเจ้าแห่งเกมเป็นเพียงเทพเจ้าใหม่ไร้ประสบการณ์
ความจริง ความเป็นพระเจ้าของเขาถือกำเนิดขึ้นมาด้วยวิธีการนอกรีต จากอดีตอาณาจักร ‘Tierra(เทียร์ร่า)’ ในดินแดนมรรตัย*
(แดนมรรตัย มัน-ตะ-ยะ คือแดนของผู้ที่ต้องตาย ได้แก่ พวกมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน ส่วนแดนของเหล่าเทพคือ อมร แดนแห่งผู้ที่ไม่ตาย ที่เราไม่แปลว่าแดนมนุษย์เพราะเทพบางองค์จะมีผู้ศรัทธาเป็นสัตว์ไม่ก็พวกอมนุษย์ด้วยจ้า เช่นเทพสมุทรจะมีผู้ศรัทธาเป็นเหล่ามนุษย์เงือก)
กษัตริย์องค์ที่ 11 ของอาณาจักรนี้ ‘ยาการันที่ 11’ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้ปกครองที่ไร้ศีลธรรม เอาแต่ใจ และใช้เวลาทั้งวันของเขาไปกับการเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นเกมไพ่ หมากรุก หรือเกมกีฬาเช่นโปโลและฟุตบอล โดยไม่ยอมทำงานบริหารบ้านเมือง
ยาการันที่ 11 เป็นผู้ไม่มีศรัทธา เขาไม่เคยเชื่อในเทพเจ้าหรือศาสนาใด ๆ
อย่างไรก็ตามในโลกนี้ที่เต็มไปด้วยเทพเจ้าต่าง ๆ มากมาย การเป็นผู้ไม่มีศรัทธาถือได้ว่าเป็นพวกนอกรีต แม้แต่ตัวพระองค์เองในฐานะกษัตริย์ ก็ยังถูกผู้คนรอบข้างกระซิบกระซาบนินทา ถูกตั้งคำถาม และได้รับคำกล่าวหามากมายอย่างลับ ๆ ถ้ามันยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่นาน สิ่งเหล่านี้ก็จะกลายเป็นอาวุธสำหรับผู้ที่โลภในบัลลังก์ พวกเขาจะต้องใช้มันใส่ร้ายพระองค์ให้สละราชสมบัติ
ยาการันที่ 11 จมปลักอยู่ในความคิด เขาต้องการปกป้องฐานะกษัตริย์ของเขาเอาไว้ แต่เขาก็ไม่อยากก้มหัวให้กับศาสนาใด ๆ ดังนั้น เขาจึงได้คิดแผนการที่สมบูรณ์แบบแผนการหนึ่งขึ้นมา เขาได้ประกาศว่าตนเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม และได้ใช้แผนการที่หลากหลายเพื่อทำให้ปะชาชนของเขาเข้าร่วมกับศาสนาที่เขาสร้างขึ้น เขาได้ให้คำสัญญาและผลประโยชน์มากมายกับเหล่าขุนนาง และเขายังได้บังคับใช้กฎหมายหลาย ๆ อย่างเพื่อให้ประชาชนในอาณาจักรของเขาเปลี่ยนมาศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม
หลังจากการอุปโลกน์ศาสนาใหม่ขึ้นมาไม่นาน ศาสนาเกมก็ได้ฝังรากลึกลงในเทียร์ร่าและเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางประชาชนของอาณาจักร
เมื่อวันเวลาผ่านไป ประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของอาณาจักรก็ได้กลายเป็นผู้ศรัทธาในศาสนจักรแห่งเกม
เมื่อจำนวนผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้น ความศรัทธามากมายมหาศาลที่มีก็ได้รวมกันก่อให้เกิดเทพเจ้าองค์ใหม่ขึ้นมา นั่นคือเทพเจ้าแห่งเกม
อย่างไรก็ตาม เกมถือเป็นสิ่งเสพติด เมื่อศาสนาได้เติบโตขึ้น ผู้คนจำนวนมากขึ้นก็ติดเกม(การพนัน) และได้ละทิ้งหน้าที่ของตนในสังคม ทำให้อาณาจักรเทียร์ร่าที่แข็งแกร่งแต่เดิมต้องอ่อนแอลง ยาการันไม่อาจส่งต่อบัลลังก์ให้กับลูกชายของเขาได้ เพราะก่อนหน้านั้นอาณาจักรได้ถูกตัดแบ่งออกเป็นหลายส่วน และถูกยึดครองโดยอาณาจักรเล็ก ๆ หลายแห่งรอบพรมแดนของเทียร์ร่า
เมื่อได้เห็นการล่มสลายของเทียร์ร่า อาณาจักรโดยรอบต่างปฏิเสธและสั่งแบนศาสนจักรแห่งเกม พวกเขาต่างออกกฎหมายว่าพลเมืองของพวกเขาทั้งหมด จะต้องไม่เข้าร่วมศาสนาจักรแห่งเกมโดยเด็ดขาด
นั่นทำให้ศาสนจักรที่เข้มแข็งและเจริญรุ่งเรือง ได้ล่มสลายหายไปในพริบตา เพราะผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ได้ละทิ้งศรัทธาของพวกเขาไป
ในฐานะเทพเจ้าเกิดใหม่ เทพเจ้าแห่งเกมเดิมนั้นไม่ได้รับโอกาสที่จะทำให้ความเป็นพระเจ้าของตนมั่นคง ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะพังพินาศ สติของเขาที่พึ่งเกิดก็ได้แตกสลายจากเหตุการณ์นั้น และมันก็ได้เปิดทางให้วิญญาณจากต่างโลกอย่างเขาเข้ามาแทนที่…
“และ…ตอนนี้ฉันต้องมาตามเก็บกวาดความฉิบหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่ใช่ไหม!”
ซีเว่ยถอนหายใจ เขารู้สึกปวดหัวแม้ว่าเขาจะไม่มีหัวอยู่ก็ตาม
“ความเป็นพระเจ้าของฉันยังไม่คงที่ แถมพลังศักดิ์สิทธิ์ของฉันก็เบาบางและอ่อนแอมาก…ยังมีอะไรที่แย่กว่านี้อีกรึเปล่า”
ถึงอย่างนั้นซีเว่ยก็ไม่ได้รีบร้อน เขากลับพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ขั้นแรก เขาได้สร้างวิธีวัดปริมาณพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออยู่โดยใช้หน่วยวัดพลังเทพที่เขากำหนดขึ้น นั่นทำให้เขารู้ว่าตอนนี้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขามีอยู่ทั้งหมด 10 แต้ม
สาเหตุที่เขาไม่ได้กำหนดให้มันมีเพียงแต้มเดียวแม้ว่ามันจะมีอยู่น้อยนิด นั้นก็เป็นเพราะว่าพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าแห่งเกมองค์ก่อนได้ทิ้งไว้ให้เขานั้น มันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น
ถ้าเขาเปลี่ยนพลังทั้งหมดเป็นพลังงานดิบและโยนมันลงในแดนมรรตัย มันก็จะสลายกองทัพนับหมื่นได้ในทันที พลังของมันไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยไปกว่าพลังของระเบิดนิวเคลียร์เลย
แต่ถ้าเขาต้องการทำให้ความเป็นพระเจ้าของเขาคงที่ เขาจะต้องมีพลังงานศักดิ์สิทธิ์อย่างน้อย 100 แต้ม
ตอนนี้เขามีนักพนันที่ยังศรัทธาเขาอยู่เพียงไม่กี่คน แต่อัตราที่พวกเขาสร้างพลังศักดิ์สิทธิ์ให้เขานั้นท่วมท้นมากจนเขาแทบจะไม่เชื่อ แล้วถ้าอนาคตผู้ศรัทธาทั้งหมดของเขาเปลี่ยนไปศรัทธาศาสนจักรของเทพธิดาแห่งโชคลาภ ท่านหญิงฟอร์ทูน่าล่ะ เขาจะไม่แย่เหรอ
“ฉันปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้…”
ซีเว่ยตรวจสอบความสามารถที่เขามีอยู่อย่างรอบคอบ
เทพเจ้าแต่ละองค์มักจะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่สำคัญคือเทพเจ้าแต่ละองค์จะประกอบด้วยลักษณะพื้นฐานสามประการที่คล้ายกันนั่นคือ พรของพระเจ้า ความพิโรธของพระเจ้า และบัญชาของพระเจ้า
พูดง่าย ๆ ก็คือ พรของพระเจ้า คือการโปรดสัตว์ เมื่อเทพเจ้าได้ติดต่อกับผู้ศรัทธาของพวกเขาในแดนมรรตัย พวกเขาจะทิ้งวิวรณ์หรือสิ่งของศักดิ์สิทธิ์บางอย่างไว้เบื้องหลัง หรือทำให้ผู้ศรัทธาตื้นตันใจด้วยพลังและอำนาจที่พระองค์มอบให้ ยิ่งความศรัทธาของคุณมีมากเท่าไหร่ เทพเจ้าก็จะยิ่งชื่นชอบคุณมากขึ้นเท่านั้น กระทั่งเมื่อศรัทธาที่คุณมอบให้มีมากถึงระดับหนึ่ง เทพเจ้าก็จะไว้ใจยอมมอบพลังเหนือมนุษย์บางอย่างให้กับคุณ
ความพิโรธของพระเจ้า ก็ตรงตัวเลย มันคือทัณฑ์สวรรค์ การลงโทษจากเทพเจ้า ที่เหล่าสรรพสิ่งในแดนมรรตัยมิอาจขัดขืนได้
บัญชาจากพระเจ้า เป็นพลังที่เทพเจ้าองค์นั้น ๆ มี มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มากจนอยู่ในระดับเหนือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น เทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว พลังของนางจะสามารถเพิกเฉยต่อฤดูกาลได้ เพราะนางสามารถทำให้พืชผลเจริญงอกงามได้ทุกเมื่อที่นางต้องการ พลังของนางสามารถช่วยให้ผู้ศรัทธา ควบคุมการเก็บเกี่ยวและควบคุมสภาพอากาศได้ในระดับหนึ่ง นั่นหมายความว่า ตราบใดที่มันเป็นส่วนหนึ่งของอิทธิพลที่เทพตนนั้นมี กฎธรรมชาติก็จะไร้ผล!
อย่างไรก็ตาม เทพเจ้าหลายองค์ก็มักจะมีอิทธิพลที่ทับซ้อนกัน เช่น เทพระดับสูงทั้ง 3 องค์ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์แอมโปริโอ เทพเจ้าแห่งแสงลินท์ นักล่าแสงโจคอฟ และเทพชั้นต่ำอีกหลายองค์ที่จำชื่อไม่หวาดไม่ไหว พวกเขามีอิทธิพลเหนือธรรมชาติในเรื่องพลังแห่งแสงสว่าง
ในฐานะเทพเจ้าแห่งเกม บัญชาของพระเจ้าที่ซีเว่ยมีนั้นคลุมเครือมาก เนื่องจากเขามีอิทธิพลเหนือทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเกม แม้กระทั่งเรื่องโชคลาภเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
มันฟังดูดีใช่ไหมล่ะ แต่เมื่อพูดถึงระดับพลังที่เขาสามารถควบคุมได้ กับอิทธิพลที่เขามีนั้น เขาอาจทำได้แย่กว่าเทพชั้นสามทั่วไปซะอีก
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เมื่อซีเว่ยขยายอิทธิพลของเขาไปทับซ้อนกับเทพเจ้าแห่งสรรพสัตว์ เพื่อควบคุมสัตว์ป่าหรือแม้แต่เหล่าสัตว์ประหลาด เนื่องจากการล่าสัตว์และการต่อสู้กับสัตว์ ก็ถือเป็นเกมอย่างหนึ่ง
แต่ถึงอย่างนั้น หากเทพเจ้าแห่งสรรพสัตว์มีอิทธิพลเหนือสัตว์ร้ายถึง 90% อิทธิพลที่ซีเว่ยมีก็อาจมีไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ…
พลังของเขาจับฉ่ายมาก…ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ศรัทธาของเขาจะละทิ้งศาสนาเกมของเขาอย่างง่ายดาย หากพวกเขาต้องการพรและพลังพิเศษที่เฉพาะเจาะจงจากเทพเจ้า พวกเขาสามารถได้รับพรแบบเดียวกันได้จากเทพเจ้าองค์อื่น ๆ และมันก็แข็งแกร่งกว่าพรที่เขาสามารถมอบให้ด้วยซ้ำ
คุณเป็นนักพนันและอยากโชคดี?
คุณสามารถนับถือท่านหญิงฟอร์ทูน่าได้
คุณเป็นนักสู้และต้องการร่างกายที่แข็งแกร่ง?
คุณสามารถนับถือเทพเจ้าแห่งสงครามได้
คุณเป็นไรเดอร์และต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสัตว์พาหนะของคุณ?
คุณสามารถนับถือเทพแห่งสัตว์ขี่ได้
แล้วแบบนั้นทำไมคุณยังต้องการขี่จักรยาน*ไปกับเทพเจ้าแห่งเกมด้วย…
(ขี่จักรยาน น่าจะหมายถึงไปอย่างช้า ๆ แทนที่จะไปด้วยรถยนต์หรือเครื่องบิน)
“อืม…มันอาจจะไม่ได้ไร้ค่าอย่างที่ฉันคิด”
หากเทพท้องถิ่น*ได้เผชิญกับความฉิบหายแบบเดียวกับเขาในเวลานี้ พวกเขาอาจทำได้เพียงแค่หลับตารอการดับสูญอย่างทำอะไรไม่ได้
(เทพท้องถิ่น ที่หมายถึงคือเทพของต่างโลก ไม่ใช่เทพท้องถิ่นแบบเจ้าที่นะคะ)
แต่ซีเว่ยนั้นต่างออกไป ในฐานะโอตาคุติดบ้าน แนวคิดเรื่อง ‘เกม’ สำหรับเขา ไม่ง่ายเหมือนการเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด(โต้วตี้จู่) หรือการพนันที่ปล่อยให้สุนัขกัดกันในสังเวียนที่คนบนโลกนี้คุ้นเคยหรอก
สำหรับเขา เกมมาพร้อมกับการถือกำเนิดของยุคอินเทอร์เน็ต มันมีจิตวิญญาณที่ถูกส่งต่อมายังรุ่นสู่รุ่น ถูกหล่อหลอมทีละขั้นตอน และในที่สุด มันก็ได้ทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนพากันหลงใหล
เรียกได้ว่าเกมคือศิลปะที่ช่วยให้ผู้คนจรรโลงใจและมีความสุขเมื่อได้เล่นมัน และมันก็ได้กลายเป็นศิลปะรูปแบบที่ 9 ที่เรียกว่า ศิลปะแบบวิดีโอเกม!
ในฐานะก้าวแรกของการพิชิตต่างโลก และในนามของเกมเมอร์จากโลก ซีเว่ยตัดสินใจที่จะ…เริ่มสร้างระบบก่อน